ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้น
“อยู่ในตัวเมืองค่ะ” ตอนนี้ทอปัดเริ่มจะรำคาญความช่างถามของอีกฝ่ายแล้ว ทำตัวราวกับคนรู้จักสนิทสนมกันมาก่อนซะอย่างนั้น
“ผมก็อยู่ในเมืองเหมือนกันให้ผมไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะขอทางให้ฉันด้วย” เจ้าหล่อนตอบด้วยน้ำเสียงสั้นห้วน เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตอนนี้เธอกำลังไม่พอใจ
ธาวินยกยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืนตามคำสั่งของเจ้าหล่อน เมื่อทอปัดเดินลงไปแล้วชายหนุ่มก็มองตามหลังด้วยสายตาที่แข็งกร้าวก่อนจะเดินตามลงไป
ลงมาจากเครื่องแล้วทอปัดก็ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเพื่อจะโทรหาเพื่อนรัก ตอนอยู่บนเครื่องเจ้าหล่อนเอาแต่นอนจึงไม่ได้โทรแจ้งล่วงหน้า ไม่งั้นป่านนี้เพื่อนสาวคงจะมายืนยิ้มโบกมือให้อยู่ตรงหน้าแล้ว
“มือถือฉัน!” เจ้าหล่อนอุทานด้วยความตื่นตกใจ เพราะตอนนี้โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าได้หายไปเสียแล้ว เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อตอนอยู่บนเครื่องเธอไม่ได้ลุกไปไหนเลย คิดได้อย่างนั้นใบหน้าของเพื่อนร่วมเดินทางที่นั่งข้างกันก็ลอยมาทันที
“หรือว่านายจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ” เธอเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ พลางนึกถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน อีกฝ่ายพยายามชวนเธอคุยอยู่บ่อยครั้งราวกับต้องการตีสนิท
“คุณหาสิ่งนี้อยู่หรือเปล่าครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นทอปัดก็หันขวับไปมองยังต้นเสียง ก็เจอกับคนที่เธอกำลังเอ่ยถึงเมื่อสักครู่ เขายืนยิ้มยกโทรศัพท์มือถือของเธอโชว์ให้ดูอย่างน่าหมั่นไส้
“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะไอ้พวกสิบแปดมงกุฎ” เธอตะโกนเสียงดังแต่ทว่าธาวินกลับยังคงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คุณกำลังกล่าวหาผม”
“ตรงไหนมิทราบก็นายขโมยมือถือฉันไปจริง ๆ นี่นา ฉันจะเรียกรปภ. ให้มาจัดการนายแน่” ว่าแล้วเธอก็กวาดสายตามองหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เมื่อเห็นแล้วก็ตะโกนเรียกทันที “รปภ.คะ มีคนขโมยของฉันค่ะ”
ธาวินยังคงยืนยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิม นั่นทำให้เจ้าหล่อนยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“นายคนนี้ขโมยมือถือฉันค่ะ” เธอชี้ไปที่ธาวินเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาถึง
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นเห็นธาวินกลับยกมือขึ้นไหว้เสียอย่างนั้น ทำเอาทอปัดถึงกับหน้าเหวอมองตาค้าง งงเป็นไก่ตาแตก
“สวัสดีครับนายหัว”
“เป็นไงสบายดีนะเรา”
“สบายดีครับ”
“ฉันให้คุณมาจับนายนี่นะ” ทอปัดเอ่ยประท้วงเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“จะเป็นไปได้ยังไงครับนี่นายหัวธาวิน คนใหญ่คนโตของจังหวัดเชียวนะครับ ไร้สาระจริง ๆ เลยคุณอ่ะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่ายหัวให้กับเธอก่อนจะหันไปเอ่ยกับธาวินต่อ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปนะครับนายหัว” พูดจบยามก็ยกมือไหว้เขา
“โชคดี ๆ”
“นี่นายเอาโทรศัพท์ฉันคืนมาเดี๋ยวนี้” ในเมื่อเรียกเจ้าหน้าที่แล้วยังช่วยเหลือเธอไม่ได้ เธอจึงต้องพึ่งตัวเองซะแล้ว
“ถ้าอยากได้ก็ตามมาเอาเองสิ หึ ๆ” เขาว่าก่อนจะเดินออกไปจากสนามบินตรงลานจอดรถ โดยมีคนขับรถตู้จอดไว้รออยู่ก่อนแล้ว
ทอปัดไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามหลังไปติด ๆ เธอถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบายความขุ่นเคือง พลางนึกถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเมื่อสักครู่ เป็นคนใหญ่คนโตของจังหวัดอย่างนั้นหรือแล้วทำไมถึงทำตัวอย่างนี้ แสดงว่าเขาคงไม่ได้หวังแค่จะเอาโทรศัพท์มือถือแน่นอน คิดถึงอย่างนั้นเธอจึงหยุดชะงักด้วยความลังเลใจ เพราะกลัวว่าจะหลงกลอีกฝ่ายเข้าให้
“ไม่เอาแล้วรึไง” เขาตะโกนถามขณะยืนอยู่ข้างรถตู้ที่เปิดประตูรอไว้แล้ว
“ไม่! นายมันโรคจิตฉันไม่มีทางหลงกลนายหรอก อย่าคิดว่าตัวเองใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ได้ ฉันจะไปแจ้งตำรวจให้มาจับนายเลยคอยดู” ว่าแล้วเธอก็จะหันหลังกลับไป แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเสียก่อนเมื่อได้เห็นอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายควักมันออกมาจากขอบกางเกง
“ถ้าเธอไม่เดินเข้ามาฉันยิงไส้แตกแน่”
“อะ...ไอ้บ้า นายจะทำอะไรฉันชะ...” ทอปัดกำลังส่งเสียงจะร้องแต่ทว่า
“ถ้าร้องฉันยิง”
“นายต้องการอะไรกันแน่ เราไม่เคยรู้จักกันเลยนะอย่าทำอะไรฉันเลย” ทอปัดพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น
“ไม่ต้องพูดมากเดินเข้ามาเร็ว ๆ”
“ถ้านายทำอะไรฉันล่ะ”
“บอกให้เดินมาไงหรือเธออยากตายห๊ะ!”
“เดินก็เดินอย่าทำอะไรฉันนะ”
ทอปัดค่อย ๆ ก้าวขาเดินตรงไปหาชายหนุ่มด้วยความกลัว ไม่นึกเลยว่าการมาหาเพื่อนในช่วงปิดเทอมจะเกิดเรื่องบ้า ๆ อย่างนี้ขึ้น
“ขึ้นไปบนรถ”
“ไม่ขึ้นได้ไหมอ่ะ ถ้านายอยากได้เงินฉันให้พ่อกับแม่โอนให้ก็ได้นะบ้านฉันรวย”
“ฉันรู้ว่าบ้านเธอรวย ฉันไม่อยากได้เงินแต่อยากได้ตัวเธอมากกว่า” เขายกยิ้มมุมปากส่งสายตาหื่นลวนลาม
ได้ยินอย่างนั้นทอปัดก็กอดตัวเองเอาไว้ด้วยความกลัว
“ไอ้โรคจิต!”
“ขึ้นรถ!”
“ไม่ขึ้น!”
“ได้!!! สงสัยเธอเป็นพวกชอบความรุนแรงสินะ” พูดจบธาวินก็เหน็บปืนไว้ที่เอวเหมือนเดิม
ขณะนั้นเองทอปัดก็รีบวิ่งหนีแต่ทว่าธาวินกลับรั้งตัวเอาไว้ได้ทัน
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิตปล่อยฉันนะโอ๊ย!!”
พูดยังไม่ทันจบเจ้าหล่อนก็ถูกโยนลงไปบนเบาะนุ่ม ก่อนที่ธาวินจะปิดประตูและสั่งให้คนขับออกรถไปทันที