๑.๕ คู่หมั้นชีคทมิฬ
สิ้นเสียงของชีคอัสราน ไฟที่สว่างโร่อยู่ก็ดับพรึบลงทันทีทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดชั่วขณะ คู่เต้นรำทุกคู่ยืนนิ่งอยู่กับที่ เช่นเดียวกับคู่ของชีคอัสรานและอรุโณทัย ทว่าลำแขนแข็งแรงยังโอบอยู่ที่เอวเล็กไม่ยอมปล่อย สาวน้อยพยายามดิ้นรน
“ปล่อยดิฉันนะคะ” เสียงใสพูดออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ไม่ดังมากนักเพราะเกรงว่าคนอื่นจะได้ยิน
“ไม่ปล่อย” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ใกล้ๆ ริมฝีปากของหล่อนนี่เอง ลมหายใจอันร้อนแรงแห่งบุรุษเพศที่รวยรดลงบนพวงแก้มใสละมุนเป็นครั้งแรกในชีวิตสาวทำให้อรุโณทัยถึงกับเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ กำลังจะผงะใบหน้าออก แต่ถูกมือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นตรึงตรงท้ายทอย ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะประกบลง และทันทีที่ริมฝีปากนุ่มถูกครอบครอง สาวน้อยก็รู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าอันรุนแรงและเร่าร้อนสักหมื่นโวลต์แล่นผ่านขั้วหัวใจอย่างรวดเร็วจนร่างกายที่ประกอบด้วยเลือดเนื้ออันซับซ้อนอ่อนเปลี้ยไปหมด ริมฝีปากบอบบางถูกบังคับด้วยเรียวปากของบุรุษที่มากด้วยชั้นเชิงให้เผยอเปิด ก่อนที่ชีคหนุ่มจะเบียดแทรกปลายลิ้นอันรุ่มร้อนเข้าไปกวาดเซาะดูดดื่มเอาความหวานอันบริสุทธิ์อย่างถือสิทธิ์และไม่เคยมีบุรุษใดกล้าล่วงล้ำมาก่อน
ภายในเวลาไม่กี่วินาทีปลายลิ้นสากระคายก็เข้าไปสำรวจ พร้อมๆ ดูดชิมความหอมหวานอันแสนรื่นรมย์จากโพรงปากนุ่มละมุนทุกซอกส่วน ไม่มีตารางนิ้วใดที่ปลายลิ้นของชายหนุ่มจะละเลยการสัมผัส
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นลิ้นอันร้อนรุ่มของเขายังไล่กระหวัดเกาะเกี่ยวเอาลิ้นนุ่มอันบริสุทธิ์ของหล่อนเข้าไปพัวพันด้วยลีลาเร้าอารมณ์จนสาวน้อยเผลอไผลดูดดื่มไปกับรสจูบสวาทของเขา
“รู้สึกว่าเราจะเข้ากันได้ดีนะสาวน้อย”
เสียงทุ้มกระซิบข้างๆ ใบหู หลังจากผละริมฝีปากออกพร้อมๆ กับที่อรุโณทัยรู้สึกตัวว่าตนเองถูกผู้ชายซึ่งร้ายกาจที่สุดจูบกลางที่สาธารณะ ถึงแม้ตอนนี้ไฟจะดับก็เถอะแต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรจ้วงจาบหล่อนอย่างหยาบคายแบบนี้ มือเรียวบางผลักร่างสูงออกห่าง พร้อมๆ กับที่ไฟสว่างขึ้น
ใบหน้าหล่อคมประดับด้วยรอยยิ้มยียวนพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างล้อเลียน อรุโณทัยได้แต่หน้าแดงก่ำง้ำงอ ทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะ ริมฝีปากบางยังคงสั่นระริกจากการถูกจุมพิตเมื่อไม่ถึงนาทีที่ผ่านมา
“ดิฉันเกลียดคุณ!”
“แสดงว่าผมทำให้คุณรู้ใจตัวเองใช่ไหม”
ร่างอรชรสั่นเทิ้มทำอะไรไม่ถูก พยายามกลั้นน้ำตาที่เกิดจากความเจ็บใจเอาไว้ แล้วก้าวฉับๆ ออกจากฟลอร์ตรงเข้าไปหาผู้เป็นมารดา โดยมีร่างสูงสง่าเดินตามหาห่างๆ
“เป็นยังไงบ้างลูกอ้อ” คุณหญิงอรอุษาถามใบหน้ายิ้มแย้ม
“อ้ออยากกลับบ้านค่ะคุณแม่”
“อ้าว ทำไมล่ะลูก” หญิงสูงวัยขมวดคิ้ว
“อ้อ ปวดหัวค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่กลับ อ้อจะกลับแท็กซี่เองนะคะ” สาวน้อยพูดอย่างจริงจัง ทำเอาคุณหญิงอรอุษาต้องยอมอ่อนข้อให้ทั้งๆ ที่ยังอยากให้ลูกสาวได้ทำความรู้จักกับชีคอัสรานมากกว่านี้
“ตกลงๆ กลับก็กลับลูก”
ชีคอัสรานเดินมาสมทบในตอนนั้น พร้อมกับโค้งศีรษะให้กับคุณหญิงอรอุษาเล็กน้อย ก่อนจะปรายมองใบหน้าสวยหวานอย่างพอใจ และพอจะรู้สถานการณ์ดีว่าตอนนี้สาวน้อยคงอยากหลบหน้าเขาเต็มที
“ต้องขอตัวกลับก่อนนะคะชีค พอดีว่าลูกอ้อไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
“น่าเสียดายนะครับ กำลังสนุกเลย” เขาเน้นคำหลังพร้อมกับใช้สายตาสีแอมเบอร์จ้องลึกลงไปในดวงตาสวยซึ้งอย่างมีความนัย
“ดิฉันก็เสียดายค่ะ เอาไว้เชิญชีคไปเที่ยวที่บ้านนะคะ”
“ผมต้องไปอยู่แล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันลาเลยนะคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มโค้งศรีษะให้อีกครั้ง ในขณะที่อรุโณทัยยังเชิดหน้าตั้งคอตรง ทำเหมือนไม่รู้มารยาทว่าต้องเอ่ยลาเขา ตอนนี้หล่อนไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น นอกจากอยากจะไปให้พ้นๆ หน้าผู้ชายบ้าตัณหาอย่างชีคอัสราน!
“ลูกอ้อ” คุณหญิงอรอุษาสะกิดลูกสาวเบาๆ ทำให้สาวน้อยจำใจยกมือไหว้เขาอย่างเสียไม่ได้
“แล้วเจอกันครับสาวน้อย”
อรุโณทัยได้แต่สะบัดหน้าพรืดด้วยความเจ็บใจ คุณหญิงอรอุษายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้ยินเช่นนั้น บอกลาว่าที่ลูกเขยอีกครั้งก่อนจะพาอรุโณทัยไปลาเจ้าของงาน
สาวน้อยรู้สึกหายใจโล่งเป็นครั้งแรกเมื่อเดินออกจากงาน ไม่ใช่เพราะอึดอัดจากบรรยากาศหรือผู้คนที่คลาคล่ำแต่เป็นเพราะไม่อยากตกอยู่ในสายตาของผู้ชายคนนั้นต่างหาก
“ปวดหัวมากเลยเหรอลูกอ้อนั่งเงียบเชียว” คุณหญิงอรอุษาหันมาถามลูกสาวซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถมา
“ค่ะ” เสียงหวานตอบสั้นๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็หลับเถอะ ถึงแล้วแม่จะปลุก”
สาวน้อยนั่งหลับตาโดยหันไปทางหน้าต่างของฝั่งที่ตนเองนั่งอยู่ ทว่าทันทีที่หลับตาลงมโนภาพตอนที่ริมฝีปากรูปกระจับถูกชีคหนุ่มประกบจูบอย่างดูดดื่มก็ผุดพรายขึ้นอย่างน่าเจ็บใจ ปากร้อนรุ่มแบบบุรุษเพศไม่ต่างอะไรจากเปลวไฟที่ลามเลียบดเบียด มันช่างร้อนแรงดุจจะแผดเผาให้มอดไหม้ แต่ในขณะเดียวกันกลับตราตรึงอยู่ในใจอย่างประหลาด
...หล่อนโดนพรากจูบแรก!!...