บทที่ 6 โชคของอองรี
บทที่ 5 โชคของอองรี
เหรียญเงินแวววาวเมื่อต้องกับแสงนีออนภายในห้อง ขณะที่นิ้วเรียวยาวของอองรีสลับดีดพลิกเหรียญไปมา ตากลมโตที่เริ่มฉ่ำเยิ้มของอีกคนจดจ้องไปที่แสงวิบวับราวกับว่ากำลังโดนสะกดจิต ทันใดนั้นชายหนุ่มก็โยนเหรียญขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงมาเขาใช้มือข้างหนึ่งกำคว้ามันไว้ก่อนจะตะปบมันลงบนฝ่ามืออีกข้าง
“ฉันว่าอย่ามีใครต้องแพ้ หรือชนะเลยจะดีกว่า”
เสียงทุ้มนุ่มพูดขึ้นเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้กับใบหน้าฉ่ำหวาน ในนาทีที่ได้สบตากันเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ทั้งคู่นิ่งงันไป
“อย่างนั้นมันจะเรียกว่าพนันเหรอ”
“ก็ถ้าเราทั้งคู่ได้ในสิ่งที่ต่างพอใจกันทั้งสองฝ่าย แบบนี้มันไม่ดีกว่าเหรอ เอาล่ะ..ทีนี้เธอก็บอกฉันมาว่ามันเป็นหัวหรือก้อย และถ้าหากเธอเลือกแล้ว นั่นแปลว่าเธอจะต้องเลือกมันทั้งห้าตาสาวน้อย”
แคลร์รู้ว่าตัวเองยังมีสติดีทุกอย่าง แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมรู้สึกว่าอะไร ๆ มันดูจะช้าลงไปหมด หญิงสาวหรี่ตาลงมองหลังมือของคนร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะแย้มปากบอกออกไป
“ฉันเลือกก้อย…อืม..ด้านสีเงินน่ะ”
“รู้ใจฉันจริง ๆ เพราะด้านนำโชคของฉันมันคือสีทอง”
อองรียืดตัวเต็มความสูง ก่อนจะก้าวถอยหลังและหย่อนตัวลงบนโซฟา จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หงายฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น
“เย้ ฉันชนะ ดูท่าวันนี้นายจะอับโชคแล้วล่ะ”
เสียงหวานตะโกนขึ้นก่อนจะคลานเข่าเข้าหาคนตรงหน้า เพื่อดูผลชนะของตัวเอง
‘ใจเย็น…อองรี นายก็แค่รอ….’
“เอาล่ะ เธอชนะ อยากได้อะไรล่ะ พูดมาได้เลย”
หัวใจของแคร์เต้นแรง เธอชำเลืองมองไปยังกองธนบัตรที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้อง
“งั้น..ฉันขอเป็นสิ่งที่นายมีให้ตอนนี้ก็แล้วกัน หนึ่งแสน!”
อองรีทิ้งตัวไปกับพนักพิงของโซฟา พร้อมพยักหน้าให้
แคลร์เมื่อเห็นดังนั้นก็รีบหันตัว คลานเก็บเศษเงินของเจ้าพ่อมาเฟีย ปากเล็กก็นับจำนวนเงินทีละใบ ทีละใบ มือของเธอสั่นไหวไปหมด เกิดมาเพิ่งเข้าใจกับคำว่า
อยู่บนกองเงิน กองทองก็วันนี้เอง…
“แน่ใจนะว่าจะเอาแค่นั้น นับให้ครบล่ะ”
“ยังเหลืออีกตั้งสี่ตา ถ้าฉันโลภตั้งแต่ตาแรก คุณก็หมดตัวพอดีสิ”
หน้าสวยยิ้มไม่หุบ ด้านหน้าของเธอมีธนบัตรปึกหนึ่งที่เธอรวบเก็บวางไว้
“นี่ขนาดไม่โลภ…งั้นเรามาเริ่มตาต่อไปเลยนะ”
อองรีไม่ได้รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาโยนเหรียญขึ้นไปในอากาศและทำแบบเดิมอีกครั้ง ปากหยักยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหงายฝ่ามือออก
และใช่…แคลร์เป็นฝ่ายชนะอีกครั้ง
อองรีนั่งจิบเครื่องดื่มอย่างใจเย็น นั่งมองเหยื่อของตนเอง คลานเก็บเศษเงินที่เขาวางล่อ
คนแบบนี้ แบบแคลร์..มีเกลื่อนเต็มท้องถนน
หลังจากนั้นเกมก็เริ่มอีกครั้งจนถึงตาที่สี่ แคลร์ที่เห็นว่าตัวเองชนะเขาได้ง่ายดายในทุกรอบที่ผ่านมา ก็เกิดความโลภ เธอไม่ยอมหยุดความโชคดีของตัวเองไว้เพียงเท่านั้น
เพราะคิดว่า…โชคจะอยู่ข้างเธอตลอดไป…
และหากเธอสามารถชนะตาสุดท้ายได้ นั่นแปลว่าเธออาจจะร้องขอเงินรางวัลได้มากกว่านี้อีกหลายเท่า และเธอจะขอให้อองรีปล่อยเธอกลับไป
“ฉันว่า..วันนี้นายดวงกุดที่สุดแล้วล่ะ ที่ซวยมาเจอฉัน”
“ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งตา อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้”
อองรีพูดพลางรินเครื่องดื่มแบบเดิมส่งให้แคลร์ ก่อนจะยกแก้วของตัวเองชนกับเเก้วของเธอ
เกร๊ง
เสียงแก้วน้ำสีสวยกระทบกับแก้วสีอำพันดังกังวานไปทั่วห้องพักหรู
“ตานี้ฉันจะให้เธอบอกในสิ่งที่เธออยากได้มาสามข้อ ก่อนที่ฉันจะโยนเหรียญอีกครั้ง”
ชายหนุ่มถามออกไป ขณะที่หย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ หญิงสาว มือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นเกลี่ยผมลอนของแคลร์เพื่อได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวได้ชัดถนัดตา
“อืมม…ฉันขอเงินอีกเท่าหนึ่งของเงินกองนี้ อย่างที่สอง นายต้องเลิกไปก่อกวนพวกเราที่โบสถ์อย่างเด็ดขาด และข้อสุดท้าย ฉันขอให้นายปล่อยฉันกลับไปทันทีที่เกมจบ”
หลังจากแคลร์พูดจบ ทุกอย่างก็เงียบลง ท่าทางที่นิ่งไปของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียวสันหลังด้วยไม่สามารถเดาความคิดของอีกฝ่ายได้
เสียงหัวเราะในลำคอของเขาดังขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนที่ปากบางจะกระตุกยิ้ม สายตากร้าวของเขาที่มองมาราวจะกลืนกินเธอ ทำให้เธอรู้สึกหวั่นกลัวไม่น้อย แต่เพียงแค่กะพริบตาเดียว เธอก็ไม่เห็นสีหน้าแบบนั้นของเขาอีกแล้ว
“หึ หึ ได้สิ คราวนี้ตาฉันล่ะนะ อย่ากะพริบตาล่ะ”
สิ้นเสียงของเขา เหรียญเงินก็ถูกโยนขึ้นไปในอากาศ ดวงตาสองคู่ช้อนมองขึ้นอย่างไม่กะพริบ วินาทีนั้นใจของเธอเต้นตึกตักรัวดัง จนแคลร์ก็คิดว่าเขาต้องได้ยิน ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้โชคจะยังเลือกข้างเธอ
แปะ
เสียงฝ่ามือหนาตะปบเหรียญลงบนหลังมือของตัวเองดังขึ้น สายตาคมของเขาจ้องเธอราวกับว่ารู้ผลชนะในมือแล้ว เขายกยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่ง มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกว่า
เธอไม่รอดแน่….
และวินาทีที่ทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นก็มาถึง เมื่อมือหนาเปิดออก
ตานี้..และตาสุดท้าย ตาที่ผู้ชนะสามารถร้องขออะไรก็ได้จากอีกฝ่าย ได้สามข้อ ผลของมันคือ ออกหัว…สีทองแวววาวส่องกระทบตา
ด้านนำโชคของอองรี
“ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด!”
เสียงทุ้มสั่งขึ้นทันทีที่เขาหย่อนร่างใหญ่โตของตัวเองลงบนโซฟา สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกว่าล้อเล่นสักนิด
“ห๊ะ นายจะบ้าเหรอ นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ ฉันไม่ทำหรอก”
“เธอชนะฉันตั้งสี่ครั้ง และเธอก็ได้ตามที่เธอต้องการทุกอย่าง พอตาฉันบ้างเธอจะโกงงั้นเหรอ”
แคลร์ยกมือสองข้างขึ้นกอดตัวเอง ราวกับว่ามันจะทำให้เธอรอดปลอดภัยได้
“แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้”
“งั้นฉันจะทวนกติกาให้เธอฟังอีกครั้ง หากอีกฝ่ายตุกติกจะต้องเสียเดิมพันทั้งหมดที่ได้ไป และต้องโดนลงโทษ และโทษของคนที่โกงฉันก็คือ สิ่งที่เธอต้องการสามข้อก่อนหน้านี้ ฉันจะทำให้มันเป็นสิ่งตรงกันข้ามและน่ากลัวที่สุด”
“……..”
“นอกจากเธอจะต้องเสียเดิมพันแล้ว เธอต้องหาเงินมาคืนฉันอีกเท่าหนึ่ง และฉันไม่ขอรับรองเรื่องความสงบสุขของคนในโบสถ์รวมทั้งคนในครอบครัวเธอ ข้อสุดท้ายเธออย่าหวังว่าจะก้าวออกไปจากที่นี่ได้อีก ถ้าฉันไม่ได้อนุญาต”
แคลร์เบิกตาโพลงกับคำขู่ที่ได้ฟัง ดวงตากลมพยายามกะพริบถี่เพื่อไล่น้ำในตา สองแขนเรียวโอบกอดร่างของตัวเองที่กำลังสั่นเทิ้มแน่นขึ้น
ในขณะพยายามคิดหาทางรอด เสียงข้อความ จากสมาร์ตโฟน ของอองรีก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นดูก่อนจะพูดออกมา
“ตรอก ที่อยู่ถัดจากซอยโบสถ์ไปสามซอย สลัมนั่นที่อยู่ของเธอกับพ่อสินะ แคลร์…”
“นี่นาย..”
เพียงแค่นั้นใบหน้าซีดเผือดก็ถลึงตามองคนตรงข้าม เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธออย่างนั้นหรือ รวมทั้งชื่อของเธอด้วย ในที่สุดความกลัว กลัวว่าครอบครัวและคนที่เธอรักจะเป็นอันตรายก็มีมากเกินกว่าจะคิดรักษาศักดิ์ศรีของตนเองเอาไว้
แคลร์ค่อย ๆ ชันตัวที่เริ่มหนักอึ้งของตัวเองขึ้นยืน ใบหน้าเล็กงุดต่ำลงมองพื้นและแค่่เพียงกะพริบตา น้ำสีใสเม็ดใหญ่ก็ร่วงหล่นลงทันที สองมือเล็กที่สั่นเทิ้มค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ด จากนั้นก็ถอดมันออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มจัดการกับซิปกระโปรง ทันทีที่ซิปรูดลงจนสุด กระโปรงสีสวยก็หลุดลู่ลงกองกับพื้น
เรือนร่างอวบอิ่มเย้ายวน เหลือเพียงบิกินี่ตัวจิ๋วปกปิดของสงวนเอาไว้ หญิงสาวเอี้ยวตัวหลบสายตาเขาเล็กน้อย พร้อมทั้งยกสองแขนขึ้นปิดบังทรวงอกอิ่มของตัวเอง
เธอไม่เห็นสายตาที่มองเธอเป็นมันของเขาด้วยซ้ำ ได้ยินเพียงเสียงยวบของโซฟา จากนั้นมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงฝีเท้าหนักก้าวพรวดมาหยุดอยู่ด้านหลังของเธอ
“ถ้าไม่ถอดออกให้หมด ก็ไม่เป็นไร เก็บไว้ให้ฉันถอดให้ก็ได้ หึหึ ข้อที่สอง ฉันอยากให้เธออาบน้ำให้ฉัน”