ตอนที่ 2 สันดานผู้ชาย
เอกภพขมวดคิ้วเมื่อเห็นน้องสาวมายืนสีหน้าบึ้งตึงพิงประตูห้องนอนของเขาอยู่ พอเขาเดินเข้าไปใกล้ก็ตะคอกใส่ราวกับไปกินรังแตนที่ไหนมา
“นี่พี่ภพคิดจะทำอะไร คิดจะเอาอีนังนั่นมาทำพี่สะใภ้ของเนตรหรือไง เนตรไม่ยอมเด็ดขาด!”
“อะไรของแก กินยาลืมเขย่าขวดเหรอไง” เอกภพเลิกคิ้วสูงก่อนจะเปิดประตูเข้าห้อง กนกเนตรเดินตามเข้ามา
“เมื่อกี้ฉันเห็นพี่กับอีนังพัชยื้อยุดกันไปมา พี่คิดจะเป็นสมภารกินไก่วัดหรือไง พี่ก็รู้ว่าฉันกับแม่เกลียดมันยังกับอะไรดี!”
“แล้วพี่บอกหรือไงว่าไม่เกลียดมัน พี่ก็แค่เย้าแย่มันไปตามประสาผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้นพี่ไม่เอามาทำเมียหรอก ถ้าจะเป็นได้ก็แค่เอาไว้แก้เบื่อแก้เหงาเท่านั้นแหล่ะ แกโวยวายไปเอง” ร่างสูงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ปลายเตียง แล้วเอาเท้าพาดวางบนโต๊ะไม้สักราคาแพง
“ให้มันจริงเถอะ เพราะถ้าแม่รู้ว่าพี่ไปเกาะเกะกับนังพัชรินทร์ล่ะก็ พี่โดนแม่ด่ายับแน่ๆ”
“เอ่อน่า พี่ไม่สนมันหรอก ก็แค่หยอกเล่นๆ น่ะ” ผู้เป็นพี่บอกอย่างรำคาญ
“หยอกนะได้ แต่อย่าเผลอไปตะครุบมันมากินก็แล้วกัน” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดเดินออกจากห้องพี่ชายไป
“แต่ก็ไม่แน่ ในเมื่อเนื้อสดๆ หอมๆ มากองอยู่ตรงหน้า ใครล่ะจะไม่กิน” เอกภพพึมพำเบาๆ พร้อมกับอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ผู้ชายอย่างเขามีวิธีหลายรูปแบบที่จะทำให้ผู้หญิงมาสงบอยู่ตรงหน้า เหมือนอย่างที่เขาว่าไว้ เมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล เมื่อไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา
หนึ่งเดือนต่อมาพัชรินทร์ก็มีข่าวดีที่สุดมาบอกกับนมแย้ม หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อได้รับฟังข่าวดีจากหญิงสาว
“ป้าดีใจด้วยนะหนูพัชที่จะได้ย้ายไปอยู่กับคุณพ่อ จะได้ไปให้พ้นๆ จากพวกคนชั่วร้ายเสียที” นมแย้มยิ้มแก้มปริ เธอตัดสินใจถูกแล้วที่โทรไปปรึกษาเอกพจน์เมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วอาทิตย์นี้ก็ได้รับข่าวดี รวดเร็วทันใจดีจริงๆ นี่แหล่ะที่เขาว่าสวรรค์ไม่เคยละทิ้งคนดี
“หนูเองก็ดีใจค่ะป้า” เมื่อเช้าหัวหน้าของเธอได้เรียกตัวเข้าไปพบและแจ้งข่าวดีกับเธอว่า ได้มีคำสั่งแต่งตั้งและย้ายเธอไปเป็นเลขานุการที่ราชอาณาจักรซาตูเนีย เพราะคนเก่าที่ประจำอยู่ที่นั่นมีปัญหาทางบ้านจึงขอย้ายกลับมาเมืองไทย ทางเอกอัครราชทูตซึ่งก็คือบิดาบุญธรรมของเธอจึงได้ขอตัวเธอไปทำหน้าที่เลขานุการแทนคนเก่าเพราะเธอจบทางด้านรัฐศาสตร์มาโดยตรง
“แต่ว่าถ้าหนูไปแล้วจะไม่มีคนช่วยป้าทำงานน่ะสิคะ” พัชรินทร์อดเป็นห่วงหญิงสูงวัยเพราะอายุมากแล้ว
“โธ่...อย่ามาห่วงป้าเลย ป้ามีคนช่วยเยอะแยะ” นมแย้มลูบหัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางสาวใช้วัยกลางคนที่เดินเข้ามาหา
“คุณพัชค่ะ คุณหญิงเรียกหาค่ะ” คำบอกกล่าวนั้นทำให้นมแย้มกับพัชรินทร์หันมาขมวดคิ้วมองหน้ากันอย่างแปลกใจเพราะน้อยครั้งมากที่คุณหญิงภคพรจะเรียกใช้พัชรินทร์ และการเรียกพบแต่ละครั้งนั้นก็ไม่มีเรื่องดีๆ เลยสักครั้ง
ชายแดนราชอาณาจักรซาตูเนีย
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณเนินทรายลูกใหญ่บ่งบอกถึงการปะทะกันของกลุ่มคนสองกลุ่มที่มีอาวุธครบมือ
“พวกมันแตกกระเจิงไปแล้วพะย่ะค่ะ จะไล่ตามไปไหมพะย่ะค่ะ” ซิยาดหันมาทูลถามราชนิกุลหนุ่ม เมื่อกลุ่มผู้ร้ายขนอาวุธสงครามข้ามชาติถูกกองกำลังทหารของซาตูเนียล้อมจับ มีการยิงต่อสู้กัน มีผู้คนล้มตายและหนีเตลิด ที่รอดก็หนีข้ามชายแดนไป
“ไม่ต้อง...จัดการเคลียร์พื้นที่และขนอาวุธพวกนี้ไปเก็บไว้ที่ค่าย แล้วค่อยส่งเข้าวังหลวง” เจ้าชายอิมรามประทับยืนขึ้นพร้อมกับทอดพระเนตรไปยังกล่องไม้เกือบ 10 ใบ ที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ อาวุธพวกนี้กำลังจะถูกส่งไปยังกลุ่มคอวาริจญ์ที่ตั้งตัวเป็นชนกลุ่มน้อยแบ่งแยกดินแดน
แม้ว่าประเทศจะพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกคอวาริจญ์ก็พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน มีการสั่งซื้ออาวุธสงครามจากต่างประเทศเข้ามาต่อสู้กับทหาร และเข็นฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ตามชายแดน จับตัวนักท่องเที่ยว นักธุรกิจต่างชาติเพื่อเป็นตัวประกันต่อรองกับทางรัฐบาลเพื่อแบ่งแยกดินแดน
ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาทางรัฐบาลก็ตามกวาดล้างอย่างหนักเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับประเทศ แต่ก็ยังตามจับตัวผู้นำชนกลุ่มน้อยคอวาริจญ์ไม่ได้ ซึ่งในข้อนี้เจ้าชายอิมรามทรงเจ็บแค้นในพระทัยมาก
กรุงเทพฯ ประเทศไทย
“คุณพจน์โทรมาบอกกับฉันเมื่อครู่นี้เองว่าได้ทำเรื่องขอตัวแกไปเป็นเลขาของเขา แกโทรไปออดอ้อนคุณพจน์ยังไง เขาถึงได้ขอตัวแกไปทำงานที่ซาตูเนียด้วย” คุณหญิงภคพรถามเสียงแข็งพร้อมกับจ้องหน้าหญิงสาวด้วยแววตาเกลียดชัง ยิ่งโตพัชรินทร์ก็ยิ่งเหมือนเกตุวดีมากและนั่นก็ทำให้เธอหวาดระแวงว่าพัชรินทร์จะมาแย่งเอกพจน์ไปจากเธอ
แต่ยังไม่ทันที่พัชรินทร์จะเอ่ยปากพูดอะไร กนกเนตรก็เดินเข้ามาในห้องแล้วหันไปมองหน้าพัช
รินทร์กับนมแย้มนิดหนึ่งก่อนจะหันมานิ่วหน้ากับมารดาอย่างสงสัย
“มีอะไรกันหรือคะคุณแม่” ร่างบางเดินไปนั่งลงข้างๆ กับมารดา
“ก็คุณพ่อของแกน่ะสิ ไม่รู้ว่าแม่พัชรินทร์ไปอ้อนพ่อแกยังถึงจะเอาตัวไปเป็นเลขาที่ซาตูเนียโน่น” พูดแล้วก็พลางตวัดสายตาค้อนให้หญิงสาวอย่างหมั่นไส้และชิงชัง
“พัชเปล่านะคะคุณหญิง พัชไม่ได้โทรไปอ้อนคุณพ่อเลยนะคะ” พัชรินทร์ปฏิเสธ เธอนึกอยู่แล้วว่าถ้าคุณหญิงภคพรทราบเรื่องนี้ก็ต้องคิดว่าเธอโทรไปหาบิดาบุญธรรมแน่ๆ
“ถ้าแกไม่โทรไปอ้อนพ่อของฉัน มีหรือที่คุณพ่อจะเจาะจงเอาตัวแกไป ทั้งๆ ที่แกเพิ่งจะเข้าไปทำงานได้ไม่นาน” กนกเนตรถลึงตาใส่พัชรินทร์อย่างไม่พอใจ ตั้งแต่พัชรินทร์เข้ามาอยู่ในบ้าน บิดาของเธอก็เอาใจและรักพัชรินทร์มากกว่าลูกในไส้อย่างเธอเสียอีก แถมยังจะเอาไปทำงานที่ซาตูเนียด้วย เธอไม่ยอมแน่ๆ
“ทำไมคุณเนตรไม่โทรไปถามคุณพ่อเองล่ะคะว่าทำไมถึงอยากได้ตัวหนูพัชไปอยู่ด้วย แต่ดิฉันเชื่อแน่ว่าหนูพัชไม่ได้โทรไปออดอ้อนคุณเอกพจน์แน่ เพราะเธอไม่มีนิสัยชอบอ้อนแบบนั้น” นมแย้มพูดแทรกขึ้นเมื่อเห็นพัชรินทร์โดนสองแม่ลูกใส่ร้าย
“หยุดให้ท้ายมันเสียทีเถอะนมแย้ม! ทั้งๆ ที่กินข้าวของฉันแต่กลับไปเข้าข้างนังเด็กชั้นต่ำแบบนี้ นมแย้มรู้จักมันดีแค่ไหนกัน มันก็เหมือนแม่ของมันนั่นแหล่ะชอบยั่วผู้ชายไปทั่ว!” คุณหญิงภคพรกำมือแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว
“อย่ามาดูถูกแม่ของดิฉันนะคะ! จะด่าว่าดิฉันยังไงก็ได้ แต่อย่ามาว่าแม่เกตุวดี!” พัชรินทร์เม้มปากแน่น จะด่าจะว่าเธอยังไงเธอไม่ว่า แต่อย่ามาด่าพาดพิงถึงบิดามารดาของเธอเด็ดขาด
“แม่แกวิเศษมาจากไหนหรือไงถึงด่าไม่ได้ นังพัชรินทร์!” กนกเนตรลุกพรวดขึ้นยืนด้วยความโมโห
“แล้วถ้าดิฉันด่าคุณหญิง แม่ของคุณบ้างล่ะคะคุณเนตร คุณจะเดือดร้อนแทนไหม!” พัชรินทร์ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับอีกฝ่าย
“แก...! อีนังพัชรินทร์!” กนกเนตรเต้นเร่าๆ ราวกับโดนมดกัด คุณหญิงภคพรเองก็โมโหไม่แพ้บุตรสาว แต่เพราะตัวเองเป็นผู้ใหญ่จึงลุกมากระทืบเท้าเต้นแรงเต้นกาแบบบุตรสาวไม่ได้
“พอกันได้แล้วมั้งคะคุณหญิง คุณเนตร” นมแย้มเอ่ยขึ้น ถ้าเธอไม่ยุติการปะทะคารมในครั้งนี้ล่ะก็ มีหวังพัชรินทร์ได้เละคามือคุณหญิงแน่ๆ “พวกคุณก็โตๆ กันแล้ว คงมีความคิดอยู่บ้าง เรื่องเล็กๆ อย่าให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ”
“นังนมแย้ม นี่แกกล้ามาสั่งสอนฉันเหรอไง!” คุณหญิงภคพรถึงกับกัดริมฝีปากเมื่อถูกคนรับใช้วัยดึกมาสั่งสอน
“อย่าเรียกว่าสั่งสอนเลยค่ะ เรียกว่าตักเตือนจะดีกว่า ถ้าหมดเรื่องแล้วดิฉันขอตัวพาหนูพัชไปพักผ่อนก่อนนะคะ” พูดจบนมแย้มก็ดึงมือหญิงสาวเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น
“อีแก่! สักวันฉันจะตบแก่ให้ล่วงลงไปกองที่พื้นเลยคอยดู” กนกเนตรพึมพำตามหลังไปอย่างเคียดแค้น ก่อนจะหันมาทางมารดาที่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่ด้วยความโมโห
“ในเมื่อนังพัชรินทร์มันไปได้ เนตรก็ต้องไปได้เหมือนกัน เพราะเนตรเป็นลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ”
“แกจะไปทำไม ไอ้บ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนั้น เห็นพ่อแกบอกว่ามีพวกกลุ่มผู้ก่อการร้ายดักฆ่าดักปล้นชาวบ้านกับพวกนักท่องเที่ยวเป็นประจำ ฉันไม่ให้แกไป” ผู้เป็นมารดาตะคอกใส่
“ใครเขาจะให้ลูกสาวท่านเอกอัครราชทูตเป็นอันตรายล่ะคะคุณแม่ เขาต้องส่งตำรวจหรือไม่ก็ทหารมาคุ้มกันอยู่แล้ว และถ้าหนูไม่ไป นังพัชรินทร์มันก็คงจะออดอ้อนคุณพ่อได้อย่างสบาย หรือว่าคุณแม่ไม่กลัวว่ามันจะแย่งคุณพ่อไป แล้วอีกอย่างหนูไม่ได้ไปเดินในทะเลทรายนะคะ หนูอยู่ในบ้านพักของคุณพ่อสะดวกสบายทุกอย่าง คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ” กนกเนตรนั่งลงแล้วหันมามองหน้ามารดาอย่างรอฟังคำตอบ
“ก็ได้” คุณหญิงภคพรนั่งนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าตอบรับบุตรสาว อย่างน้อยกนกเนตรก็ขัดขวางพัชรินทร์ได้ ถ้าพัชรินทร์คิดจะแย่งเอกพจน์ไปจากเธอ