๑.๑ บุษบาริมทาง
๑
บุษบาริมทาง
ตึกสูงระฟ้าที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบหรูหราและทันสมัยตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงบ่งบอกความมั่งคั่งทางการเงินของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ตึกแห่งนี้มีชื่อว่าทีเอ็นทาวเวอร์เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ‘ธนากิจกรุ๊ป’ เจ้าของสถาบันการเงินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ
ร่างอรชรซึ่งเป็นสาวน้อยวัยยี่สิบสองปีลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ถอดหมวกกันน็อกคืนให้คนขับแล้วจ่ายเงินค่าโดยสาร ก่อนจะยกมือบางลูบผมนุ่มสลวยของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้ารูปไข่ซึ่งปราศจากเครื่องสำอางตกแต่งหากทว่าเนียนใสเป็นธรรมชาติเงยขึ้นมองตึกสูงตรงหน้าแล้วก้มลงมองการแต่งตัวของตนอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ถึงแม้เสื้อเชิ้ตสีครีมแขนตุ๊กตาและกระโปรงทรงเอสีดำเข้มที่สวมอยู่จะเรียบร้อยแต่ก็ดูมอซอเหลือเกินเมื่อเทียบกับความหรูหราของตึกแห่งนี้
วิโรษณา ดุษยา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกมาจนดังฟู่เพื่อระบายความตื่นกลัว บอกตัวเองว่าเข้าไปเถอะไหนๆ ก็มาแล้ว คงจะไม่ดีนักถ้าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน
จากนั้นเรียวขาเนียนสวยดั่งหยกสลักซึ่งรองรับด้วยรองเท้าส้นสูงหนังกลับสีดำจึงก้าวเข้าไปในตัวตึก โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นชายสูงวัยที่ยืนประจำอยู่ด้านหน้าของตึกหรูคอยบริการเปิดประตูให้เฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่เดินเข้าออกตึกแห่งนี้
“ขอบคุณค่ะคุณลุง” วิโรษณาไม่ลืมที่จะยิ้มและกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เชิญตามสบายครับ” ชายสูงวัยยิ้มรับและโค้งศีรษะลงเล็กน้อย
ร่างแน่งน้อยเดินดุ่มตรงไปหน้าลิฟต์แล้วกดเรียก รอไม่ถึงสามนาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออก สาวน้อยก้าวเข้าไปข้างในแล้วกดตัวเลขชั้นสามสิบห้าซึ่งทั้งชั้นเป็นห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุด
ติ๊ง!
เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่สามสิบห้าก็มีเสียงสัญญาณดังขึ้น วิโรษณาก้าวออกจากลิฟต์ จากนั้นจึงเดินไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยพรมราคาแพงตรงไปยังห้องผู้บริหารสูงสุดของธนากิจกรุ๊ปอย่างพอจะจำได้ เพราะหลายเดือนก่อนเธอเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง
“หนูมาขอพบคุณอยุทธ์ค่ะ” เสียงหวานบอกกับเลขานุการหน้าห้องซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยกลางคน เลขานุการของประธานธนากิจกรุ๊ปเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวพลางขยับแว่นเล็กน้อย
“คุณวิโรษณาใช่ไหมคะ” อรชาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผู้เป็นเจ้านายสั่งเอาไว้แล้วว่าจะมีแขกของท่านมาหา
“ใช่ค่ะ”
“เชิญเลยค่ะ ท่านประธานรอคุณอยู่”
เลขานุการของอยุทธ์ผายมือไปยังประตูห้อง วิโรษณากล่าวขอบคุณแล้วจึงเดินไปเคาะประตูและผลักเข้าไปหลังได้ยินเสียงอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของห้อง
เมื่อร่างอรชรเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะ บุรุษสูงวัยซึ่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ก็ละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะแล้วเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ทันที
“สวัสดีค่ะคุณลุง” มือเรียวบางยกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เสียงหวานใสเอ่ยทักทายผู้มีพระคุณพร้อมกับคลี่ยิ้มอวดฟันซี่เล็กๆ ขาวสะอาดซึ่งจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบราวกับสร้อยไข่มุกน้ำงาม
“มาแล้วเหรอหนูปุ้ม” อยุทธ์เอ่ยทักทายตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือไว้ด้วยความเอ็นดู “นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ” มือบางเลื่อนเก้าอี้เบาๆ แล้วทรุดตัวลงไปนั่งอย่างนุ่มนวล
อยุทธ์มองสาวน้อยตรงหน้าอย่างพอใจ นอกจากใบหน้าที่หมดจดและผิวพรรณที่เปล่งปลั่งเกลี้ยงเกลาแล้ว อากัปกิริยาทุกอย่างของวิโรษณายังเป็นไปอย่างเรียบร้อยสำรวม ก่อให้เกิดความน่าเอ็นดูแก่ผู้พบเห็นอยู่เป็นเนืองนิตย์ นี่เองกระมังเขาจึงได้หลงรักเด็กสาวคนนี้เหมือนกับลูกแท้ๆ ของตน
“คุณลุงเรียกปุ้มมาพบมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
ประธานธนากิจกรุ๊ปเอนกายลงกับเก้าอี้ในท่วงท่าที่สบายมากขึ้น แม้จะสูงวัยมากแล้วแต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยความภูมิฐานสง่างาม ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยากในครั้งยังหนุ่มก็ยังมีเค้าหล่อเหลาอยู่เช่นเดิม หากจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างก็แค่สีผมเท่านั้นที่เริ่มแซมด้วยสีขาวเป็นบางส่วน
“สอบเสร็จแล้วใช่ไหม” อยุทธ์เอ่ยถามสาวน้อยซึ่งตนได้ให้ทุนการศึกษาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมจนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และที่ผ่านมาวิโรษณาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะผลการเรียนของเธออยู่ในระดับดีเยี่ยมมาโดยตลอด
“สอบเสร็จแล้วค่ะคุณลุง เทอมนี้เทอมสุดท้ายแล้ว” วิโรษณายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเตรียมใส่ในซองเอกสารมาให้กับอยุทธ์ “นี่ค่ะทรานสคริปของปุ้ม”
ชายวัยกลางคนกวาดมองผลการเรียนของเด็กในอุปการะอย่างพึงพอใจเพราะเกรดเฉลี่ยของเธออยู่ในระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยทีเดียว
“เก่งมาก... นี่เรียนแค่สามปีครึ่งเองใช่ไหม”
“ค่ะคุณลุง โชคดีที่สารนิพนธ์ไม่มีปัญหาอะไร ทางมหาวิทยาลัยเลยอนุมัติให้จบได้ค่ะ”
“เก่งๆ ขอบใจมากนะที่ไม่เคยทำให้ลุงผิดหวัง”
“ปุ้มต่างหากล่ะคะที่ต้องกราบขอบพระคุณคุณลุงที่ให้โอกาสและช่วยเหลือปุ้มมาตลอด”
“เรียนจบแล้วอยากทำอะไร”
“ยังไม่ทราบเลยค่ะคุณลุง ตอนนี้ปุ้มก็ช่วยครูแก้วดูแลน้องๆ ที่สถานสงเคราะห์อยู่ค่ะ”
วิโรษณาหมายถึงสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าที่ตนเติบโตมา เธอเองเป็นลูกกำพร้าเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในนั้น วิโรษณาอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กจนโตโดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีที่มาที่ไปอย่างไร พ่อแม่เป็นใคร ตอนเด็กๆ เคยโหยหาคำตอบเหล่านั้นเหมือนกัน แต่ความรักความอบอุ่นที่ได้รับจากครูแก้วกานดากับครูคนอื่นๆ รวมถึงทุนการศึกษาและโอกาสที่อยุทธ์หยิบยื่นมา ก็ทำให้วิโรษณาได้คิดว่าบางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่จำเป็นต้องเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นมาทำงานกับลุงไหม ลุงกำลังอยากได้ผู้ช่วยเลขาฯ อยู่พอดี”
ประโยคนั้นของอยุทธ์ทำให้ดวงตากลมโตสีนิลมณีพราวระยับขึ้นด้วยความดีใจ เรียวปากรูปกระจับอมชมพูเป็นธรรมชาติยิ้มแย้มออกมาจนปรากฏลักยิ้มเล็กๆ บนพวงแก้มทั้งสองข้าง
“คุณลุงพูดจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ลุงเคยล้อปุ้มเล่นด้วยเหรอ” ชายสูงวัยพยักหน้าพร้อมกับยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ขอบคุณค่ะคุณลุง ปุ้มดีใจที่คุณลุงให้โอกาสแบบนี้” เสียงหวานใสเอ่ยพลางยกมือขึ้นไหว้อย่างซาบซึ้งต่อความเมตตาของบุรุษสูงวัยผู้นี้ที่มีให้ตนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา