ตอนที่ 2 ราชสีห์หางยาวกับกระต่ายขาวตกงาน
ปณิตานั่งรอเกือบสิบนาที คนที่อาสาตามรถแท็กซี่ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอก
“รถมาแล้วครับ ให้ผมช่วยถือของหรือเปล่าครับ” คำพูดแสดงน้ำใจจากคนใบหน้าซื่อๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด
“ไม่เป็นไร ของในกล่องนี้ไม่หนักหรอก ฉันถือเองได้ อ้อ!...ขอบใจนะสำหรับน้ำใจของนาย”
รอยยิ้มอ่อนๆ พร้อมน้ำเสียงจริงจังสร้างความงุนงงให้คนฟังยิ่งนัก ทว่าหญิงสาวก็ตัดความสนใจออกไป หล่อนก้าวเดินอย่างมั่นคงขึ้นมานั่งในรถแท็กซี่ที่จอดรอตรงหน้าสำนักงาน จากนั้นรถก็แล่นออกจากสถานที่นี้ไป
หากปณิตาช้ากว่านี้เพียงนาทีเดียว ชายหนุ่มที่รีบเร่งก้าวออกจากลิฟต์โดยสารคงไม่ต้องหัวเสียถึงขนาดนี้
“หายไปไหนของเขานะ หรือจะออกไปข้างนอก” คนร่างสูงใหญ่บ่นพึมพำ ขณะมือแข็งแรงถอดบัตร ‘ผู้มาติดต่อ’ คืน
“คุณถามหาใครหรือครับ” ยามรักษาความปลอดภัยผู้มีใจบริการถาม เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของแขกหนุ่ม
“ผู้หญิงคนที่นั่งตรงนี้ หายไปไหน”
“อ๋อ คุณปณิตา พนักงานของที่นี่ เธอกลับบ้านไปแล้วครับ สงสัยวันนี้จะไม่สบาย”
“บ้านเธออยู่ไหน เอ่อ...ผมเป็นลูกค้าของเธอ อยากคุยธุระด้วย”
แขกหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางภูมิฐานถาม แต่คนฟังกลับนิ่วหน้าสงสัย ซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าคงจะเค้นหาคำตอบได้ยากอย่างแน่นอน จึงรีบผละออกไปขึ้นรถคันหรูที่จอดตรงลานด้านหน้าอย่างไม่ต้องการให้เสียเวลา แล้วขับออกไป
เจ้าของรถเมอร์เซเดส เบนซ์สีดำรุ่นใหม่ล่าสุดละมือจากพวงมาลัย กดโทรศัพท์ติดต่อหาใครบางคนตามหมายเลขที่แสดงบนนามบัตรซึ่งหยิบได้จากหน้ารถ ไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงหวานทว่าไม่คุ้นเคยตอบกลับมา
“สวัสดีค่ะ เอเอส พร็อบเพอร์ตีค่ะ”
“คุณปณิตาหรือเปล่าครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันสไลลาพูดสาย วันนี้คุณปณิตาไม่เข้าสำนักงานขาย ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“ผมมีธุระจะคุยกับคุณปณิตา ไม่ทราบว่าจะพอมีเบอร์ติดต่ออื่นหรือเปล่าครับ”
และเป็นอีกครั้งที่หนุ่มร่างใหญ่ไม่ได้รับคำตอบ หากคราวนี้เขาต้องเสียเวลาตะล่อมถามแม่สาวเสียงหวานที่ดูจะยิ่งถามก็ยิ่งตอบเลี่ยงกลับไปกลับมาพิกล จนในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้
“สรุปว่าคุณไม่รู้ หรือถึงรู้ก็ไม่มีวันบอกใช่ไหม ว่าเบอร์มือถือที่คุณปณิตาใช้ส่วนตัวคือเบอร์อะไร”
“ขอโทษนะคะ ดิฉันบอกคุณไม่ได้จริงๆ พนักงานขายในบริษัทจะติดต่อลูกค้าด้วยเบอร์ที่บริษัทเปิดให้เท่านั้น”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ” สีหราชตัดบทก่อนตัดสายฉับ แล้วกลับมาบังคับรถด้วยอารมณ์หงุดหงิดต่อ
เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยรู้สึกคาใจจากเสียงซุบซิบของพนักงานที่ดังเข้าหู ตอนเขานำเอกสารที่ออกให้กับลูกค้าไปทำการยกเลิกสัญญาจองซื้อห้องชุด
‘ลูกค้าคนนี้ไงที่ยายปิงปองไปเสนอหน้าบอกอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ จนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา จะว่าสงสารก็สงสารหรอกนะ แต่ก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้ เขาจ้างให้มาเป็นเซลล์ แต่ทำเกินหน้าที่เอง ช่วยไม่ได้’
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ หอบข้าวของลงมาตอนเที่ยงวัน แถมหน้าตาก็บอกบุญไม่รับ ไม่ใช่ว่าโดนไล่ออกไปแล้วนะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ซวยละสิ แล้วตอนนี้ก็ดันหายตัวไปอีก”
สีหราชรำพึง พร้อมชะลอความเร็วรถเข้ามาจอดรอสัญญาณไฟจราจรกลางสี่แยกใหญ่ ใบหน้าคมสันเมินมองรอบตัวอย่างหงุดหงิดใจต่อความรู้สึกอับจนหนทาง พลันก็เหมือนแสงสว่างวาบนำทางเข้ามา เมื่อสายตาปะทะกับเสี้ยวหน้านวลของคนที่นั่งบนเบาะหลังรถแท็กซี่ที่จอดข้างๆ ไม่ทันจะได้ส่งสัญญาณเรียกเจ้าหล่อนให้รู้ตัว มหกรรมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่จอดนิ่งก็ทยอยเคลื่อนตามออกไปด้วยสัญญาณไฟที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวในเวลาต่อมา
“เอาไงดีวะ...ตามไปก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน”
เจ้าของรถคันหรูที่อยู่เลนกลางคิดพลางพยายามเคลื่อนรถเข้าสู่ช่องทางซ้ายมือตามรถแท็กซี่คันนั้น และสุดท้ายเขาก็ทำมันได้สำเร็จ...หากไม่นับรวมเสียงบีบแตรไล่จากรถคันหลังที่เขาปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด
รถแท็กซี่สีเขียวเหลืองกลางเก่ากลางใหม่ขับออกนอกเมืองโดยมีรถสัญชาติยุโรปแล่นตามในระยะประชิด กระทั่งเกินครึ่งชั่วโมงจึงเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านที่ตั้งอยู่สุดซอยในหมู่บ้านขนาดกลาง
“ไม่ทันอีกจนได้ ทำไมถึงเดินเร็วนักนะ”
สีหราชบ่นอุบ หลังจากที่ต้องขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า หลังจากตามเข้ามาในเขตหมู่บ้าน เหตุเพราะต้องเสียเวลาแลกบัตรตรงป้อมยามอยู่นานหลายนาทีกว่าจะฝ่าเข้ามาได้ นัยน์ตาคู่คมลอบมองเข้าไปในบ้านเดี่ยวหลังกะทัดรัดที่คนร่างเล็กหอบสัมภาระเดินลับหายเข้าไป