บทที่ 4 กล้าได้กล้าเสีย (1)
บทที่ 4 กล้าได้กล้าเสีย (1)
ข้อเสนอของอองรีดูผิวเผินเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วแค่เห็นแววตาของเขาก็ทำให้หญิงสาวขนลุกซู่ สายตาที่เธอเองมักเห็นได้ทั่วไปจากชายหื่นกาม
แต่มันไม่มีทางเลือกอื่น..
พวกเด็ก ๆ กำลังหวาดกลัวและเสียขวัญอย่างมาก อีกทั้งแม่ชีก็คงไม่มีกำลังจะต่อสู้หรือขัดขวางกลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้าได้เป็นแน่ การบีบคั้นด้วยระยะเวลา เพราะมันใกล้ถึงกำหนดการที่ผู้บริจาคจะเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไป ไม่แคล้วพวกเราทุกคนคงต้องไปขอทานกันตามท้องถนน ใบหน้าสวยเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กเกาะพราวไปทั่วทั้งใบหน้า เธอพยายามใช้ปัญญาอันน้อยนิดเท่าที่มีหาหนทางรอด
“เฮ้ย..ว่าไง ฉันไม่มีเวลามาต่อรองทั้งวันหรอกนะ”
เสียงทุ้มดังก้องขึ้นอีกครั้ง และมันดังพอที่จะทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยง ด้วยอารามตกใจหญิงสาวจึงรีบตอบตกลงไป
“ดะ ได้สิ แต่..มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? ไอ้ตุ๊กตาน่ะ”
“ฮ่า ๆ ในโบสถ์แท้ ๆ เธอนี่ยังคิดอกุศลนะ”
ร่างสูงชี้นิ้วมาทางหญิงสาวก่อนจะหัวเราะร่วน ไอ้ทีแรกก็ถามออกไปเพราะกังวล แต่เมื่อถูกเขาตอกกลับมาทำเอาหญิงสาวแก้มขึ้นริ้วแดง
“ฉันหมายถึง เราจะไปที่ไหนกัน และนี่มันไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย ฉันไม่ได้ติดหนี้นาย ฉะนั้นฉันก็ควรได้ประโยชน์กับเรื่องนี้ด้วยสิ”
“เธอนี่เข้าใจต่อรองนะ อยากได้อะไรล่ะ ไอ้ผลประโยชน์ที่ว่า”
“ก่อนอื่นนายและพวกของนายทุกคนช่วยออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลยได้มั้ย”
อองรีโคลงศีรษะไปมาเป็นเชิงยอมรับเงื่อนไข ก่อนจะสะบัดหน้าเล็กน้อยให้ทุกคนทำตามคำสั่งของแคลร์ จากนั้นมือหนาก็ผายไปทางประตูเป็นแกมบังคับให้หญิงสาวเดินออกไป
มันเป็นทางเลือกเดียวที่เธอจะสามารถทำได้ในตอนนี้ หญิงสาวกวาดสายตามองไปที่เด็ก ๆ และซิสเตอร์ที่กำลังพยายามร้องห้ามไม่ให้หญิงสาวเอาตัวเข้ามาเสี่ยงกับเรื่องนี้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะซิสเตอร์ เดี๋ยวหนูก็กลับมาแล้ว ทุกคนจะได้เตรียมตัวต่อสักที อีกครึ่งชั่วโมงผู้บริจาคก็จะเดินทางมาถึงแล้ว วันนี้น้อง ๆ หลายคนอาจจะได้ครอบครัวใหม่ ได้ทุนการศึกษา และคุณแม่เองจะได้มีเงินไปหาหมอนะคะ หัวเข่าของคุณแม่หากทิ้งเรื้อรังนานกว่านี้ ไม่ดีแน่ ๆ ค่ะ หนูไปนะคะ”
แคลร์ลดเสียงลงจนเกือบกระซิบ สองมือกร้านยื่นไปกอบกุมสองมือเหี่ยวไว้แน่น
“แต่นี่มันเรื่องของจอร์แดน เรื่องของพวกเรา มันไม่เกี่ยวกับเธอสักนิดแคลร์”
“เกี่ยวสิคะ ก่อนนี้คุณแม่บอกเองนี่คะว่าหนูก็เป็นคนที่นี่ หนูต้องไปแล้วค่ะ”
แคลร์ปล่อยมือของแม่ชีลง ก่อนจะเดินไปทางประตูที่มีชายร่างสูงยืนคอยอยู่ หญิงสาวถอนหายใจแรงพร้อมมองค้อนก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไป
เมื่อก้าวพ้นตัวโบสถ์อองรีก็เดินเข้ามาจับข้อมือเล็กอย่างถือวิสาสะ ปฏิกิริยาของหญิงสาวคือกระชากข้อมือของตัวเองกลับทันที แต่อีกฝ่ายไวกว่ากระชากมือเธอกลับอย่างรวดเร็วจนร่างบางเซถลาเข้าหา
“อย่าพยายามทำให้ฉันหงุดหงิดจะดีกว่า ฉันขอเตือนครั้งแรก และจะไม่เตือนซ้ำ!”
แววตาขึงขังของชายหนุ่มหากเป็นคนอื่น ๆ ก็คงรู้สึกหวั่นกลัว ทว่าแคลร์ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด สำหรับเธอแล้วชีวิตที่ต้องอดตายต่างหากน่ากลัวยิ่งกว่า ฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเธอก็จะไม่ลังเลที่จะทำมันสักนิด หากนั่นมันจะทำให้เธอและคนที่เธอรัก เธอห่วงได้อิ่มท้องและนอนหลับได้อย่างสนิทใจ
“ไปเถอะน่า ไปหาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีกว่า เราเสียเวลามาเยอะแล้ว”
เมื่อสองเท้ามาหยุดอยู่ตรงรถยนต์คันหรู ที่จอดรออยู่ด้านหน้าของโบสถ์ หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมา สองขาเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงที่จะก้าวต่อ
“ขึ้นไปสิ!”
ชายหนุ่มแกล้งแหย่หญิงสาวด้วยท่าทีขึงขัง ด้วยรู้ดีว่าเธอกำลังหวาดกลัว แม้ว่าเธอจะพยายามทำทีเป็นดื้อดึง ไม่ยอมอ่อนด้วยก็ตาม
“รู้แล้วล่ะน่า ยืนอยู่แค่นี้ ทำไมจะต้องตะโกนด้วย”
“ก็เธอมันชักช้า ช้าแบบนี้ทุกเรื่องหรือเปล่า?”
“อย่าน้อยฉันก็หัวไวพอจะรู้ทันความคิดทุเรศของนายก็แล้วกัน”
แคลร์ยกปลายรองเท้าแหลมของตนเองเตะเข้าไปที่หน้าแข้งคนตัวสูง แล้วดันตัวของเขาให้ห่างออก ก่อนจะรีบก้าวเท้าขึ้นรถไป
และนี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มถูกหญิงสาวปฏิบัติหยาบคายใส่ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกดีเหมือนกัน นอกจากเขาจะไม่โกรธแล้ว กลับเผลออมยิ้มออกมา และการกระทำนั่นก็ทำให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พลอยงุนงงสงสัยไปตามกัน
........................
เมื่อมาถึงเซฟเฮาส์ อองรีสั่งให้ลูกน้องเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเอาไว้ให้พร้อม แต่ตัวของหญิงสาวกลับไม่กล้าแตะต้องอาหารพวกนั้น ในสมองก็คิดหาวิธีเอาตัวรอด ตอนนี้เธอเริ่มคิดถึงความตายของตัวเองแล้วว่า อยู่ที่นี่กับได้กลับออกไปโดยไม่มีเงินกลับเข้าบ้าน แบบไหนจะตายได้อนาถกว่ากัน
ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ และไหน ๆ ก็มาแล้วอย่าให้เสียเที่ยว
“ดื่มสิ”
เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมส่งแก้วที่มีน้ำสีสวยให้ หญิงสาวที่มัวแต่ใจลอยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรับแก้วนั้นมาด้วยท่าทีสงสัย
“อะไร?”
“ก็แค่น้ำผลไม้ ไม่มียาพิษหรอกน่า กินได้ไม่ตาย เชื่อเถอะมันจะทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น”
แม้ว่าจะระแวงอยู่บ้าง แต่ไอ้ความรู้สึกหิวกระหายก็เริ่มประท้วงร่างกายของเธอ หญิงสาวจึงยกมันขึ้นดื่มพรวดเดียว
‘น้ำผลไม้จริง ๆ ด้วย’
ทันทีที่แก้ววางลงบนโต๊ะ ชายหนุ่มก็รินน้ำสีสวยลงไปในแก้วใบเดิมอีกครั้ง สีหน้าและท่าทางของเขาดูผ่อนคลายลงมาก ราวกับว่ากำลังรอคอยเรื่องสนุกบางอย่างอยู่
“คุณจะให้ฉันอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน ฉันถึงจะกลับออกไปได้ อันที่จริงแล้วเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันจริง ๆ การที่คุณลากฉันมา คุณก็คงไม่ได้เงินคืนหรอก”
“ฉันก็ไม่ได้อยากลากเธอมา สาบานให้ตายเถอะ เลือกได้ ฉันคงเลือกเงินมากกว่า”
“ใช่..เลือกได้ ฉันก็เลือกเงินเช่นกัน หายมากับคุณแบบนี้ วันนี้ฉันคงไปทำงานพาร์ทไทม์ไม่ได้แล้ว เงินก็ไม่ได้ แถมยังถูกหักค่าแรงอีก ซวยจริง ๆ”
แคลร์เลือกจะโกหกออกไป อย่างน้อยก็เป็นการวัดดวงเผื่อคนตรงหน้าจะยอมปล่อยเธอกลับออกไปเร็วขึ้น หากไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะลองขอค่าเสียเวลาดู พูดจบก็รีบกระดกแก้วขึ้นดื่มอีกที
สายตาล่อกแล่ก มันฟ้องว่าเธอโกหกไม่เนียน
“ก็ใครใช้ให้เธอออกหน้ารับแทน หรือเธอพยายามช่วยให้ไอ้แก่จอร์แดนมันหนีไปหรือเปล่า”
“ปะ เปล่านะ บอกแล้วไง ว่าไม่เห็นคุณจอร์แดนเลย”
มือเรียวเล็กยกแก้วขึ้นดื่มพรวดเป็นครั้งที่สาม หลังจากอองรียกเหยือกขึ้นรินให้
“เธอนี่ น่ารักแฮะ”
ปากหยักยกยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วหน้าหวานที่แดงก่ำไปทั้งดวงหน้า มือข้างหนึ่งก็ยกเหยือกขึ้นรินน้ำให้ ขณะอีกข้างยกขึ้นก่อนจะใช้หลังมือขึ้นซับคราบน้ำที่ริมฝีปากอวบอิ่ม
สมองเหมือนเริ่มสั่งการช้า แต่ถึงกระนั้นคนตัวเล็กก็เบี่ยงหน้าหลบหลังมือของเขา พร้อมทั้งเขยิบตัวหนี
“อืมมม เมื่อกี้เธอถามใช่มั้ย ว่าฉันจะปล่อยเธอกลับไปเมื่อไหร่ ก็คงพรุ่งนี้”
“ห๊ะ พะ พรุ่งนี้เลยเหรอ มะ ไม่ได้หรอก ฉะ ฉัน”
“ฉันจะจ่ายค่าแรงที่เธอถูกหักวันนี้เอง สิบเท่า!”
ไม่ทันที่จะปฏิเสธหรืออธิบายอะไร ชายหนุ่มก็รีบเสนอเรื่องเงินทันที และนั่นทำให้สมองของหญิงสาวทำงานช้าไปอีก ภายในหัวที่เริ่มเคว้งก็คำนวณตัวเลขในหัวไม่หยุด
“สะ สิบเท่าแน่นะ”
“อื้อ สิบเท่า ว่าแต่กว่าจะถึงเช้า มันก็นานอยู่นะ เราจะหาอะไรทำฆ่าเวลาดีล่ะ”
สายตาเจ้าเล่ห์ที่จดจ้อง ทำเอาคนตัวเล็กต้องรีบกระดกแก้วที่สี่ลงคอทันที ก่อนจะเริ่มขยับกระถดตัวหนีอีกครั้ง จนสะโพกของตัวเองไปชนกับพนักแขนของโซฟา
ร่างสูงเขยิบตัวคืบตามมาอย่างไม่ละ ขณะที่สายตาคมยังคงไล้มองไปทั่วร่างงาม จากนั้นเขาก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบพาดวางลงบนไหล่มนของคนตัวเล็ก หญิงสาวพยายามเบิกตาที่เริ่มหนักอึ้ง มือเล็กก็พยายามดันชายหนุ่มด้านข้างให้กระเถิบออกไป
“คุณ จะเขยิบเข้ามาใกล้เกินไปแล้วนะ ถอยออกไปสิ”
ลมร้อนจากปากเล็กที่ปะทะเข้าผิวแก้มสากของอองรี ทำให้เขาต้องหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ
“ฉันจะถอยออกไปแน่ ถ้าเธอจะช่วยฉันคิดว่าเราจะเล่นอะไรกันดี จนกว่าจะเช้า แต่บอกไว้ก่อนนะ ห้ามตุกติกกับฉันเด็ดขาด เพราะคนอย่างฉันกล้าได้ กล้าเสีย แต่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนโกงเด็ดขาด”
“ใครมันจะไปกล้าโกงคุณ จะหนีออกไปได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย ฉันไม่โง่รีบหาเรื่องตายหรอกน่า ว่าแต่แน่ใจนะที่พูด…”
กล้าได้ กล้าเสีย..งั้นเหรอ แม่จะเล่นให้หมดตัวเลยคอยดู…