ตอนที่ 1 ลูกบุญธรรม
“ยัยพัช! ยัยพัช! อยู่ที่ไหนเนี่ย เอาน้ำส้มคั้นเย็นๆ มาให้ฉันแก้วหนึ่งสิ!” เสียงเรียกที่บ่งบอกการวางอำนาจดังตะคอกเข้ามาพร้อมกับร่างบางในชุดเดรสสั้นสีน้ำเงินสลับขาวก้าวเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อไม่เห็นคนที่ตนเองเรียกหาก็หยุดยืนเท้าเอวอยู่กลางห้องโถงใหญ่ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ก่อนจะหันไปถามสาวใช้ที่เดินผ่านมาพอดี
“นี่แก...นังพัชมันไปไหน ฉันเรียกมันคอจะแตกอยู่แล้ว ทำไมมันไม่ออกมา หรือว่ามันคิดจะอู้งาน เสียแรงที่คุณพ่อชุบเลี้ยง!”
“เออ...” สาวใช้กำลังจะอ้าปากตอบ แต่ก็มีอีกเสียงดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“หนูพัชเธอไม่ได้คิดจะอู้งานหรอกค่ะคุณเนตร แต่หนูพัชออกไปทำงานแล้ว ถ้าคุณจะดื่มน้ำส้มก็คงต้องใช้คนอื่นแทน” นมแย้มเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว พร้อมกับมองด้วยแววตาไม่พอใจ
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบ 5 ปีแล้ว แต่กนกเนตรก็ไม่เคยลามือจากพัชรินทร์เลย หญิงสาวหาทางจิกหัวใช้พัชรินทร์อยู่ตลอดเวลา ส่วนพัชรินทร์ก็ก้มหน้าก้มตาทำตามด้วยเพื่อหวังจะทดแทนบุญคุณของเอกพจน์ ซึ่งข้อนี้เธอก็เห็นด้วย แต่ไม่ชอบใจที่พัชรินทร์ยอมให้อีกฝ่ายจิกหัวใช้ราวกับคนรับใช้
“ทำงาน...ทำงานอะไร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” กนกเนตรนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“ก็งานเลขานุการที่กระทรวงการต่างประเทศไงคะ พอดีเขาเปิดรับเลขานุการ หนูพัชเรียนมาทางด้านนี้โดยตรงก็เลยไปสมัคร เขาเพิ่งเรียกตัวไปเมื่อเช้านี้เอง นมล่ะดีใจแทนคุณเอกพจน์จริงๆ ที่มีลูกบุญธรรมที่ขยันเรียน ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย แถมพอจบปุบก็ได้งานทำปับเลย ผิดกับใครบางคน” พูดจบนมแย้มก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ก่อนจะปรายหางตามามองทางกนกเนตรที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ด้วยความโกรธ
“นี่!...นมกำลังด่ากระทบฉันใช่ไหม!” หญิงสาวกัดกรามกรอดที่ถูกว่ากระทบกระเทียบเปรียบเปรยเพราะเธอเกือบจะเรียนไม่จบ ถ้ามารดาไม่ใช้ชื่อเสียงของบิดาเข้าไปช่วย เธออยากจะเฉดหัวอีแก่คนนี้ออกไปจากบ้านตั้งนานแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอจะเรียกใช้พัชรินทร์หรือแกล้งใช้งานอีนังนมนี่ก็เข้ามาขัดขวางไปเสียทุกเรื่อง
“เปล่านะคะ นมไม่ได้ว่าใครเลย หรือว่าคุณเนตรได้ยินว่านมเอ่ยชื่อใครออกมา” นมแย้มทำหน้าตาตื่นพร้อมกับโบกไม้โบกมือ ก่อนจะหันมาทำหน้าตาใสซื่อกับเด็กสาวรับใช้ “หรือว่าแกได้ยิน”
“เปล่าค่ะ” อ้อยส่ายหน้าพร้อมกับอมยิ้ม แต่เมื่อหันไปเห็นแววตาเขียวปั้ดของนายสาวก็รีบก้มหน้าแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
“อย่ากินปูนร้อนท้องสิค่ะคุณเนตร แล้วคุณเนตรก็ไม่ควรจะเรียกใช้หนูพัชเหมือนกับคนรับใช้แบบนั้นด้วย ถึงยังไงหนูพัชเธอก็มีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมของคุณเอกพจน์ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือมีศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกับคุณเนตรและคุณภพทุกอย่าง”
“อย่าเอานังขี้คอกนั้นมาเทียบเสมอลูกของฉันเด็ดขาด!” เสียงตะคอกแข็งกร้าวดังแทรกขึ้นมาจากทางบันไดบ้าน ร่างท้วมของคุณหญิงภคพรเดินหน้าบึ้งเข้ามา “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ยอมรับนังเด็กนั้น แล้วนมก็อย่าเอามันมาเปรียบเทียบกับลูกของฉันด้วย มันเป็นแค่อีกาที่เข้ามาอยู่ในฝูงหงส์เท่านั้น สัญชาติของมันก็ยังเป็นอีกาอยู่วันยังค่ำ”
“ใช่ค่ะคุณแม่” กนกเนตรขยับเข้าไปคล้องแขนมารดาไว้ ก่อนจะหันมายิ้มเยาะใส่หญิงสูงวัย
“ถึงหนูพัชจะเป็นอีกาแต่ก็เป็นอีกาที่เอาขนหงส์มาแซมจนแทบจะไม่เหลือล่องรอยของอีกาตัวดำอีกแล้ว ผิดกับพวกหงส์ที่มีขนสีขาวแต่กลับจะเอาสีดำมาเทใส่ตัวเอง ระวังไว้ให้ดีนะคะ ระวังคนอื่นจะเข้าใจผิด เดี๋ยวจะไม่รู้ว่าใครที่เป็นหงส์แล้วใครที่เป็นอีกา” นมแย้มทำเสียงเย้ยๆ ในลำคอก่อนจะเดินสะบัดหน้าเข้าไปทางห้องครัว
“อี้!...คุณแม่ดูสิคะนมแย้มด่าเราทางอ้อมอีกแล้วค่ะ!” กนกเนตรเต้นเร่าๆ ด้วยความโมโหพร้อมกับเขย่าแขนมารดาที่ยืนนิ่งมองตามหลังของนมแย้มไปด้วยแววตาเคียดแค้น
“อีแก่! สักวันฉันจะเฉดหัวแกออกไปจากที่นี่ให้ได้ คอยดู!” คุณหญิงภคพรเน้นเสียงลอดฟัน
“คุณแม่น่าจะไล่มันออกไปจากบ้านเราตั้งแต่ที่คุณพ่อไปประจำการที่...ที่ประเทศบ้าๆ อะไรนั่นน่ะ ทำไมคุณแม่ไม่ทำล่ะคะ” เธอหันมานิ่วหน้าใส่มารดา
“อย่าลืมสิว่านมแย้มเป็นญาติของพ่อแก แถมพ่อแกทั้งรัก ทั้งเคารพ ลองเราไล่ออกไปจากบ้านล่ะก็พ่อแกได้ฆ่าพวกเราแน่” ภคพรขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินสะบัดสะโพกไปทางห้องนั่งเล่นพลางก็ให้นึกถึงสามีไปด้วย
เมื่อปีที่แล้วเอกพจน์ได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำราชอาณาจักรซาตูเนีย ส่วนเธอก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นคุณหญิง อันที่จริงทางสถานทูตก็อนุญาตให้เอกพจน์พาครอบครัวย้ายไปอยู่ด้วยกันได้ แต่เธอไม่ยอมไปเพราะได้ข่าวมาว่าที่ซาตูเนียมีแต่ทะเลทรายที่แห้งแล้ง มีพวกผู้ก่อการร้าย เธอจึงขอใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่เมืองไทยดีกว่า
“มาแล้วเหรอย่ะ” ทันทีที่พัชรินทร์เดินผ่านหน้าตึกใหญ่ เสียงของกนกเนตรก็ดังขึ้น ร่างบางเดินกอดอกก้าวลงบันไดหินอ่อนมายืนขวางหน้าอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากบางเหยียดออกอย่างเยาะๆ “ได้ข่าวมาได้งานทำแล้วเหรอย่ะ”
“ค่ะ” พัชรินทร์ตอบสั้นๆ เธอรู้ดีว่ากนกเนตรไม่ได้ตั้งใจมาแสดงความยินดีกับเธอแน่ เพราะทุกครั้งเจ้าหล่อนจะต้องมีเรื่องมาใช้หรือแกล้งเธอ ที่เธอทนอยู่ที่นี่ก็เพราะบิดาบุญธรรมเท่านั้น
“ก็ดี เธอจะได้มีเงินเดือนกิน ไม่ต้องคอยเกาะคุณพ่อของฉันกินอยู่แบบนี่ อ้อ...แล้วอย่าคิดนะว่าการที่เธอได้งานทำแล้วมันจะหมายความว่าเธอไม่ต้องขึ้นมารับใช้ฉันบนตึกใหญ่”
“ดิฉันไม่เคยคิดแบบนั้นค่ะ”
“ถ้างั้นก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปผสมน้ำให้ฉันอาบ ฉันออกไปช้อปปิ้งมา ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย อยากจะอาบน้ำเต็มที่แล้ว”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย แล้วรีบเดินไปทางเรือนกล้วยไม้ แต่ทว่าร่างบางก็ต้องหยุดชะงักอยู่ตรงหัวมุมด้านหลังคฤหาสน์เพราะมีร่างสูงของชายหนุ่มมายืนขวางหน้าเอาไว้
“จะรีบไปไหนหรือจ๊ะน้องพัชคนสวย” เอกภพยิ้มกริ่ม เท้าเอวมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างโลมเลีย เขายอมรับเลยว่าพัชรินทร์นั้นยิ่งโตก็ยิ่งสวย แถมหุ่นยังอวบอั๋นหน้าฟัดจริงๆ
“จะรีบกลับเรือนกล้วยไม้ค่ะ คุณภพมีอะไรหรือคะ” พัชรินทร์ถอยหลังกรูดออกมา เธอไม่ชอบทั้งสายตาและการกระทำของเอกภพเลย ยิ่งนับวันเอกภพก็ยิ่งมองเธอแปลกๆ บางทีก็ฉวยโอกาสจับมือถือแขนเธอ จนเธอต้องระวังตัวตลอดเวลา
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจะให้เธอช่วยเป็นเพื่อนคุยให้ฉันสักหน่อย” มือใหญ่ยกขึ้นลูบคางของตัวเองเล่นไปมา แต่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่หน้าอกอวบอิ่มของหญิงสาว
“ดิฉันไม่ว่างค่ะ เดี๋ยวต้องรีบเข้าไปช่วยงานนมแย้มค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงแข็งพร้อมกับยกแฟ้มในมือขึ้นมากอดแนบอกเพื่อให้พ้นจากสายตาของชายหนุ่ม แล้วเดินเลี่ยงออกมา แต่ทว่า...
“เดี๋ยวสิ” เอกภพคว้าข้อมือบางเอาไว้
“อย่ามาทำรุ่มรามกับดิฉันนะคะคุณภพ ดิฉันไม่ชอบ!” พัชรินทร์สะบัดออกอย่างแรง มองอีกฝ่ายด้วยแววตาถมึงทึง
“อย่าหวงตัวไปหน่อยเลยน่า แค่จับนิดจับหน่อยตัวเธอไม่สึกหรอหรอก” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มพร้อมกับเดินเข้าหาหญิงสาว แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นนมแย้มเดินหน้าตาขึงขังเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะคุณภพ หรือว่าต้องการอะไรเดี๋ยวนมจะจัดการให้เอง” นมแย้มเสียงแข็ง ดวงตาดุๆ จ้องมองชายหนุ่มเขม็ง เธอเห็นการกระทำของเอกภพตั้งแต่ต้น จนทนไม่ได้จึงต้องแสดงตัวออกมา
“เปล่า ก็แค่หยุดทักทายพัชรินทร์ตามประสาพี่น้องก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมาก” เอกพจน์ยักไหล่คลี่ยิ้มให้หญิงสูงวัย
‘อีแก่..อีตัวมารความสุข เข้ามาขัดได้ทุกทีสิน่า!’ เขานึกเคียดแค้นอยู่ในใจก่อนจะเดินกลับขึ้นตึกไปอย่างโมโห
“เป็นอะไรหรือเปล่าหนูพัช” นมแย้มหันมาสนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเอกภพเดินจากไปแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะป้า” พัชรินทร์ส่ายหน้าส่งยิ้มให้
“ชักจะนักข้อขึ้นทุกวันแล้วนะคะเนี่ย ป้าล่ะไม่เข้าใจเลยว่าไอ้นิสัยต่ำๆ แบบนี้ติดมาจากใคร พ่อแม่ก็ออกจะเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลแต่กลับมีลูกเป็นพวกไม่เอาถ่าน ชอบเกะกะระรานคนอื่นไปทั่ว เฮ้อ...” ใบหน้าเหี่ยวย่นส่ายไปมาอย่างหนักใจ
“ช่างเขาเถอะป้า ต่อไปพัชจะระวังตัวให้มากขึ้น” หญิงสาวไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกันใหญ่
“หนูพัชก็เป็นซะแบบเนี่ย ยอมเขาไปหมดทุกอย่าง ป้าจะขอเตือนนะคะ คนเราต้องแยกให้ออกระหว่างบุญคุณกับความเอาเปรียบ ป้าดีใจที่หนูมีความกตัญญูรู้คุณ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปยอมก้มหัวให้พวกเขากดขี่นะคะ” หญิงสูงวัยดึงมือเรียวมาตบลงบนหลังมือเบาๆ
“ค่ะ พัชจะจำไว้ พัชขอบคุณป้านะคะที่หวังดีและเป็นห่วงพัช” หญิงสาวยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ “เออ...แล้วที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง เมื่อกี้มัวแต่อารมณ์เสียป้าเลยลืมถามไป” นมแย้มหันมาถามต่อเมื่อทั้งคู่พากันเดินไปยังเรือนกล้วยไม้
“ดีค่ะ ทุกคนให้การต้อนรับพัชเป็นอย่างดี แต่บางคนก็มีตกใจเล็กน้อยค่ะที่รู้ว่าพัชเป็นลูกของคุณพ่อเอกพจน์ บางคนก็เข้ามาถามตรงๆ เลยนะคะว่าใช้เส้นของคุณพ่อหรือเปล่า แต่พัชก็บอกไปว่าใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ เลยค่ะ” พัชรินทร์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ตำแหน่งงานที่ได้มานั้นได้มาด้วยความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง แต่เธอก็เข้าไปห้ามความคิดของคนเหล่านั้นไม่ได้ นอกจากรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
“คนเราก็แบบนี้แหล่ะค่ะ มักมองแต่ในแง่ลบของคนอื่นเสมอ อย่าไปแคร์เลยค่ะ แล้วนี่โทรบอกคุณพ่อหรือยังค่ะว่าได้งานทำแล้ว”
“ยังค่ะ พัชว่าจะโทรตอนสามทุ่มน่ะค่ะเพราะเวลาที่ซาตูเนียกับประเทศไทยต่างกันเกือบ 10 ชั่วโมง”
“คุณเอกพจน์ทราบข่าวคงดีใจเหมือนกับที่ป้าดีใจแน่ๆ ไม่เสียแรงที่เลี้ยงมาจริงๆ” นมแย้มคลี่ยิ้มกว้าง พัชรินทร์จึงหยุดเดินแล้วหันมายกมือไหว้หญิงสูงวัยอีกครั้ง
“พัชขอขอบคุณป้าแย้มมากนะคะที่คอยช่วยเหลือพัชมาตลอด นอกจากคุณพ่อแล้วก็มีป้าแย้มนี่
แหล่ะค่ะที่ดีกับพัชเสมอมา พัชจะไม่ลืมพระคุณป้าแย้มเลยค่ะ”
“ป้ารู้ว่าหนูเป็นเด็กดี ป้าขอให้ผลกรรมดีที่หนูทำเอาไว้ส่งผลให้หนูได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ นะลูก” เธอดึงร่างบางเข้ามากอด พัชรินทร์เป็นคนดีที่หาได้ยากในปัจจุบัน แต่บางครั้งการเป็นคนดีของหญิงสาวก็อาจจะกลายเป็นภัยให้กับตัวเองได้เหมือนกัน เธอคงจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องคนดีๆ ให้อยู่ห่างจากคนชั่วๆ