บท
ตั้งค่า

บทที่1.จุดเริ่มต้นของความแค้น.......

เปี๊ยกยิ้มปากแทบฉีก แบบนี้หากเจอคนถูกใจ รับรองได้...ลืม...

พอเหมราชหายลับเข้าไปในห้องน้ำ เปี๊ยกก็รีบเดินออกมานอกห้องนอน เพื่อเตรียมอาหารอุ่นๆ ไว้นายหนุ่มได้กินรองท้อง ก่อนจะกินยากันไข้

“เหมเป็นไงบ้าง...ดีขึ้นไหม?”

แต่ก่อนที่เปี๊ยกจะกระโจนลงจากบ้าน สิงหราชร้องถามขึ้นเสียก่อน

“เหมือนเดิมนาย เพ้อ...”

เปี๊ยกหยุดตอบ ก่อนจะรีบวิ่งตื้อ เขาต้องรีบไปก่อนที่ครัวจะปิด ไม่อย่างนั้น ‘นายเหมได้ซดมาม่าแทนข้าวแน่’

สิงหราชทรุดกายลงนั่ง เขาล้วงซองกระดาษออกมาจากซอกอก ซองที่เขาสั่งให้คนรู้จักรวบรวมข้อมูลของเพลาพิลาศมาให้ เขาอยากรู้จักหล่อน อยากรู้ว่าหล่อนมีดีอะไร ทำไมเหมราชถึงหลงใหลหล่อนนัก แค่ผู้หญิงคนเดียว น้องชายเขายอมทุ่มจนหมดตัว แต่กลับพ่าย กลายเป็นนกปีกหักอยู่ตอนนี้

รูปถ่ายขนาดเท่าฝ่ามือ...ผู้หญิงหนึ่งเดียวในนั้น หล่อนสวยหยาดฟ้า หากแค่มองผ่านๆ แต่เมื่อพิจารณาจริงจัง หล่อนปรุงแต่งจริตจนเย้ายวน แววตามีแต่เล่ห์เพทุบายไม่ต่างอะไรกับอสรพิษ ไม่น่าเฉียดเข้าใกล้ด้วยซ้ำ วงหน้างดงามนั่น ดูก็รู้ว่าผ่านมีดหมอมาทุกส่วน เพราะสัดส่วนที่จัดวางอยู่บนใบหน้ามันเป๊ะ!! เกิน จนทำให้มั่นใจ หล่อนคือผู้หญิงพลาสติก หามีเนื้อแท้สักกะผีก

ทรวดทรงหล่อนเตะตาก็จริง เขาไม่เถียง แต่หุ่นแบบนี้มีให้เกลื่อนบนถนน นมล้ำหน้าพุง เพราะเสริมมาเพื่อเรียกสายตาคนมอง

“หึ!! ไอ้ห่าเหมหลงหล่อนได้ยังไงวะ กูแค่มองยังจะอ้วก”

สิงหราชอยู่ไกลปืนเที่ยงก็จริง แต่ในดินแดนห่างไกลความเจริญก็ใช่ว่าจะไม่มีช้างเผือก สาวๆ สวยๆ มีเยอะแยะ แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะชื่นชมด้วยสายตา เขาไม่มีเวลาไปตามเกี้ยวพา แต่หากจะปล่อยอารมณ์หนุ่มที่อัดแน่น เขาก็มีสถานที่ส่วนตัว

ผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ด้านหลงเพลาพิลาศ หล่อนสวยพิศชวนมองมากกว่า แม้จะเห็นไกลๆ สิงหราชเผลอมองอยู่นานจนเผลอใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้กรอบหน้าหล่อนเล่นๆ

จนมาสะดุ้งเมื่อเปี๊ยกวิ่งตึงตังกลับขึ้นมาบนบ้าน

“เกือบไม่ทันอะนาย ดีนะป้าฟองเก็บปิ่นโตไว้ให้นายสิงห์ เปี๊ยกเลยหอบมาที่นี่เลย”

ปิ่นโตเถ้าใหญ่ มีข้าวสวยร้อนๆ หรือไม่ก็ข้าวนึ่ง แล้วแต่ว่าเมนูวันนั้นคืออะไร

“มีแกงเลียงกับผัดเผ็ดไก่ ไม่รู้ว่านายเหมจะกระเดือกลงไหม ป้าฟองทำโคตรเผ็ด”

เปี๊ยกบ่นอุบ รสมือของคำฟองเด็ดสะระตี่ แต่คนไม่ชินแทบโจน เมื่อจำนวนพริกที่คำฟองโยนใส่ลงไปในหม้อแกง เวลาผ่านปากแทบไฟลุก

“คำพูดคำจาให้มันดีๆ หน่อย เราเป็นเด็กนะเปี๊ยก”

สิงหราชแย้งเสียงขุ่น สงสัยเขาจะเป็นกันเองกับเปี๊ยกมากเกินไป จนเด็กหนุ่มพูดจาห่ามๆ ให้ได้ยิน

“โทษทีนาย เปี๊ยกจะไม่พูดอีก มันชินปากน่ะ”

เปี๊ยกหันมาขอโทษขอโพย มือจัดปิ่นโตมือเป็นระวิง เพราะหากเสร็จภารกิจ เปี๊ยกจะได้มีเวลาเล่นเกมยาว...เมื่อไวไฟพร้อม งานง่ายๆ เฝ้าคนอกหัก มีข้าวกิน ได้ค่าจ้าง อย่างนี้ไอ้เปี๊ยกทำถวายหัว

ผัดเผ็ดไก่สีจัดสมกับเป็นฝีมือป้าคำฟอง แกงเลียงอุดมไปด้วยผักสีเขียว...ที่เปี๊ยกมองเห็นแล้วอยากหนี เขาไม่ชอบกินผัก แต่ทำไมนะผู้ใหญ่ถึงชอบบังคับให้กิน...เปี๊ยกรู้ว่าผักมีประโยชน์สารพัน แต่เข้าใจเด็กไหม? มันไม่ใช่แนว

“นายเหมกินได้หรือเปล่าไม่รู้นะนาย มีแต่เผ็ดๆ กับผักตรึม”

เปี๊ยกชวนคุย เด็กชายรู้ว่าภาวะนี้มันตึงเครียด เมื่อคนเป็นพี่กำลังกังวลเรื่องของน้องชาย...

“เหมต้องปรับตัว ไม่อย่างนั้นคงอยู่ยาก”

ชายหนุ่มเปรยแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว เลื่อนจานเปล่าให้เปี๊ยกตักข้าวสวยร้อนๆ ในปิ่นโตให้

“เหมต้องกินเพื่ออยู่ให้รอด เพราะนับจากวันนี้เป็นต้นไป...เขาต้องฝึกโหด”

ตำราลูกผู้ชาย คนอยู่รอดคือคนแกร่ง เขาจะเปลี่ยนน้องชายแสนสำรวย ให้ห้าวแกร่งไม่แพ้ตัวเอง...

ข้าวสวยพูนช้อนกับผัดเผ็ดไก่ถูกส่งใส่ปาก สิงหราชเคี้ยวตุ้ยๆ เขาชินกับรสเผ็ดจี๊ดนี่เสียแล้ว เมื่อชายหนุ่มฝังตัวอยู่ในเหมืองมานานนับ10ปี พริกหนึ่งกำมือเป็นเรื่องขี้ผง...

เหมราชเดินออกมาจากห้องนอน เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่ก็ยังเนี๊ยบในสายตาของเปี๊ยกอยู่ดี เมื่อเด็กชายอยู่กับสิงหราชเป็นส่วนใหญ่ นายเหมืองของเขา นิยมกางเกงยีนส์พอดีตัวกับเสื้อเชิ้ตสารพัดแบบ เมื่อแดดในเหมืองร้อนขนาดไหน ใครๆ ก็รู้ หากแต่งตัวอย่างเหมราช รับรองได้ ไม่ถึง1อาทิตย์ ตัวดำเป็นตอตะโก...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel