ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

94.0K · จบแล้ว
เทียนธีรา
51
บท
31.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้นวิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น“คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้”“ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่าวิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวามลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนักร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบัน

๑.๑ บุษบาริมทาง

บุษบาริมทาง

ตึกสูงระฟ้าที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบหรูหราและทันสมัยตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงบ่งบอกความมั่งคั่งทางการเงินของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ตึกแห่งนี้มีชื่อว่าทีเอ็นทาวเวอร์เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ‘ธนากิจกรุ๊ป’ เจ้าของสถาบันการเงินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ

ร่างอรชรซึ่งเป็นสาวน้อยวัยยี่สิบสองปีลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ถอดหมวกกันน็อกคืนให้คนขับแล้วจ่ายเงินค่าโดยสาร ก่อนจะยกมือบางลูบผมนุ่มสลวยของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้ารูปไข่ซึ่งปราศจากเครื่องสำอางตกแต่งหากทว่าเนียนใสเป็นธรรมชาติเงยขึ้นมองตึกสูงตรงหน้าแล้วก้มลงมองการแต่งตัวของตนอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ถึงแม้เสื้อเชิ้ตสีครีมแขนตุ๊กตาและกระโปรงทรงเอสีดำเข้มที่สวมอยู่จะเรียบร้อยแต่ก็ดูมอซอเหลือเกินเมื่อเทียบกับความหรูหราของตึกแห่งนี้

วิโรษณา ดุษยา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกมาจนดังฟู่เพื่อระบายความตื่นกลัว บอกตัวเองว่าเข้าไปเถอะไหนๆ ก็มาแล้ว คงจะไม่ดีนักถ้าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน

จากนั้นเรียวขาเนียนสวยดั่งหยกสลักซึ่งรองรับด้วยรองเท้าส้นสูงหนังกลับสีดำจึงก้าวเข้าไปในตัวตึก โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นชายสูงวัยที่ยืนประจำอยู่ด้านหน้าของตึกหรูคอยบริการเปิดประตูให้เฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่เดินเข้าออกตึกแห่งนี้

“ขอบคุณค่ะคุณลุง” วิโรษณาไม่ลืมที่จะยิ้มและกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“เชิญตามสบายครับ” ชายสูงวัยยิ้มรับและโค้งศีรษะลงเล็กน้อย

ร่างแน่งน้อยเดินดุ่มตรงไปหน้าลิฟต์แล้วกดเรียก รอไม่ถึงสามนาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออก สาวน้อยก้าวเข้าไปข้างในแล้วกดตัวเลขชั้นสามสิบห้าซึ่งทั้งชั้นเป็นห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุด

ติ๊ง!

เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่สามสิบห้าก็มีเสียงสัญญาณดังขึ้น วิโรษณาก้าวออกจากลิฟต์ จากนั้นจึงเดินไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยพรมราคาแพงตรงไปยังห้องผู้บริหารสูงสุดของธนากิจกรุ๊ปอย่างพอจะจำได้ เพราะหลายเดือนก่อนเธอเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง

“หนูมาขอพบคุณอยุทธ์ค่ะ” เสียงหวานบอกกับเลขานุการหน้าห้องซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยกลางคน เลขานุการของประธานธนากิจกรุ๊ปเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวพลางขยับแว่นเล็กน้อย

“คุณวิโรษณาใช่ไหมคะ” อรชาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผู้เป็นเจ้านายสั่งเอาไว้แล้วว่าจะมีแขกของท่านมาหา

“ใช่ค่ะ”

“เชิญเลยค่ะ ท่านประธานรอคุณอยู่”

เลขานุการของอยุทธ์ผายมือไปยังประตูห้อง วิโรษณากล่าวขอบคุณแล้วจึงเดินไปเคาะประตูและผลักเข้าไปหลังได้ยินเสียงอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของห้อง

เมื่อร่างอรชรเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะ บุรุษสูงวัยซึ่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ก็ละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะแล้วเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ทันที

“สวัสดีค่ะคุณลุง” มือเรียวบางยกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เสียงหวานใสเอ่ยทักทายผู้มีพระคุณพร้อมกับคลี่ยิ้มอวดฟันซี่เล็กๆ ขาวสะอาดซึ่งจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบราวกับสร้อยไข่มุกน้ำงาม

“มาแล้วเหรอหนูปุ้ม” อยุทธ์เอ่ยทักทายตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือไว้ด้วยความเอ็นดู “นั่งก่อนสิ”

“ขอบคุณค่ะ” มือบางเลื่อนเก้าอี้เบาๆ แล้วทรุดตัวลงไปนั่งอย่างนุ่มนวล

อยุทธ์มองสาวน้อยตรงหน้าอย่างพอใจ นอกจากใบหน้าที่หมดจดและผิวพรรณที่เปล่งปลั่งเกลี้ยงเกลาแล้ว อากัปกิริยาทุกอย่างของวิโรษณายังเป็นไปอย่างเรียบร้อยสำรวม ก่อให้เกิดความน่าเอ็นดูแก่ผู้พบเห็นอยู่เป็นเนืองนิตย์ นี่เองกระมังเขาจึงได้หลงรักเด็กสาวคนนี้เหมือนกับลูกแท้ๆ ของตน

“คุณลุงเรียกปุ้มมาพบมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

ประธานธนากิจกรุ๊ปเอนกายลงกับเก้าอี้ในท่วงท่าที่สบายมากขึ้น แม้จะสูงวัยมากแล้วแต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยความภูมิฐานสง่างาม ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยากในครั้งยังหนุ่มก็ยังมีเค้าหล่อเหลาอยู่เช่นเดิม หากจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างก็แค่สีผมเท่านั้นที่เริ่มแซมด้วยสีขาวเป็นบางส่วน

“สอบเสร็จแล้วใช่ไหม” อยุทธ์เอ่ยถามสาวน้อยซึ่งตนได้ให้ทุนการศึกษาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมจนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และที่ผ่านมาวิโรษณาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะผลการเรียนของเธออยู่ในระดับดีเยี่ยมมาโดยตลอด

“สอบเสร็จแล้วค่ะคุณลุง เทอมนี้เทอมสุดท้ายแล้ว” วิโรษณายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเตรียมใส่ในซองเอกสารมาให้กับอยุทธ์ “นี่ค่ะทรานสคริปของปุ้ม”

ชายวัยกลางคนกวาดมองผลการเรียนของเด็กในอุปการะอย่างพึงพอใจเพราะเกรดเฉลี่ยของเธออยู่ในระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยทีเดียว

“เก่งมาก... นี่เรียนแค่สามปีครึ่งเองใช่ไหม”

“ค่ะคุณลุง โชคดีที่สารนิพนธ์ไม่มีปัญหาอะไร ทางมหาวิทยาลัยเลยอนุมัติให้จบได้ค่ะ”

“เก่งๆ ขอบใจมากนะที่ไม่เคยทำให้ลุงผิดหวัง”

“ปุ้มต่างหากล่ะคะที่ต้องกราบขอบพระคุณคุณลุงที่ให้โอกาสและช่วยเหลือปุ้มมาตลอด”

“เรียนจบแล้วอยากทำอะไร”

“ยังไม่ทราบเลยค่ะคุณลุง ตอนนี้ปุ้มก็ช่วยครูแก้วดูแลน้องๆ ที่สถานสงเคราะห์อยู่ค่ะ”

วิโรษณาหมายถึงสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าที่ตนเติบโตมา เธอเองเป็นลูกกำพร้าเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในนั้น วิโรษณาอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กจนโตโดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีที่มาที่ไปอย่างไร พ่อแม่เป็นใคร ตอนเด็กๆ เคยโหยหาคำตอบเหล่านั้นเหมือนกัน แต่ความรักความอบอุ่นที่ได้รับจากครูแก้วกานดากับครูคนอื่นๆ รวมถึงทุนการศึกษาและโอกาสที่อยุทธ์หยิบยื่นมา ก็ทำให้วิโรษณาได้คิดว่าบางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่จำเป็นต้องเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง

“ถ้าอย่างนั้นมาทำงานกับลุงไหม ลุงกำลังอยากได้ผู้ช่วยเลขาฯ อยู่พอดี”

ประโยคนั้นของอยุทธ์ทำให้ดวงตากลมโตสีนิลมณีพราวระยับขึ้นด้วยความดีใจ เรียวปากรูปกระจับอมชมพูเป็นธรรมชาติยิ้มแย้มออกมาจนปรากฏลักยิ้มเล็กๆ บนพวงแก้มทั้งสองข้าง

“คุณลุงพูดจริงๆ เหรอคะ”

“จริงสิ ลุงเคยล้อปุ้มเล่นด้วยเหรอ” ชายสูงวัยพยักหน้าพร้อมกับยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ขอบคุณค่ะคุณลุง ปุ้มดีใจที่คุณลุงให้โอกาสแบบนี้” เสียงหวานใสเอ่ยพลางยกมือขึ้นไหว้อย่างซาบซึ้งต่อความเมตตาของบุรุษสูงวัยผู้นี้ที่มีให้ตนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา