ตอนที่ 5 ความสูญเสียและการตัดสินใจ
ตอนที่ 5
ความสูญเสียและการตัดสินใจ
อาทิตย์ TALK
ผมยืนมองยัยเด็กนั่นเดินออกจากห้องนอนผมไปโดยที่ไม่ได้คิดจะตามไปดูอีก ก็พูดไปขนาดนั้นแล้วยัยทานตะวันคงไม่กลับมาแน่
"นั่งแท็กซี่ไม่นานก็คงถึงบ้านแล้วล่ะ" ผมพึมพำกับตัวเองเมื่อมองเห็นถุงกระดาษที่มีกล่องข้าวลายมูมินที่ยัยทานตะวันถือมาตกอยู่ที่พื้นจนข้าวผัดข้างในเทกระจายออกมา
ผมไม่รู้หรอกว่าเจตนาของยัยนั่นจะใช่แค่อยากเอาข้าวผัดมาให้ผมไหม แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นโชคดีของผมที่มาเจอเธออยู่หน้าคอนโด เพราะตอนแรกผมกับไอ้เคว่าจะออกล่ากันตอนดึก ๆ แต่เพื่อนอีกคนก็โทรให้ไปปาร์ตี้กันที่ห้องมันก่อน แถมมันยังเรียกสาวที่ผมชอบดีลด้วยบ่อย ๆ มาให้ พอนั่งดื่มได้ไม่ทันไรผมเลยกะว่าจะพาเธอมาต่อที่ห้อง แต่ก็มาเจอยัยทานตะวันพอดี
"ยังไม่ทุ่มหนึ่งเลย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง" ผมมองนาฬิกาแล้วพึมพำอีกครั้ง ทำไมผมต้องรู้สึกผิดและทำไมต้องเป็นห่วงยัยนั่นด้วยวะ ก็ยัยนั่นมาหาผมถึงที่เอง ยอมรับว่าตอนเห็นเธออยู่หน้าคอนโดจู่ ๆ ผมก็คิดเรื่องที่พูดกับเธอไปเมื่อกี้ขึ้นมาได้ ส่วนเหตุผลก็เพราะผมไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมนั่นแหละ
ผมอุตส่าห์ทำกับเธอขนาดนี้แล้ว หวังว่าเธอจะไปจากฉันจริง ๆ นะ ยัยเด็ก...แรด
ทานตะวัน TALK
"ฮึก ฮืออ" ฉันวิ่งเข้ามาในลิฟต์ที่ไม่มีคนอื่นอยู่เลยแล้วปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ทำไมพี่อาทิตย์ต้องใจร้ายขนาดนั้นด้วย เขาไม่รักฉัน ไม่อยากให้ฉันไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาถึงขนาดต้องทำแบบนี้เลยเหรอ
"ฮึก ไอ้คนใจร้าย!" ให้เวลาฉันแค่สามวันแล้วฉันจะตัดใจจากเขาได้ยัง ฉันรักเขามาตั้งกี่ปี ตามเขามาตั้งกี่ปี ต่อให้เขาจะใจร้ายกับฉันแค่ไหนแต่ฉันก็ยังรักเขาเหมือนคนบ้า
ติ๊ง!
ลิฟต์เปิดออกอีกครั้งเมื่อมาถึงชั้นล่างที่มีคนเดินผ่านไปมา ฉันเลยรีบเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ แล้วเดินตรงมาที่ประตู โชคดีที่พี่ยามคนที่ฉันเจอตอนแรกยืนคุยกับคนอื่นอยู่ ฉันเลยรีบเดินออกมาหารถแท็กซี่ข้างหน้า และก็ถือว่าเป็นโชคดีของฉันอีกที่แท็กซี่ผ่านมาพอดี
"ไป...ค่ะ" ฉันขึ้นมานั่งบนรถแล้วบอกพี่คนขับไป ก่อนจะเอนศีรษะลงพิงกับเบาะอย่างล้า ๆ แล้วหลับตาลงเพื่อปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกอย่างเงียบ ๆ และกลั้นเสียงเอาไว้เพราะอายพี่คนขับ
เวลาต่อมา
"นี่ค่ะค่าโดยสาร" ฉันหยิบเงินจากกระเป๋าที่สะพายอยู่ยื่นให้พี่คนขับ เพราะตอนนี้มาถึงบ้านฉันแล้ว
"เรื่องนี้พ่อต้องไม่รู้" ฉันบอกตัวเองก่อนจะเดินเข้าบ้านพลางเช็ดน้ำตาออกให้หมด เพราะพ่อจะรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าฉันเจออะไรมาและพี่อาทิตย์ทำอะไรกับฉันบ้าง ไม่อย่างนั้นพ่อได้สมน้ำหน้าฉันแน่ ๆ ที่ถูกผู้ชายข่มขู่ทั้งที่ฉันเป็นคนไปหาเขาถึงที่เอง
และเมื่อพยายามฮึบไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมาได้ ฉันค่อยเดินเข้ามาในบ้านที่ไฟถูกเปิดไว้ทุกดวง แต่พอเข้ามาในบ้านฉันกลับไม่เห็นใครเลยสักคน
"แม่คะ! หายไปไหนกันหมดนะ" ตะโกนจนสุดเสียงก็ยังไร้ซึ่งการตอบกลับ นอกจากคนจะหายแล้วเจ้าหมาอ้วนฟลาวเวอร์ก็หายอีก ปกติจะวิ่งมารับตลอดแต่ทำไมตอนนี้ไม่เห็นนะ
"แม่คะ!"
"คะ คุณหนู...มาแล้วเหรอคะ" ฉันเรียกแม่อีกแต่คราวนี้พี่ใจซึ่งเป็นแม่บ้านก็เดินออกมาจากทางหลังบ้านทั้งน้ำตา
"พี่ใจเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม" ฉันเดินเข้าไปจับแขนเธออย่างเป็นห่วง พี่ใจก็ยิ่งสะอื้นเข้าไปใหญ่
"ฮึก ใจโทรหาคุณหนูตั้งหลายครั้งแต่ทำไมติดต่อไม่ได้เลยค่ะ" คราวนี้เธอมองฉันอย่างเคือง ๆ
"ตะวันขอโทษค่ะ โทรศัพท์ตะวันแบตหมด แต่ว่าพี่ใจโทรหาตะวันทำไมคะ มีเรื่องอะไรกันแน่" ฉันมองเธออย่างรอคำตอบเพราะเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้
"ฟะ ฟลาวเวอร์"
"ฟลาวเวอร์? ฟลาวเวอร์ทำไมคะ" พอได้ยินชื่อฟลาวเวอร์ฉันก็ยิ่งรู้สึกใจไม่ดียิ่งกว่าเดิม
"ก็มันตายแล้วไง!" พี่ใจยังไม่ตอบแต่พ่อก็ตะโกนมาก่อนที่ท่านจะเดินมาจากทางหลังบ้านเหมือนกัน
และประโยคที่พ่อพูด...มันก็ทำให้ฉันตัวสั่นไปหมด
"ฟะ ฟลาวเวอร์ ตะ ตายงั้นเหรอคะ" ฉันถามพ่อเสียงสั่นพลางหันมามองพี่ใจอย่างคาดคั้น
"ก็ใช่ไง! มันวิ่งตามแกไปตั้งไกลจนรถชนตายไง! กว่าพวกฉันจะเห็นมันก็ตายเป็นชั่วโมงไปแล้ว" พ่อตะโกนใส่ฉันเสียงดังลั่น ฉันเลยยิ่งสั่นและยิ่งร้องไห้ออกมาอีกเมื่อได้ยินว่า ฟลาวเวอร์วิ่งตามฉันไป
"ฟะ ฟลาวเวอร์อยู่ไหน ตอนนี้ฟลาวเวอร์อยู่ไหนคะพี่ใจ!" ฉันถามพร้อมกับเขย่าแขนพี่ใจทั้งน้ำตา
"ฝังไปแล้ว อยู่หลังบ้านโน่น ใครใช้ให้แกมัวแต่วิ่งตามผู้ชายจนไม่รับโทรศัพท์เอง ถ้าจะรอให้มาดูศพก่อนฝังมันก็คงขึ้นอึดพอดี" พ่อบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงก่อนจะเบนสายตาไปทางหลังบ้าน ฉันเลยรีบวิ่งไปทันทีแล้วเห็นแม่นั่งร้องไห้อยู่
"แม่..."
"ตะวันลูก ฮึก!" แม่ที่นั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ หลุมหันมามองฉันทั้งน้ำตา ฉันเองก็มองท่านแล้วรีบลงไปนั่งข้าง ๆ พลางเอามือลูบดินบนปากหลุมอย่างสั่น ๆ
"ฮึก ฟะ ฟลาวเวอร์ เราจะทิ้งพี่ไปจริง ๆ เหรอ" ฉันถามน้องพลางเอาหน้าแนบลงกับดินแล้วโอบกอดหลุมของฟลาวเวอร์เอาไว้
ภาพของฟลาวเวอร์ที่มองฉันเหมือนจะร้องไห้ก่อนที่ฉันจะไปหาพี่อาทิตย์ยังติดตาอยู่เลย
"ฮึก พี่ขอโทษนะฟลาวเวอร์ พี่ขอโทษ ฮือ ๆ" ฉันกอดหลุมไว้แล้วร้องไห้เหมือนคนบ้า แม้แต่หน้าน้องตอนสุดท้ายฉันก็ไม่ได้เห็นเลย
ฉันผิดเอง ผิดที่ฉันไปแล้วไม่หันกลับมามองเลยว่าฟลาวเวอร์วิ่งตามมารึเปล่า
"ฮึก พี่ผิดเอง ถ้าพี่ไม่ไปเราก็คงไม่จากพี่ไปแบบนี้"
"อย่าโทษตัวเองเลยนะลูก" แม่ค่อย ๆ ลูบหลังฉันอย่างอ่อนโยน
"แต่ตะวันผิดจริง ๆ นะคะแม่ ถ้าตะวันไม่ไปฟลาวเวอร์ก็คง..."
"ใช่! ผิดที่แกนั่นแหละ มัวแต่วิ่งตามผู้ชายจนไม่สนใจอะไร" พ่อเดินกลับมาว่าฉันอีกครั้ง
"นี่คุณ! ลูกเสียใจอยู่อย่ามาซ้ำเติมได้ไหมคะ"
"ก็มัน..."
"พอเถอะค่ะ!" ฉันหันมาห้ามพ่อกับแม่ทั้งน้ำตา พอท่านทั้งสองหยุดจึงหันกลับมามองหลุมของฟลาวเวอร์อีกครั้ง
"ที่พ่อพูดมันถูกแล้วล่ะค่ะ หนูมัวแต่วิ่งตามขอความรักจากพี่อาทิตย์ทั้ง ๆ ที่หนูมีความรักที่บริสุทธิ์รออยู่แล้ว ฮึก แต่หนูก็ไม่สนใจ พอฟลาวเวอร์จากไปแบบนี้หนูถึงเข้าใจ ฮืออ หนูเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่หนูทำไปมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ฮึก" ฉันก้มลงโอบกอดหลุมของฟลาวเวอร์อีกครั้งอย่างรู้สึกผิดและคิดถึงเขามาก ๆ
ฟลาวเวอร์เป็นหมาจรจัดที่ฉันเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว เวลามีเรื่องไม่สบายใจอะไรเขาก็จะมาคลอเคลียฉัน มาอ้อนให้กอด อ้อนให้หอม เหมือนเขารู้ว่าฉันกำลังมีเรื่องไม่สบายใจจริง ๆ และเราก็นอนด้วยกันทุกคืน ฟลาวเวอร์เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของฉัน และฉันก็เชื่อว่า ฉันเองก็คงเป็นยิ่งกว่าโลกทั้งใบของเขาเหมือนกัน
แต่วันนี้เขากลับมาจากฉันไปเพราะฉันเองที่เป็นต้นเหตุ เพราะฉันเอง
"ถ้าแกเข้าใจแล้วก็ดี ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมแกหรอกนะ ฉันเองก็ผิดที่คิดจะยกแกให้เขาจนแกเป็นแบบนี้ ฉันขอโทษทานตะวัน" พ่อบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงแล้วนั่งลงมาลูบหลังฉันเบา ๆ
"ฮึก ไม่เป็นไรค่ะพ่อ ตะวันต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อ ตะวันขอโทษนะคะ" ฉันหันมาพนมมือไหว้ขอโทษพ่อแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น พ่อเลยดึงฉันเข้าไปกอดแล้วลูบหลังปลอบเบา ๆ
"ไม่เป็นไร ๆ ถ้าคิดได้แล้วก็ตัดใจจากเขาเถอะนะ เลิกร้องไห้เถอะ เดี๋ยวฟลาวเวอร์มันจะมีห่วงไปไหนไม่ได้เอานะ"
"ฮึก ค่ะพ่อ นะ หนูจะตัดใจ หนูจะตัดใจจากพี่อาทิตย์ ฟลาวเวอร์ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ ถ้าชาติหน้ามีจริงเราเกิดมาเป็นพี่น้องกันนะ" ฉันผละกอดออกจากพ่อแล้วหันมาโอบกอดหลุมของฟลาวเวอร์อีกครั้ง จากนี้เขาจะอยู่ในใจฉันตลอดไป และฉัน...ก็จะตัดใจจากพี่อาทิตย์ให้ได้เหมือนกัน