บท
ตั้งค่า

๒.๑ เล่ห์ซาตาน

เล่ห์ซาตาน

ภาคิมพาตัวเองมายังห้องทำงานของประธานธนากิจกรุ๊ปในเช้าวันต่อมา เขาปรายตามองวิโรษณาซึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะติดกับโต๊ะของอรชาครู่หนึ่งก่อนจะเลยเข้าไปในห้องทำงานของอยุทธ์ ผู้เป็นพ่อเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงานทันทีที่เห็นร่างสูงสง่าเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองตั้งแต่เช้า ก่อนจะวางปากกาในมือยี่ห้อ Visconti Ripple H.R.H. ซึ่งประดับด้วยทองคำขาวสิบแปดกะรัตซึ่งแพงติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกลงบนแฟ้ม

ผู้มีอำนาจสูงสุดในธนากิจกรุ๊ปเปลี่ยนอิริยาบถเป็นเอนหลังพิงเก้าอี้หนัง แล้วเป็นฝ่ายเอ่ยถามลูกชายขึ้นก่อน

“ว่าไงตาคิม”

“ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณพ่อหน่อยครับ” น้ำเสียงของภาคิมฟังดูเป็นการเป็นงาน จนอยุทธ์ต้องขยับตัวแล้วตั้งใจฟังมากขึ้น

“มีเรื่องอะไรว่าไปสิ”

“คือเลขาฯ ของผมขอลาพักร้อนเดือนหนึ่ง ตอนนี้ผมไม่มีเลขาฯ ช่วยงานเลยจะมาขอยืมเลขาฯ ของคุณพ่อไปช่วยงานสักคน” ภาคิมบอกเรียบๆ คล้ายไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้มาล่วงหน้า

“ก็เอาสิ เดี๋ยวพ่อให้คุณอรชาไปช่วย”

“ไม่ดีมั้งครับ งานของคุณพ่อสำคัญกว่า ผมว่าให้ผู้ช่วยเลขาฯ ของคุณพ่อไปช่วยผมน่าจะดีกว่า”

“แต่หนูปุ้มเพิ่งจะมาทำงานได้สองวันเองนะ”

“ไหนคุณพ่อการันตีว่าเขามีความสามารถไม่ใช่เหรอครับ หรือว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างที่คุณพ่อพูด” ลูกชายพูดพลางหรี่ตาเหมือนปรามาส อยุทธ์พอจะรู้ทันว่าภาคิมเจาะจงให้เป็นวิโรษณาแต่ก็ยังแกล้งตีหน้าเรียบเฉย

“เอาละๆ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะให้หนูปุ้มไปช่วยแกก็แล้วกัน แต่ถ้ามีอะไรที่หนูปุ้มยังไม่เข้าใจแกก็ต้องช่วยแนะนำเธอด้วยนะ ถึงหนูปุ้มจะเป็นคนเก่งแต่ก็ไม่ใช่อัจฉริยะที่จะรู้อะไรไปซะหมดโดยที่ไม่มีใครสอน”

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปรอที่ห้องทำงานนะครับ”

หลังจากทุกอย่างเป็นไปตามวัตถุประสงค์แล้ว ภาคิมก็กลับไปห้องทำงานของตัวเองอย่างผู้ที่กำชัยชนะ จึงไม่เห็นว่าผู้เป็นบิดามองตามด้วยประกายตาชนิดหนึ่งซึ่งหากเขาเห็นจะรู้ว่าแท้จริงแล้วผู้ชนะคือใคร... เมื่อภาคิมออกไปพ้นห้องแล้วอยุทธ์ก็กดโทรศัพท์ติดต่อภายในเรียกให้วิโรษณาเข้าไปพบทันที

“คุณลุงมีอะไรจะให้ปุ้มรับใช้คะ” เสียงหวานเอ่ยหลังจากนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับที่ภาคิมเพิ่งจะลุกไปเมื่อครู่นี้

“ตาคิมมาขอให้หนูไปเป็นเลขาฯ ของเขาชั่วคราว เห็นบอกว่าคุณนุชนารถลาพักร้อนหนึ่งเดือน”

“แล้วคุณลุงว่ายังไงคะ”

“ตอนแรกลุงก็ว่าจะให้คุณอรชาไป แต่ตาคิมอยากได้หนู ซึ่งลุงว่าก็ดีนะ ตาคิมจะได้รู้จักหนูมากขึ้น คราวนี้จะได้เลิกมีอคติกับหนูปุ้มซะที” อยุทธ์บอกอย่างคาดหวังซึ่งวิโรษณาก็ไม่ได้แย้งอะไรนอกจากทำตามสิ่งที่อยุทธ์มอบหมายให้ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าการทำงานกับภาคิมคงจะเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นแน่นอน

และแล้วเค้าลางก็เริ่มเป็นจริงตามที่วิโรษณาคิดเอาไว้เพราะภาคิมสั่งให้คนยกโต๊ะของวิโรษณาเข้ามาตั้งในห้องทำงานของเขาแทนที่จะให้เธอนั่งทำงานที่โต๊ะของนุชนารถซึ่งอยู่หน้าห้อง

ทันทีที่เข้าไปในห้องทำงานของภาคิม สาวน้อยก็เกิดอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งๆ ที่บรรยากาศทุกอย่างในห้องนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรจากห้องทำงานของอยุทธ์เลยสักนิด ยกเว้นก็แต่เจ้าของห้องซึ่งกำลังยืนจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ไม่ใช่สิแววตาเขาดุร้ายประดุจดั่งซาตานที่หลุดมาจากขุมอเวจีที่พร้อมจะแผดเผาเธอให้แหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีต่างหาก!

“ทำไมคุณต้องย้ายโต๊ะทำงานของดิฉันเข้ามาในนี้ด้วยคะ ให้ดิฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของคุณนุชนารถก็ได้นี่คะ”

“ดูท่าทางเธอจะลืมละมั้งวิโรษณาว่าฉันคือคนที่มีสิทธิ์ออกคำสั่งไม่ใช่เธอ” น้ำเสียงนั้นเจือไว้ด้วยการวางอำนาจ ทำเอาเรียวปากสีระเรื่อต้องเม้มเข้าหากันเพื่อระงับอารมณ์ สาวน้อยบอกตัวเองว่าต้องอดทนกับความกักขฬะของเขาให้มากที่สุด

“ดิฉันไม่ลืมหรอกค่ะว่าคุณคือเจ้านาย เพียงแต่อยากทราบเหตุผลเท่านั้น”

“เธอเพิ่งมาทำงานได้สองวันเองไม่ใช่เหรอ ถึงพ่อฉันจะการันตีว่าเธอมีคุณภาพแต่เวลาแค่นี้ก็คงไม่ได้ทำให้เธอรู้รายละเอียดของงานทุกอย่างได้หมดหรอกจริงไหม ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่กับฉันในนี้เพราะฉันขี้เกียจเดินออกไปสอนเธอทีละอย่าง”

“คุณไม่จำเป็นต้องออกไปก็ได้ค่ะ เรียกดิฉันเข้ามาพบก็ได้นี่คะ” วิโรษณายังไม่ยอมจำนนต่อเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยจะน่าเชื่อถือเท่าไหร่

“ที่เธอโยกโย้ท่านั้นท่านี้นี่ เพราะกลัวที่จะต้องอยู่กับฉันสองต่อสองในนี้ใช่ไหม หรือความจริงแล้วเธอเก่งแต่เรื่องอื่นแต่เรื่องงานไม่เป็นสับปะรด!” ดวงตาคมปลาบหรี่มองอย่างจับผิดและสบประมาทอยู่ในที

“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องกลัวคุณ และดิฉันก็พร้อมที่จะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าดิฉันมีประสิทธิภาพในการทำงานไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ” วิโรษณาโต้ออกไปถึงแม้ที่เขาพูดมาจะมีส่วนจริงแต่เรื่องอะไรจะยอมรับให้เขาได้ใจว่าสามารถข่มขู่เธอได้

“ปากเก่งดีนี่ ฉันชักอยากเห็นแล้วสิ ว่าเธอจะทำอย่างอื่นเก่งเหมือนปากหรือเปล่า”

ไม่พูดเปล่าแต่ร่างสูงยังย่างสามขุมเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม วิโรษณารีบถอยร่นอย่างตื่นตระหนกแต่ถอยได้ไม่กี่ก้าวก็หมดทางหนีเพราะด้านหลังคือโต๊ะทำงานของตัวเอง แขนกำยำวางคร่อมที่ขอบโต๊ะกักขังร่างบางเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้อีก ใบหน้าหล่อคมยื่นเข้าไปใกล้ ใกล้เสียจนวิโรษณาต้องรีบเบี่ยงหน้าหลบแล้วร้องห้ามเสียงหลง

“ที่นี่ห้องทำงานนะคะคุณภาคิม!”

“แล้วยังไง” เสียงทุ้มถามอย่างยอกย้อนแต่ใบหน้าหล่อคมของเขายังอยู่ใกล้กับพวงแก้มสีเนียนใสแค่ไม่ถึงคืบ

“คุณไม่ควรจะทำอะไรแบบนี้ในห้องนี้นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยเสียงสั่นๆ อย่างไม่อาจควบคุมได้

“ฉันไม่สนหรอก”

ลำแขนแกร่งสอดเข้าเอวเล็กแล้วรั้งเข้ามาแนบชิดอย่างรวดเร็วจนอกนุ่มหยุ่นเบียดแนบกับแผ่นอกกว้างของเขา วิโรษณาพยายามขืนตัวไว้แต่ก็ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยวงแขนแกร่ง จากนั้นจมูกและปากร้อนๆ ก็ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอขาวระหงอย่างหนักหน่วง

“อย่านะคะคุณภาคิม! หยุด!” เสียงหวานร้องห้ามแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อ้อมแขนแกร่งรัดร่างแน่งน้อยแน่นขึ้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากผิวเนียนละเอียดราวกับกลิ่นของดอกไม้ที่โชยชายยามแรกอรุณนั้นทำให้ภาคิมซุกไซ้หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel