ตอนที่ 10 ตาฝาด
ตอนที่ 10 ตาฝาด
“อาแพทมาแล้ว สวัสดีครับ”
หลานชายวัยสี่ขวบวิ่งมาต้อนรับเขาเป็นคนแรก เมื่อพชรเหยียบย่างกลับเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลคลาร์ก
“สวัสดีครับ เจ้าพอร์ช ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียว โตเป็นหนุ่มขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”
พชรนั่งลงแล้วสวมกอดกับหลานชายวัยสี่ขวบที่ใบหน้าละม้ายคล้ายเขาไม่มีผิด อันที่จริงต้องบอกว่า ทั้งพ่อของเจ้าพอร์ช เขา และน้องสาว หน้าตาคล้ายกันมากเหมือนอย่างกับฝาแฝดจะถูกมากกว่า
“พอร์ชเป็นพี่อนุบาลสองแล้วนะครับ”
“โอ้โห โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะเรา”
“เข้าบ้านกันก่อนเถอะ อาหลาน แม่รออยู่เจ้าแพท”
พิรัชย์ต้องเดินออกมาตามเมื่อลูกชายตัวแสบอาสาวิ่งออกมาต้อนรับคุณอารูปหล่อ แต่ก็หายกันมานานสองนาน
เมื่อพชรทักทายทุกคนในครอบครัวเรียบร้อยแล้วก็ตรงดิ่งไปนั่งข้างหลานชายสุดที่รัก แล้วหยอกล้อเล่นกันตามประสาวัยรุ่น
“ไง ได้ข่าวว่าไปต่อยกับเพื่อนมาหรอเรา”
เขาเอ่ยถามถึงวีรกรรมสุดแสบของหลานชายคนเดียวของบ้าน เมื่อวันนั้นที่เจ้าพอร์ชทำตัวเป็นวีรบุรุษ ช่วยเหลือยัยตัวเล็กของเขาจากการรังแกของเด็กยักษ์จอมเกเร พอกลับถึงบ้านได้ ทั้งแม่และย่าต่างตกใจกับร่องรอยเขียวช้ำที่ริมฝีปาก ในขณะที่คนเป็นพ่อให้ท้ายว่าลูกผู้ชายต้องกล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง และต้องบู๊กันบ้างเพื่อปกป้องคนอ่อนแอที่ถูกรังแก
“พอร์ชแค่ปกป้องยัยตัวเล็กที่ถูกรังแกครับ”
“ใครกัน ยัยตัวเล็ก แฟนเราหรือไง”
คาสโนว่าหนุ่มเอ่ยแซวหลานชาย หน้าตาหล่อๆแบบนี้ ต้องเนื้อหอมเหมือนกับเขาและพี่ชายตอนเด็กๆ แน่นอน
“เปล่าครับ ตัวเล็ก เป็นเพื่อนเรียนดนตรีของพอร์ช อยู่อนุบาลหนึ่ง ตัวเล็กจิ๊ดเดียวเองครับ”
หนุ่มน้อยยกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขึ้นมาเพื่อบอกขนาดของยัยตัวเล็กของเขา ว่าเล็กจิ๋วแค่ไหน
“น่ารักไหม”
คนเจ้าชู้ยังคงชงไม่เลิก
“น่ารักมากครับ เหมือนตุ๊กตาเลย”
“ถ้าน่ารักก็จีบเลยสิ เดี๋ยวอาสอน”
“พอเลยเจ้าแพท ไม่ต้องเอาความเจ้าชู้มาสอนหลาน น้องเพชรใสน่ารักมากจริงๆแหละ หน้าเหมือนยัยพลอยตอนเด็กๆไม่มีผิดเลย แต่พ่อเขาเป็นคนไทยนะ ตาตี่ๆ ขาวสะอาด หล่อเลยแหละ สงสัยแม่จะเป็นฝรั่ง ไม่ก็ลูกครึ่ง”
พชรเบิกตากว้าง หน้าเหมือนน้องสาวเขาตอนเด็กๆ ก็คงน่ารักเป็นตุ๊กตาฝรั่งดีๆนี่เอง
“เห็นแล้วอยากมีลูกสาวเลย อ้อนพั้นช์ตั้งนาน ไม่ยอมปล่อยซะที เดี๋ยวจะแอบเอายาคุมไปทิ้งอีก”
ประโยคหลังพิรัชย์ทำทีป้องปากคุยกับน้องชาย แต่เสียงที่ดังออกมาก็ไม่ได้เบานัก เลยโดนถวายมือลงบนต้นแขนล่ำๆ นั่นเพี๊ยะใหญ่
“พั้นช์ได้ยินนะคะ”
“พอเลยสองหนุ่ม ตาพีท ถ้าคืนนี้เมียไม่ให้เข้าห้อง อย่ามาร้องงอแงให้แม่ช่วยพูดให้อีกล่ะ แม่ไม่ช่วยแล้ว”
“โถ่ แม่ครับ”
พิมพ์มาดาโบกไม้โบกมืออย่างรำคาญลูกชายคนโตเต็มที เพราะชอบทำตัวหื่นห่ามให้เมียงอน และทุกครั้งที่เมียงอน ก็ลำบากเธอที่ต้องคอยพูดให้ลูกสะใภ้สาวยอมยกโทษให้เจ้าตัวดีนี่ทุกที
“แล้วเราจะอยู่เมืองไทยอีกนานไหมเจ้าแพท”
มารดาเอ่ยถามลูกชายคนรอง เพราะนานทีปีหนเขาถึงจะกลับมา ยิ่งตอนนี้ที่รับช่วงการบริหารโรงแรมต่อจากคนเป็นพ่อเต็มตัว ยิ่งแทบไม่ได้กลับมาประเทศไทยอีกเลย ผิดกันกับคนเป็นพ่อ ที่ช่วงปีหลังๆมานี้ แทบจะอยู่แต่ที่ประเทศไทย คอยอยู่ช่วยเลี้ยงหลานจนแทบไม่อยากจะกลับไปช่วยลูกชายคนรองดูแลความเรียบร้อยทางฝั่งอเมริกาสักเท่าไหร่
“ตอนแรกว่าจะมาพักผ่อนไม่นาน แต่พอดีมีเซ็นสัญญากับบริษัททัวร์ที่นี่ครับ เลยอาสามาจัดการแทนลูกน้อง จะได้ไม่ต้องส่งเอกสารไปมากันวุ่นวาย คราวนี้คงได้อยู่เมืองไทยนานหน่อยครับแม่”
“ดีจริง อยู่นานๆหน่อย แม่คิดถึง”
“ครับแม่”
“เย้ๆๆๆ อาแพทไปส่งพอร์ชที่โรงเรียนสอนดนตรีได้ไหมครับ จะได้เจอยัยตัวจิ๋วด้วย”
เด็กชายพอร์ชดีใจกระโดดโลดเต้นที่อาหนุ่มบอกว่าจะอยู่เมืองไทยนานหน่อย เพราะก่อนหน้านี้ถ้าพวกเขาไม่ยกโขยงกันไปเที่ยวที่อเมริกา ก็จะได้เห็นหน้าอาหนุ่มก็ตอนที่วิดีโอคอลคุยกันเท่านั้น จึงอยากที่จะพาคุณอารูปหล่อไปอวดใครต่อใคร และอยากให้คุณอาได้เจอยัยจิ๋วที่น่ารักราวตุ๊กตาคนนั้นด้วย
“ได้ครับ จะไปดูหน้าว่าที่หลานสะใภ้ซะหน่อย”
คนหล่อยังเอ่ยแซวหนุ่มน้อยไม่เลิก
“บอกแล้วไงครับ ว่ายัยจิ๋วไม่ใช่แฟนพอร์ช พอร์ชน่ะมีแฟนแล้วนะครับ หลายคนด้วย”
“แล้วกัน เจ้าชู้แต่เด็กเลยนะเจ้าพอร์ช เชื้อไม่ทิ้งแถวเลย”
เป็นคุณย่าที่เอ่ยแซวหลานชาย เพราะถึงแม้ว่าพ่อของเจ้าตัวดีจะไม่เจ้าชู้ เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น แต่คนเป็นอานั้นเจ้าชู้ใช้สาวๆเปลืองตั้งแต่ยังเด็กเหมือนหลานชายตัวน้อยนี่ไม่มีผิด
“โถ่แม่ครับ คนหล่อๆเขาก็มีสิทธิ์เลือกแบบนี้แหละครับ สมัยนี้ผู้ชายยิ่งน้อยๆอยู่ ถ้าเราปักใจไปกับผู้หญิงเพียงคนเดียว ก็สงสารสาวๆที่ต้องแห้งเหี่ยวแย่ เขาเรียกอุทิศตนเพื่อการกุศลครับ”
“ย่ะ คอยดูเถอะ เจ้าชู้เปลี่ยนคู่นอนไปทั่ว ถ้าวันหนึ่งคิดจริงจังกับใครขึ้นมา คู่นอนชั่วคราวของแกนั่นแหละที่จะทำให้ปวดหัว ไม่เชื่อก็คอยดู”
คุณนายพิมพ์มาดาค้อนลูกชายคนรองขวับๆ เพราะขัดใจในความเจ้าชู้หลายใจ จนตอนนี้อายุก็มากขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ยอมคบใครเป็นตัวเป็นตน เห็นทีว่าเธอคงไม่ได้มีโอกาสอุ้มหลานที่เกิดจากเขาเป็นแน่
“ไม่หรอกครับแม่ คนเรามันไม่ได้เจอใครที่จะคิดจริงจังได้ง่ายๆนะครับ ผมอาจไม่มีคนๆ นั้นเลยก็ได้”
ดวงตาคมกริบวูบไหวชั่วครู่ ใจกระหวัดคิดไปถึงสาวสวยบริสุทธิ์แสนหายากเหมือน “ไข่มุก” ในคืนนั้น เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขาแหกกฎเหล็กของตัวเองไปหลายข้อ เขาคิดจริงจังถึงขั้นอยากจะเลี้ยงดูเธอให้อยู่ข้างกายอย่างถาวร แต่เป็นเธอเองที่ทิ้งเขามาก่อน แถมยังหายเข้ากลีบเมฆไปเหมือนเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนเสียอย่างนั้น
ตอนนี้ก็ผ่านมานานถึงสี่ปีแล้ว แต่น่าแปลกที่ความรู้สึกในคืนนั้น กลิ่นหอมของเธอ สัมผัสนุ่มเนียนมือของผิวพรรณขาวผ่องดุจไข่มุกสมชื่อ แรงตอดรัดหนุบหนับแน่นหนึบ ความรู้สึกเสียวซ่านสุขสม มันยังชัดเจน และความรู้สึกเหล่านี้มันยังคงตามหลอกหลอนเขา ไม่ว่าเขาจะนอนกับใครอีกกี่คน ก็ไม่เหมือนนอนกับเธอ ทั้งยามหลับและยามตื่น มักจะมีเธอเข้ามาป้วนเปี้ยนในความคิดของเขาเสมอ จนเขาเองก็อดที่จะหงุดหงิดกับตัวเองไม่ได้
ช่วงเย็นของอีกวัน พชรอาสาทำหน้าที่รับส่งหลานชายสุดที่รัก เพราะเขาเองก็ไม่ชอบที่จะนอนเฉยๆอยู่กับบ้าน ได้ออกมานั่งรถเปิดหูเปิดตาบ้างก็ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้น
เพียงแค่สี่ปี ที่เขาแทบไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยเพราะภาระงานที่หนักอึ้งและต้องเคลียร์ปัญหาสะสมที่มีมานมนาน บ้านเกิดเมืองนอนของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก ถนนหนทางตึกรามบ้านช่องผุดขึ้นราวดอกเห็ด โชคดีที่เขาอยู่ในเมืองที่เจริญมากๆมาก่อน จึงไม่ได้ตื่นตาตื่นใจอะไรมากนักกับความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดของที่นี่
อีกไม่เกินสามช่วงตึกก็จะถึงโรงเรียนดนตรีของหลานชายแล้ว แต่ในช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้ รถยังคงติดยาวอยู่บนท้องถนนไม่ขยับไปไหนมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ในขณะที่หลานชายตัวน้อยนั่งหลับอยู่ข้างๆ เขาจึงเบนสายตาไปมองยังข้างทางที่มีผู้คนเดินกันให้ขวักไขว่ ก่อนดวงตาคมกริบจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อมองเห็นผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งในชุดเดรสพอดีตัวสีกากีอ่อน ผมตรงยาวสลวยสีน้ำตาล ผิวพรรณขาวสว่าง เธอเดินจูงมือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แล้วหายวับไปกับฝูงชนริมถนนนั้น
เขาขยับตัวเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปยังจุดที่เห็นเธอคนนั้นอย่างรวดเร็ว ร่างใหญ่หมุนรอบตัวแล้วกวาดสายตามองไปจนทั่ว ก็ไม่พบผู้หญิงคนที่ดูคุ้นตาเมื่อครู่แม้เพียงเงา
“นายครับ เกิดอะไรขึ้นครับ”
หลุยส์ บอดี้การ์ดคู่ใจร่างใหญ่ลูกครึ่งไทยอเมริกัน วิ่งตามเจ้านายลงมาอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมกวาดสายตามองหาสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อเจ้านายของตัวเองจนทั่ว ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เจ้านายของเขาวิ่งพรวดพราดลงมาจากรถแบบนั้น
“เหมือนฉันจะเห็นเพิร์ล”
เขาพึมพำเสียงเบา ดวงตาคมกริบสองข้างก็ยังไม่ยอมละมาจากการกวาดสายตามองฝ่าฝูงชนเพื่อค้นหาสาวสวยคุ้นตาคนนั้น
บอดี้การ์ดหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่มีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นกับเจ้านายของตน แต่ก็อดรู้สึกสงสารเจ้านายไม่ได้ เพราะตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา เจ้านายหนุ่มของเขามักเป็นแบบนี้เสมอเมื่อเห็นสาวเอเชียที่รูปร่างลักษณะใกล้เสียงกับสาวสวยคืนเดียวคนนั้น คนที่เจ้านายเขายังฝังใจ ไม่ลืม
“นายคงแค่ตาฝาดเหมือนทุกที เธอหนีมานานแล้วนะครับ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธออยู่ไหน หรือทำอะไร ข้อมูลที่เราหาได้แทบไม่มีประวัติและข้อมูลส่วนตัวของเธอเลยด้วยซ้ำ ผมว่านาย..”
“อืม ฉันรู้แล้ว ฉันคงตาฝาดไปจริงๆ ผู้หญิงไทยก็ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ เหมือนกันหมด ฉันเลยเข้าใจผิด”
เขาหันหลังเดินกลับขึ้นรถ ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากฟังคำว่า “ตัดใจ” ที่จะออกมาจากปากของลูกน้องคนสนิท ที่ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา มันพูดคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาเองก็ไม่ได้หมกมุ่นกับการตามหาเธอขนาดนั้นเสียหน่อย เขายอมรับความจริงได้ตั้งนานแล้วว่ายังไงก็ไม่มีวันตามหาเธอเจอ และเธอไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของเขา เธอจึงหนีหายเข้ากลีบเมฆมาอย่างนี้
หลังจากที่เขายอมรับความจริงได้ เขาก็ใช้ชีวิตปกติ นอนกับผู้หญิงไปทั่ว มีความสุขกับเซ็กซ์อย่างเต็มที่ แต่เพียงแค่ความรู้สึกมันไม่ได้สนุกสุดเหวี่ยงและมีความสุขแบบเดิมๆ อีกแล้ว เท่านั้นเอง