บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

อชิรญาไม่ต้องการให้วันแห่งการจากลาเดินทางมาถึง แต่เธอก็ห้ามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ในวันที่ผู้กองนภพีท์ต้องเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา

หญิงสาวซึมเศร้าทั้งวัน และเมื่อเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องเดินทางไปส่งผู้กองหนุ่มที่สนามบิน หญิงสาวก็พยายามหักห้ามความเสียใจ ฝืนลุกขึ้นแต่งตัว แต่งหน้าค่อนข้างเข้ม เพื่อปกปิดริ้วรอยขอบตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้มานานหลายชั่วโมง

เมื่อเดินออกมาจากห้องนอน หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว อชิรญาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ เพราะมารดาเลี้ยงกับน้องสาวต่างมารดากำลังยืนรอเธออยู่หน้าห้อง

“พี่พรีมจะไปส่งผู้กองเมฆขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาใช่ไหมคะ”

อชิรญาแปลกใจกับคำถามของ มุกริน น้องสาวต่างมารดาที่เอ่ยถามมา เพราะเธอไม่เคยบอกเรื่องให้คนในบ้านรู้ว่าผู้กองนภพีท์จะเดินทางไปฝึกร่วมกับหน่วยซีลในสหรัฐอเมริกา

“จ้ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ ก่อนจะเอ่ยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงแข็งๆ “น้องมุกรู้ได้ยังไงคะว่าพี่เมฆจะไปอเมริกาวันนี้”

‘ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่เมฆ รู้แม้กระทั่งว่าพี่เมฆพาแกไปนอนกกอยู่ที่คอนโดไหน’

มุกรินเค้นเสียงเยาะอยู่ในใจ อิจฉาริษยาพี่สาวต่างมารดาที่โชคดีได้ครอบครองผู้กองนภพีท์ ซึ่งทั้งหล่อ ทั้งร่ำรวย มีมรดกตกทอดให้ใช้ไม่มีวันหมด

“เผอิญน้องมุกกับคุณแม่แวะไปเยี่ยมผู้กองเมฆที่กรมมานะคะ ผู้กองเล่าให้ฟังว่าต้องเดินทางไปฝึกที่อเมริกานานหลายเดือน น้องมุกก็เลยทราบว่าผู้กองจะเดินทางวันนี้นะคะ”

“พี่เมฆเล่าบอกน้องมุกว่าจะไปอเมริกา?”

อชิรญาไม่อยากเชื่อสักเท่าไรว่าผู้กองนภพีท์จะบอกเรื่องนี้กับมุกริน กระนั้นก็เกิดอาการคลางแคลงใจอยู่ไม่น้อยกับคำพูดในประโยคต่อมาของน้องสาวต่างมารดา

“ค่ะ พี่เมฆบอกน้องมุกทุกอย่างค่ะ นอกจากนั้นยังฝากฝั่งให้คุณแม่กับน้องมุกช่วยดูแลพี่พรีมระหว่างที่พี่เมฆไม่อยู่เมืองไทยด้วย จริงไหมคะคุณแม่”

มุกรินปั้นน้ำเป็นตัว เธอกับมารดาไปหาผู้กองนภพีท์ที่กรมจริง และพยายามขอพบผู้กองหนุ่ม ทว่าอีกฝ่ายกลับให้ลูกน้องออกมาบอกว่าไม่ว่างให้เธอกับมารดาเข้าพบ

ซึ่งนั่นทำให้เธอโกรธ และเกลียดผู้หญิงตรงหน้าเข้ากระดูกดำ ผู้กองนภพีท์มี

เวลาให้กับอชิรญาเสมอ แต่กับเธอ แม้วินาทีเดียว ผู้กองนภพีท์ก็ไม่เคยเสียสละเวลามาเสวนาด้วย

เมื่อลูกสาวขอเสียงสนับสนุน คุณมธุดา ผู้เป็นมารดาเลี้ยงของอชิรญา ก็รีบเอ่ยสนับสนุนคำพูดของลูกสาวทันทีเช่นเดียวกัน

“เชื่อน้องมุกเถอะหนูพรีม แม่ไปเยี่ยมผู้กองเมฆมาแล้ว และผู้กองก็ฝากฝั่งให้แม่ดูแลหนูพรีมแทนผู้กองด้วย พอแม่รับปากว่าจะดูแลหนูพรีมให้ดีที่สุด ผู้กองก็บอกแม่ว่ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก ที่มีคนดูแลหนูพรีมระหว่างผู้กองไม่อยู่เมืองไทย”

ลูกปั้นน้ำเป็นตัวเก่งมากเพียงใด คนเป็นแม่ก็ปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งไม่แพ้กัน และนางพร้อมสำหรับการช่วยลูกสาวฉกผู้กองนภพีท์มาจากมือของลูกเลี้ยงคนนี้

อชิรญาเริ่มเบื่อกับการทนฟังสองแม่ลูก แสร้งตีสีหน้าว่าเป็นห่วงเป็นใยในตัวเธอนักหนา ทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเธอแม้แต่นิดเดียว จึงปัดความรำคาญด้วยการแสร้งก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ พร้อมกับเอ่ยบอกเสียงแข็งเช่นเคย

“ใกล้ถึงเวลาพี่เมฆเดินทางแล้ว พรีมขอตัวก่อนนะคะ”

“ไปกันเลยค่ะพี่พรีม น้องมุกกับคุณแม่จะไปส่งพี่เมฆด้วยค่ะ”

ว่าแล้วมุกรินก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของพี่สาว แล้วฉุดให้อีกฝ่ายเดินออกจากบริเวณหน้าห้องนอน

อชิรญากระชากมือออกจากมือเล็กของน้องสาวเต็มแรง และก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแปลบ เพราะจังหวะที่เธอกระชากมือออก มุกรินก็แกล้งจิกเล็บแหลมคมบนข้อมือของเธอ พอกระชากแขนออกเต็มแรง ก็ถูกเล็บแหลมๆ ครูดลงมาตามข้อมือเกิดรอยแดงช้ำเลือดในทันที

“น้องมุก! จงใจแกล้งพี่หรือคะ” อชิรญาถามเสียงห้วนจัด ขึงดวงตาจ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง

มุกรินแสร้งสีหน้าตายไม่รู้เรื่อง ก่อนจะเอ่ยตอบ “แกล้งอะไรกันคะพี่พรีม น้องมุกแค่จับมือพี่พรีมให้เดินลงไปข้างล่างด้วยกันเท่านั้นเอง พี่พรีมรังเกียจน้องมุกมากเลยหรือคะ แค่จับมือเพียงแค่นี้ พี่พรีมก็ไม่ให้น้องมุกจับมือ น้องมุกเสียใจนะคะ ที่พี่พรีมรังเกียจน้องสาวคนนี้”

“ใครรังเกียจใครหรือน้องมุก พ่อได้ยินแว่วๆ ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไร”

คุณมรุเดชเพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน และได้ยินเสียงของลูกสาวคนเล็กรำพันยืดยาว จึงเอ่ยถามออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดลูกสาวคนเล็กไว้ด้วย

พอเห็นบิดาเดินตรงมาหาตนเอง มุกรินก็แสร้งบีบน้ำตา ตีหน้าหมองเศร้าใส่ไคล้พี่สาว และหาความดีเข้าตัวในทันที

“ไม่มีอะไรหรอกคะคุณพ่อ น้องมุกแค่เสียใจนิดหน่อย ที่พี่พรีมคิดว่าน้องมุกไม่รักพี่พรีม คุณพ่อคะ น้องมุกมีพี่สาวแค่เพียงคนเดียว ถ้าไม่ให้รักพี่พรีมแล้วจะให้น้องมุกไปรักใครคะ”

พอได้ยินลูกรักพูดเช่นนั้น คุณมรุเดชก็หันไปถลึงตาใส่ลูกสาวคนโตด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับตำหนิอชิรญาเสียงดุ

“ทำไมถึงพูดกับน้องแบบนั้นละน้องพรีม เรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น อีกอย่างน้องมุกมีสุขภาพไม่ค่อยดีด้วยน้องพรีมต้องรักน้องให้มากๆ รู้ไหมลูก ถ้าเกิดพ่อตายไปพ่อจะได้นอนตายตาหลับ เมื่อรู้ว่าน้องพรีมสามารถดูแลน้องมุกแทนพ่อ แทนน้าดาได้”

“น้องพรีม...”

อชิรญาไม่มีโอกาสแก้ตัว ไม่มีโอกาสโต้แย้งบิดา เพราะแค่เพียงเธอเผลอปากกำลังจะพูดออกมา ก็ถูกบิดาเอ่ยตอกย้ำอีกครั้ง

“น้องพรีมต้องรักน้องและสัญญากับพ่อว่าจะดูแลน้องมุกให้ดีที่สุด น้องพรีมต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อน้องมุกได้ เข้าใจไหมลูก”

“คุณพ่อคะ อย่าไปบังคับพี่พรีมเลยค่ะ ถ้าพี่พรีมไม่รักน้องมุกก็ไม่เป็นไร ให้น้องมุกรักพี่สาวคนนี้แค่ฝ่ายเดียวก็พอแล้วค่ะ”

คราวนี้มุกรินบีบน้ำตาให้หยดแหมะลงมาบนพวงแก้ม พร้อมกับหอบหายใจรัวเร็วยกมือจับหน้าอกตัวเองราวกับกับแน่นหน้าอกเหลือประดา จนคนเป็นพ่อต้องรีบเข้ามาประคองลูกสาวไว้ด้วยความเป็นห่วง

“น้องมุก อาการกำเริบอีกแล้วหรือลูก”

“น้องมุก...ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณพ่อ...น้องมุกเจ็บหน้าอกนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ”

“เห็นไหมน้องพรีม เพราะน้องพรีมพูดกระทบกระเทือนจิตใจของน้องมุก จึงทำให้อาการโรคหัวใจของน้องมุกกำเริบอีกแล้ว”

คุณมรุเดชหันมาตำหนิลูกสาวคนโตอีกครั้ง และคราวนี้คนที่นิ่งเงียบมานาน อีกทั้งรู้ความจริงเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของมุกริน ก็หลุดถ้อยคำเอ่ยเป็นนัยๆ ให้สองแม่ลูกต้องสะดุ้งโหยง

“แน่ใจหรือคะว่าน้องมุกเป็นโรคหัวใจ แล้วยาแก้อักเสบ แก้ติดเชื้อภายในที่คุณหมอจ่ายให้ น้องมุกเอามาให้ใครกินคะ”

‘อีพรีม สู่รู้เรื่องของกูดีนัก ระวังเถอะมึง ระวังจะไม่ได้ตายดี’

มุกรินกัดฟันกรอดเค้นเสียงตะโกนด่าตามไล่หลังอชิรญา ที่เดินหนีลงไปจากบนบ้านแล้ว เมื่อพี่สาวต่างมารดาที่เธอเกลียดนักเกลียดหนาไม่อยู่ ณ ที่นี้แล้ว มุกรินก็เริ่มใส่ไฟ ป้ายความผิดให้พี่สาวอีกชุดใหญ่ จนผู้เป็นบิดานึกโกรธลูกสาวคนโตเพิ่มกว่าเดิมอีกหลายเท่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel