ตอนที่ 2 รอยฝ่ามือ
“สำหรับความยโสของคุณ คุณจะซื้อใครก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามาทำบ้าๆกับฉันอีกไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน ฉันจะบอกคุณเอาไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวที่จะมาให้บริการใครบนเรือนี้ ไอ้โรคจิต!” เธอต่อว่าเขาจนพอใจแล้วก็รีบวิ่งไปที่ทางลงจากดาดฟ้าเรือ แต่ก็ถูกบอดี้การ์ดของเขาขวางเอาไว้ อาเหม็ดจ้องมองหญิงสาวด้วยดวงตาวาวโรจน์ เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อนเลย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนวิ่งหนีเขา มีแต่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งนั้น ชายหนุ่มก้าวยาวๆตรงเข้ามาแล้วกระชากแขนอภัสราดึงเข้าไปปะทะกับอกกว้างของเขาอย่างแรงพร้อมกับบีบแขนทั้งสองข้างของเธอเอาไว้
“คุณกล้ามากที่ทำกับผมแบบนี้ คุณรู้จักผมน้อยไป” เขาเน้นเสียงลอดไรฟันดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ
“แล้วทีคุณล่ะกล้าดียังไงมาล่วงเกินฉันแบบนี้ ฉันไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน แต่ถ้ามาทำกับฉันแบบนี้ฉันก็ไม่ไว้หน้าแน่” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นมองสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“คุณท้าทายมากคุณผู้หญิง คุณจะได้รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร” เขาก้มหน้าลงมาต่ำและจุดมุ่งหมายของเขาก็อยู่ที่ริมฝีปากบางอวบอิ่มคู่นั้น อภัสราเบนหน้าหนีจมูกของเขาจึงฝังลงกับซอกคอขาวเนียนหอมกรุ่นกลิ่นสาวของเธอ แม้ว่าจะพลาดเป้าหมายแต่ก็ทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือกทันที
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า ปล่อย!” สองมือยันหน้าอกเขาเอาไว้เต็มแรงแต่ก็ไม่สามารถดันอีกฝ่ายออกห่างได้ ระหว่างที่เธอกำลังจะเสียเปรียบเขาอยู่นั้นก็มีลูกน้องของเขาคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์
“นายครับ” เสียงเรียกทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องด้วยแววตาขุ่นเคือง
“โทรศัพท์จากเจ้าชายเรฮานครับ” ลูกน้องคนสนิทยื่นโทรศัพท์ให้ผู้เป็นนายแล้วถอยห่างออกมา อภัสราใช้ช่วงเวลานี้เองสะบัดตัวหลุดออกมาแล้ววิ่งชนบอร์ดี้การ์ดของชายหนุ่มลงไปชั้นล่างทันที อาเหม็ดกระตุกยิ้มอีกครั้ง
“ฉันจะปล่อยเธอไปก่อนแม่สิงห์สาว” เขาพึมพำเบาๆก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
อภัสราหยุดยืนหอบหายใจแรงๆเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครวิ่งตามเธอมาแน่ๆแล้ว “ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” หญิงสาวยกมือขึ้นถูไปมาตรงซอกคอและแขนทั้งสองข้าง “ไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคอะไรหรือเปล่า ทำไมเขาให้คนโรคจิตขึ้นมาบนเรือหรูหราแบบนี้ได้นะ บ้าจริงๆ กำลังสบายใจอยู่แท้ๆกลับต้องมาเจอแบบนี้” เธอสบถออกมาอย่างโมโหแล้วมุ่งตรงไปยังห้องพักของตนเอง “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า ถ้าอยู่ใกล้ฝั่งกว่านี้ล่ะก็จะให้พี่เอริคขับเรือไปส่งเสียเลย ซวยจริงๆ มาเจอผู้ชายแบบนี้ได้” อภัสราเดินเข้าห้องพักอย่างหัวเสีย
อาเหม็ดนั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้นวมบุด้วยผ้ากำมะยี่สีแดงภายในห้องพักสุดหรูของเรือสำราญ มือทั้งสองกางออกพาดเอาไว้บนพนักพิง สายตาจ้องมองไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเข้ามา เจนจิราคลี่ยิ้มทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ เอริคเดินเข้าไปแล้วโค้งต่ำให้เขา “คุณอาเหม็ดให้คนไปตามผมมามีอะไรด่วนหรือครับ”
“มีแน่” อาเหม็ดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเข้าไปหาหญิงสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างๆกับหนุ่มอังกฤษ “ฉันอยากชวนสาวสวยของนายไปทานข้าวเย็นแล้วก็เต้นรำด้วย นายจะมีปัญหาหรือเปล่า”
“มะ..ไม่มีครับ” เอริครีบพูดตอบกลับทันที เจนจิราหันมามองหนุ่มคู่ควงนิดหนึ่งอย่างแปลกใจแต่เธอก็ดีใจที่จะได้อยู่กับหนุ่มหล่อขนาดนี้ในคืนนี้ หล่อกว่าหนุ่มที่เธอควงอยู่ไม่รู้กี่เท่าแถมยังดูมีเงินมากกว่าด้วย แบบนี้ก็สบายเธอล่ะ..หญิงสาวลอบคิดอย่างดีใจ
“ขอบใจมาก อับลาฮิม” เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ลูกน้องคนสนิท อับลาฮิมโค้งต่ำแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำสองใบมาส่งให้กับเอริค “ฉันตกลงซื้อสินค้าที่นายเสนอมา แล้วก็จะรับสินค้าไปพรุ่งนี้เลย นายจะมีปัญหาหรือเปล่า” ชายหนุ่มเดินโอบเอวคอดกิ่วของเจนจิรามานั่งลงที่โซฟายาวอีกด้านของห้อง เอริคเดินตามมาพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจเมื่อรับกระเป๋าไปจากอับลาฮิมเรียบร้อยแล้ว
“จะไม่ตรวจสอบก่อนหรือไง” เขาหันมาถามเสียงเรียบ
“ไม่ต้องหรอกครับ คนอย่างคุณอาเหม็ดไม่คิดโกงผมอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” เอริคโค้งต่ำลงอีกครั้งก่อนจะก้าวออกไปจากห้องพร้อมกับกระเป๋าสีดำสองใบ
เจนจิราหันมามองหน้าชายหนุ่มข้างๆอย่างเต็มตา “ซื้อสินค้าอะไรกันหรือคะ เป็นความลับด้วยหรือคะ” เธอเอ่ยถามเขาเสียงหวาน
“ผมไม่ชอบให้ใครมาล่วงล่ำเรื่องส่วนตัวของผมมากนัก” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวสวยต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “แพทขอโทษค่ะ ว่าแต่ถ้าจะรู้จักชื่อของคุณล่ะคะจะได้หรือเปล่า แพทว่าแพทคุ้นหน้าคุณเอามากๆเลย” เจนจิรายิ้มร่า
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ชื่อของผมก็คืออาเหม็ด อัลลาฮา เซริคซัน อัลฟาฮา” ชายหนุ่มบอกชื่อเต็มของตนเองแล้วเอนหลังพิงกับพนักพิง เจนจิราทำตาโตใส่เขาเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือเศรษฐีหนุ่มอันดับหนึ่งของประเทศคูลฮาร์น มิน่าล่ะเธอว่าคุ้นๆหน้าเขา เธอเคยเห็นเขาในหน้าข่าวบันเทิงกับนางแบบสาวชื่อดังชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง
“อุ้ย!..ตายจริง นี่แพทกำลังอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่มชาวคูลฮาร์นเลยหรือคะเนี่ย แหมยิ่งกว่าฝันไปอีกนะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง
“ผมควรจะดีใจมากกว่าที่ได้อยู่กับสาวสวยแบบคุณที่นี่ ว่าแต่คุณจะไปทานข้าวก่อนหรือว่าจะไปหาอะไรดื่มแล้วก็นั่งฟังเพลงก่อนดีล่ะครับ” อาเหม็ดคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาวสะอาดตา
“แพทว่าเราไปหาที่นั่งดื่มแล้วก็ฟังเพลงกันสองคนดีกว่าค่ะ แพทไม่ทานอาหารเย็นแล้วก็ไม่ชอบที่ๆมีคนพลุ่งพล่าน” เธอยิ้มตอบเขา
ชายหนุ่มดึงตัวหญิงสาวให้ขึ้นไปนั่งบนตักของเขา “รูปร่างคุณดีอยู่แล้ว ถึงทานมากกว่านี้ก็ไม่น่าเกลียด เดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้ดู” ชายหนุ่มมองตอบสายตาเชิญชวนคู่หวานนั้นก่อนจะอุ้มหญิงสาวเดินหายเข้าไปทางห้องนอนของตนเอง อับลาฮิมรู้หน้าที่ของตนเองดีจึงเดินออกมาจากห้องพร้อมกับลูกน้องทั้งหมดแล้วมายืนเฝ้าหน้าห้องแทน
ก๊อก! ก๊อก!
“ภัสอยู่หรือเปล่า” เอริคร้องเรียกเมื่อออกไปเดินตามหาน้องสาวที่ดาดฟ้าเรือแต่ก็ไม่เจอ อภัสราเปิดประตูออกแล้วมองพี่ชายอย่างค้อนๆ เอริคก้าวเข้ามาในห้องพักของน้องสาวแล้วนั่งลงที่เก้าอี้
“เป็นอะไรไปหน้าบึ้งบูดเชียว”
“ก็ไปเจอไอ้พวกโรคจิตมาน่ะสิ เรือระดับผู้ดีแท้ๆแต่กลับมีไอ้พวกบ้ากามขึ้นมาด้วย พี่ควรจะไปบอกกัปตันเรือให้จับมันโยนลงไปจากเรือก่อนที่พวกผู้หญิงจะเป็นอันตรายนะ” หญิงสาวแนะนำ เอริคขมวดคิ้วมุ่น
“เป็นไปได้ยังไงยัยภัส เรือระดับนี้มีแต่พวกมหาเศรษฐีทั้งนั้น แกคิดไปเองหรือเปล่า” เอริคหัวเราะราวกับเห็นว่าสิ่งที่น้องสาวพูดเป็นเรื่องตลก
“ภัสพูดเรื่องจริง ก็ไอ้คนที่มันนั่งจ้องพวกเราเมื่อตอนกลางวันที่ห้องอาหารไงพี่จำได้หรือเปล่า” เธอพูดเตือนความจำให้พี่ชาย
เอริคทำท่าตกใจนิดหน่อยแล้วก็รีบปรับให้เป็นปรกติ “คนไหนพี่จำไม่ได้หรอก” เขาลุกขึ้น “พี่จะมาพาเราไปทานอาหารเย็นแล้วก็ไปฟังเพลงกันจากนั้นก็ไปหาซื้อเครื่องเพชรซักชุด”
“พี่ไปเอาเงินมาจากไหน แล้วที่นี่มีร้านขายเครื่องเพชรด้วยเหรอ” อภัสรามองหน้าพี่ชายอย่างคนที่สงสัย
“มีสิ พี่สั่งเขาเอาไว้แล้ว พี่รู้นะว่าพี่ไม่เคยทำดีกับเราแล้วก็แม่ของเราเลย พี่อยากให้อะไรน้องสาวของพี่บ้าง เงินนั้นพี่ก็หามาได้เองไม่ได้ไปปล้นใครมารับรองได้” เอริคเดินเข้ามาโอบไหล่น้องสาวแล้วพาเดินออกไปจากห้อง คำพูดที่เหมือนกับจะออกมาจากใจนั้นทำให้ผู้เป็นน้องสาวเชื่ออย่างสนิทใจ
“ภัสไม่ต้องการอะไรนอกจากเห็นพี่กลับมาทำงานเหมือนเดิมไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีก พี่ให้ภัสได้หรือเปล่า” เธอฉุดพี่ชายให้หยุดยืนที่หน้าประตูห้องแล้วมองจ้องเขานิ่ง
“พี่..เอ่อ..พี่” เอริคอึกอักและหลบสายตาของน้องสาว
“ภัสไม่เร่งรัดพี่หรอก แต่อยากให้พี่ทำไม่ใช่เพื่อภัสแต่เพื่อตัวของพี่เอง พี่ก็เห็นว่าไม่มีใครได้ดีเพราะการพนัน มันมีแต่จะสร้างความหายนะให้กับผู้กระทำและคนรอบข้าง ภัสไม่อยากเห็นพี่เป็นเหมือนกับคนพวกนั้น ภัสเหลือพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น ภัสไม่อยากสูญเสียคนที่ภัสรักไปอีกคน” เอริคลอบกลืนน้ำลายลงคอ เขาซาบซึ้งกับคำพูดที่หวังดีกับเขาอย่างแท้จริง แต่ผีพนันอย่างเขาก็ซาบซึ้งกับมันได้เพียงไม่นานเพราะความโลภมันเข้ามาบดบังทั้งชีวิตของเขาไปเสียแล้ว
“พี่สัญญาสักวันพี่จะเลิกมันให้ได้เพื่อภัสน้องสาวคนดีของพี่” เอริคลูบหัวน้องสาวเบาๆแล้วโอบไหล่พาเดินออกไปจากห้องพักตรงไปยังห้องอาหารสุดหรู
ผู้เป็นพี่ขยับเก้าอี้ออกเพื่อให้น้องสาวทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม อภัสรารู้สึกว่าวันนี้พี่ชายของเธอดูแปลกๆไป หรือเธออาจจะคิดมากไปเองก็ได้ “แล้วคุณแพทไปไหนเสียล่ะคะ” เธอเอ่ยถามถึงหญิงสาวอีกคนที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน
“ไม่รู้สิ แต่ก็ช่างเขาเถอะ ตอนนี้พี่อยากอยู่ตามลำพังกับน้องสาวของพี่มากกว่า เดี๋ยวทานข้าวเสร็จพี่จะพาไปนั่งฟังเพลงเบาๆเพื่อผ่อนคลายสมอง” เขายิ้มกว้างให้น้องสาว
“ตามใจพี่เถอะค่ะ” เธอยิ้มตอบให้พี่ชาย แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆระหว่างนั่นสายตาคู่สวยก็ไปปะทะเข้ากับร่างของชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งเบียดกันอยู่ตรงโต๊ะมุมในสุด “พี่เอริคดูนั่น” หญิงสาวบุ้ยปากให้พี่ชายมองตามสายตาของเธอไป “นั่นคุณแพทนี่ค่ะ แล้วผู้ชายคนนั้นก็..” เธอหยุดหันมามองทางพี่ชาย “ผู้ชายคนนี้ไงค่ะพี่เอริคที่ลวนลามภัสแล้วก็ที่นั่งจ้องเราในห้องอาหาร เขานี่แหละค่ะพี่เอริคไปตามเจ้าหน้าที่มาจับตัวเลยสิคะ แล้วทำไมคุณแพทไปอยู่กับเขาได้ล่ะคะ”
“พี่ก็ไม่รู้ อย่าไปสนใจเลยภัส เราอย่าไปยุ่งกับพวกเขาดีกว่า ดูท่าทางเขามีอิทธิพลมากพอดูเหมือนกันนะ ไม่งั้นคงไม่มีคนคุ้มกันมากขนาดนั้น”
“แล้วคุณแพทไม่เป็นอันตรายหรือคะพี่” อภัสราอดเป็นห่วงหญิงสาวอีกคนไม่ได้
“คุณอาเหม็ดไม่ใช่คนไม่ดีซะหน่อย” เอริคหลุดปากเอ่ยชื่อชายหนุ่มอีกคนออกไป ทำให้อภัสรามองจ้องเขาอย่างทันควัน
“พี่รู้จักเขาด้วยหรือ ไหนบอกว่าไม่รู้จักไง” เธอถามอย่างคาดคั้น เอริคหลบสายตาน้องสาวก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่อีกฝ่ายเพื่อกลบเกลื่อน
“พี่เพิ่งรู้จักเขาเมื่อตอนบ่ายนี่เอง เห็นเขาบอกกันว่าเป็นคนร่ำรวยมากแล้วก็เป็นชาวอาหรับด้วย ไม่มีใครบนเรือนี้กล้ายุ่งกับเขาหรอก ถ้าเธอไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเด็ดขาด”
“แล้วไงคะ เป็นคนรวยแล้วคิดว่าจะทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่างหรือไง ถึงรวยแค่ไหนมันก็คนเหมือนกัน ผู้ชายแบบนี้น่ารังเกียจที่สุด เห็นแล้วทานข้าวไม่ลงเลย ภัสขอตัวก่อนนะคะหมดอารมณ์” หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไป ทำให้เอริคต้องรีบลุกขึ้นวิ่งตามไป
อาเหม็ดยกมุมปากขึ้นเมื่อหันมาเห็นชายหญิงที่คุ้นตาเดินออกไปจากห้องอาหาร อาการกระตุกยิ้มของเขาทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆต้องหันไปมองตามสายตาของเขา
“สนใจหรือคะ” เธอยิ้มหวาน “คุณอภัสราน้องสาวต่างมารดาของคุณเอริคได้ข่าวว่าเป็นไฮโซจอมปลอมทำตัวมีเงินแต่แท้จริงแล้วไม่มีสักแดงเดียว เห็นเขาบอกกันว่าพี่ชายติดการพนันอย่างแรง ส่วนน้องสาวก็ทำงานตัวเป็นเกลียว น่าสงสาร เธอสวยนะคะถึงจะไม่สะดุดตาแต่ก็จัดว่ามองแล้วไม่เบื่อ”
“คุณนี่รู้ดีจริงๆเลยนะ” เขาหันมายิ้มให้เจนจิราแล้วหันกลับไปมองทางประตูที่ทั้งสองเดินออกไป ‘ม้าพันธุ์ดีมันก็ต้องมีพยศ แบบนี้สิถึงจะมีรสชาติของชีวิต’ ความคิดของชายหนุ่มไปไกลมากกว่านั้นและไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรหรือว่าวางแผนอะไรอยู่ มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
“อับลาฮิม” เขาเรียกลูกน้องคนสนิทเบาๆ
“ครับนาย” อับลาฮิมขยับเข้ามาใกล้ๆแล้วก้มต่ำลงไปหาเขา ชายหนุ่มหันมาทางลูกน้องแล้วกระซิบเบาๆ “ฉันเปลี่ยนกำหนดการเดินทาง ฉันจะกลับคืนนี้เลยจัดการให้ด้วย”
“ครับนาย” อับลาฮิมโค้งให้ชายหนุ่มอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปทำตามคำสั่ง ไม่มีใครกล้าที่จะขัดคำสั่งเจ้านายของเขาได้ เพราะนั้นคือทางที่จะนำไปสู่หายนะให้กับตัวเอง เขาทำงานมากับอาเหม็ดนานจนรู้ใจและมีเขาเท่านั้นที่กล้าจะขัดคำสั่งเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นอาจเป็นอันตรายต่อตัวของเจ้านายหนุ่มได้