บทที่ 2
อาการผิดสังเกตของผู้กองหนุ่มก็ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของอชิรญา “พี่เมฆดูเครียดๆ นะคะ มีปัญหาที่ทำงานหรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่เชิงครับน้องพรีม คืออีกหนึ่งสัปดาห์พี่เมฆต้องไปอเมริกาครับ”
“พี่เมฆไปทำไมคะ แล้วพี่เมฆไปนานแค่ไหนคะ”
สีหน้าที่เริ่มถอดสีซีดของหญิงที่รัก เมื่อรู้ว่าเขาต้องจากเธอไปไกลเป็นพันๆ ไมล์ ทำเอาผู้พันนภพีท์แทบไม่กล้าพูดต่อ แต่ในที่สุดแล้ว ผู้กองก็ต้องบอกคนรักจนได้
“พี่เมฆต้องไปเข้าร่วมฝึกกับหน่วย SEAL (ซีล) ของอเมริกาครับน้องพรีม”
คราวนี้อชิรญายิ่งหน้าถอดสีซีดมากกว่าเดิม ทำไมเธอจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการฝึกอันเข้มงวดของหน่วย SEAL เพราะมีคนรักเป็นถึงลูกราชนาวีไทยอันทรงเกียรติ หญิงสาวจึงศึกษา และค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของคนรักอยู่เสมอ อีกทั้งรู้ด้วยว่าการฝึกของหน่วย SEAL นอกจากจะทรหดเข้มงวดแล้ว ยังต้องใช้เวลาในการฝึกค่อนข้างยาวนานด้วย
“พี่เมฆต้องไปฝึกกี่เดือนคะ”
รู้ทั้งรู้ว่าต้องใช้เวลาฝึกค่อนข้างนาน กระนั้นอชิรญา ก็ยังคงเอ่ยถามออกไป ด้วยอยากได้ยินคำตอบที่ทำให้หัวใจของตัวเองรู้สึกดีขึ้นว่าคนรักไปร่วมฝึกแค่เดือนหรือสองเดือนเท่านั้น
ทว่าคำตอบที่ได้รับจากผู้กองนภพีท์ เรียกน้ำตาคลอเบ้าได้จากอชิรญาในทันที
“พี่เมฆต้องไปฝึกราวๆ แปดเดือนเป็นอย่างต่ำครับ”
“แปดเดือนเลยหรือคะพี่เมฆ”
อชิรญาย้ำเสียงดัง น้ำตาทำท่าจะหยดแหมะลงมาให้ได้ ขณะคิดถึงเวลาที่ต้องอยู่โดยไม่มีอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นคอยประคองกอดนานนับหลายเดือน
“ครับน้องพรีม พี่เมฆคงฝึกราวๆ แปดเดือน แต่กว่าจะได้กลับเมืองไทยก็คงปาไปเกือบเก้าเดือนนะครับ”
“แปดเดือนเลยหรือคะ น้องพรีมไม่ได้อยู่กับพี่เมฆตั้งแปดเดือน น้องพรีมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่เมฆอยู่ด้วย”
หยาดน้ำตาอุ่นหยดลงมาหลังจากรำพันตัดพ้อคนรัก ไม่อยากให้ผู้กองนภพีท์เดินทางไปเข้าฝึกกับหน่วยซีล ตามที่อีกฝ่ายต้องการ
พอเห็นหยาดน้ำตาอุ่นของคนรัก ผู้กองนภพีท์ก็เริ่มใจไม่ดี รีบเช็ดหยาดน้ำตาให้เหือดแห้งด้วยริมฝีปากร้อนผะผ่าวของตนเอง พร้อมกับกระซิบปลอบเสียงอ่อนโยน
“พี่รู้คนดี พี่รู้ว่าแปดเดือนมันนานมากสำหรับเราสองคน พี่เองก็คิดถึงน้องพรีมไม่แพ้กัน พี่ต้องกินข้าวคนเดียว นอนเหงาคนเดียว ไม่มีเรือนกายอุ่นๆ ของน้องพรีมให้นอนกอดเหมือนทุกวันนี้ กว่าจะฝึกเสร็จพี่เองก็แทบคลั่งเพราะความคิดถึงน้องพรีมเช่นเดียวกัน”
“ถ้า...ถ้า...เอ่อ...น้องพรีมขอร้องไม่ให้พี่เมฆไป...”
“คนดีของพี่...เป็นเมียทหารก็ต้องอดทนนะครับ”
ผู้กองนภพีท์ค้านออกมาก่อนคนรักจะทันพูดจบ พร้อมกันนั้นก็เอ่ยปลอบยอดดวงใจอีกครั้ง
“พี่เมฆไปฝึกไม่นาน พี่ก็กลับบ้านคืนแล้วครับ”
“แต่พี่เมฆไปฝึกตั้งแปดเดือนเลยนะคะ”
“เวลาแปดเดือนมันผ่านไปแป๊บเดียวนะคนดี อดทนรอพี่เมฆแค่เพียงแปดเดือน พี่เมฆก็กลับบ้านของเราแล้ว พี่เมฆกลับมาจากฝึกเมื่อไร พี่เมฆจะไปสู่ขอน้องพรีมแต่งงานนะครับ”
คำปลอบโยนของคนรักไม่ได้ช่วยให้อชิรญารู้สึกดีขึ้น นับตั้งแต่นาทีแรกที่คบหาเป็นคนรักของผู้กองนภพีท์ ผู้กองหนุ่มไม่เคยไปฝึกที่ไหนไกลเกินหนึ่งหรือสองอาทิตย์ แต่คราวนี้คนรักของเธอไปนานถึงแปดเดือนเต็ม แล้วเธอจะทนอยู่คนเดียวได้หรือ?...
ผู้กองนภพีท์พรมจุมพิตลงไปบนเรียวปากอิ่ม ปัดเป่าความหมองเศร้าออกไปจากใจคนรัก ก่อนจะเอื้อนวาจาบอกยอดดวงใจด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พี่เมฆสัญญาด้วยเกียรติของราชนาวีไทย ว่ากลับมาถึงประเทศไทยเมื่อไร พี่เมฆจะไปสู่ขอน้องพรีมให้เป็นภรรยาที่ถูกต้องของพี่เมฆ”
“พี่เมฆห้ามผิดคำสัญญานะคะ พี่เมฆต้องมาหาน้องพรีมทันทีที่ลงจากเครื่อง
บินนะคะ”
“พี่เมฆสัญญาคนดี เลิกเศร้า เลิกร้องไห้นะครับ พี่เมฆไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าๆ ของน้องพรีม พี่เมฆอยากเห็นน้องพรีมยิ้มให้พี่ ยิ้มให้วันที่ไปส่งพี่เมฆขึ้นเครื่องบิน และยิ้มให้พี่เมฆในวันที่พี่เมฆกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว”
แม้ยังรู้สึกเศร้าใจที่คนรักจะต้องจากไปนานหลายเดือน ทว่าคำสัญญาที่ผู้กอง
นภพีท์ลั่นวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อีกทั้งสัญญาด้วยเกียรติของราชนาวีไทย อชิรญาจึงจำต้องทำใจยอมรับให้ได้ และฝืนยิ้มให้กับคนรักในที่สุด
“ค่ะพี่เมฆ...น้องพรีมจะยิ้มให้พี่เมฆค่ะ”
“ขอบคุณมากครับคนดีของพี่เมฆ”
ผู้กองนภพีท์มอบจุมพิตหวานฉ่ำ แทนการขอบคุณที่ได้ลั่นวาจาไปก่อนหน้านี้แล้ว
“น้องพรีม พี่เมฆขอคำสัญญาจากน้องพรีมหนึ่งเรื่องได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ ไม่ว่าพี่เมฆต้องการอะไร น้องพรีมให้พี่เมฆได้เสมอค่ะ”
อชิรญารับคำสัญญาทั้งๆ ยังไม่รู้ว่าผู้กองนภพีท์ต้องการสิ่งใด แต่ไม่ว่าผู้กองต้องการอะไร เธอก็มอบให้กับผู้กองนภพีท์ได้ทุกอย่าง
ผู้กองนภพีท์คลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยขอในสิ่งที่ตนเองอยากได้รับจากยอดดวงใจ
“พี่เมฆอยากให้น้องพรีมสัญญาว่าจะรอพี่เมฆคนเดียว รอพี่เมฆกลับมาหาน้องพรีม รอวันที่เราสองคนจะได้แต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาตลอดไป”
“น้องพรีมสัญญาค่ะพี่เมฆ น้องพรีมสัญญาด้วยชีวิตของน้องพรีมค่ะ”
คำสัญญาของหญิงที่รัก เรียกรอยยิ้มกว้างได้จากผู้กองนภพีท์ ริมฝีปากร้อนผะผ่าวกดจุมพิตหนักหน่วงลงไปบนเรียวปากอิ่มเนินนานเต็มความวาบหวามในหัวใจ จากนั้นก็ผละริมฝีปากออกเพียงเล็กน้อย เพียงเพื่อทอดมองใบหน้างามหวานที่ค่อยๆ มีสีเลือดซับแดงก่ำเรื่อยมาจนถึงลำคอ ปทุมอวบอิ่มกลมกล่อมที่อยู่ล่อตาล่อใจ กำลังปลุกให้อารมณ์รักความต้องการของผู้กองหนุ่มปะทุเดือดขึ้นมาอีกหน แก่นกายเริ่มขยายตัวประกาศความใหญ่โตพร้อมมอบความสุขให้กับอชิรญาอีกครั้ง
“พี่เมฆอยากรักน้องพรีมอีกครั้ง อยากรักตลอดทั้งค่ำคืนนี้”
อชิรญาไม่มีโอกาสร้องประท้วงความต้องการของผู้กองหนุ่ม หรือถ้าหากมีโอกาส หญิงสาวก็คงไม่ร้องปฏิเสธความวาบหวานกระสั่นซ่านที่ผู้กองนภพีท์กำลังมอบให้ เพราะเธอเองก็ต้องการได้รับความสุขสมหฤหรรษ์หรรษาจากชายที่รักยิ่งเช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้กองนภพีท์ถอนหายใจยาวอย่างสุขสมกับลำนำรักอันแสนหวานแทบสำลักในครั้งที่สองและสาม ที่อชิรญาได้มอบให้เขาด้วยความรัก
ผู้กองหนุ่มค่อยๆ ประคองร่างบอบบางที่หมดเรี่ยวแรงเพราะพิษเสน่หา ให้นอนราบกับเตียงหนานุ่มอย่างแผ่วเบา
มือใหญ่เอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมยาวดำขลับออกจากใบหน้างาม ที่กำลังหลับพริ้มเพราะความเหน็ดเหนื่อยกับลำนำรักอันเร่าร้อนที่บรรเลงร่วมกัน เขากดจุมพิตลงบนแก้มเนียนใส ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้าง กอดกระชับร่างบอบบางไว้แนบแน่น อีกไม่กี่นาทีต่อมาก็ผล็อยหลับตามยอดดวงใจไปอีกคน
ผู้กองนภพีท์พาอชิรญามาส่งที่บ้านก่อนฟ้าสางเพียงไม่กี่ชั่วโมง และกว่าจะปล่อยหญิงคนรักลงจากรถได้ ก็มอบจุมพิตแสนหวานอีกเนิ่นนานจนอชิรญาตัวอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งรนไฟ จึงยอมตัดใจปล่อยให้หญิงสาวลงจากรถ
“พี่เมฆกลับบ้านก่อนนะครับน้องพรีม”
ผู้กองหนุ่มกดกระจกรถลงพร้อมกับเอ่ยลาหญิงคนรัก เมื่อหญิงสาวก้าวลงจากรถไปแล้ว
“พี่เมฆขับรถดีๆ นะคะ น้องพรีมเป็นห่วง”
อชิรญาเกาะขอบประตูรถ ขณะบอกผู้กองหนุ่มด้วยความเป็นห่วง
“ครับคนดี พี่เมฆจะขับรถระวังที่สุดครับ”
ผู้กองนภพีท์ยื่นหน้าไปกดจูบเร็วๆ บนเรียวปากอิ่มอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยบอกคนรักให้เข้าไปในบ้าน
“น้องพรีมเข้าไปในบ้านเถอะครับ ไม่ต้องรอส่งพี่หรอกครับ”
“ค่ะพี่เมฆ”
อชิรญาเข้าไปในบ้าน หลังจากรับคำของคนรักแล้ว พอจะขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นสองของตัวบ้าน ก็เลือกเข้าทางด้านประตูหลังที่ห้องครัว ด้วยเกรงว่ามารดาเลี้ยงจะตื่นมาเห็นว่าเธอกลับบ้านจวนรุ่งสางแล้ว
ทว่าแม่เลี้ยงของอชิรญาไม่ได้ตื่นมาเห็นลูกเลี้ยง แต่คนที่เห็นคือน้องสาวต่างมารดาของเธอต่างหาก ที่เฝ้าจับตามองนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงรถของผู้กอง
นภพีท์ ผู้กองหนุ่มที่เธอหมายปองต้องการครอบครองเป็นเจ้าของได้แล่นมาจอดหน้าบ้านแล้ว
“ฮึ! จูบกันดูดดื่มจริงๆ นะนังพรีม เวลาเสวยสุขของเธอใกล้หมดแล้วนังพรีม อีกไม่นาน ผู้กองเมฆจะต้องเป็นของฉันเพียงคนเดียว”