บทที่ 3 ชีวิตที่เลือกไม่ได้ (3)
บทที่ 3 ชีวิตที่เลือกไม่ได้ (3)
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ เจ้าของใบหน้าคมสัน นัยน์ตาที่เคยสีอ่อนดูเข้มขึ้นเมื่อไม่โดนแสงและมันกร้าวขึ้นจนคนที่เผลอสบตาด้วยต้องรู้สึกสะพรึง แม้ถึงกระนั้นแต่เขาก็ยังดูโดดเด่นท่ามกลางชายฉกรรจ์นับสิบที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
อองรี... เจ้าพ่อเงินกู้ ชายหนุ่มผู้ที่ไม่มีใครอยากพบเจอพอ ๆ กับต้องการความช่วยเหลือจากเขา
และเมื่อดูท่าไม่ดี ซิสเตอร์จึงรีบเดินเข้าไปห้ามเพราะเกรงว่าจะรบกวนเด็ก ๆ
“คุณคะ ช่วยรักษาความสงบด้วยค่ะ ทำแบบนี้พวกเด็ก ๆ อาจจะตกใจกลัวได้นะคะ”
อองรีมองแม่ชีด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วคล้ายจะหาใครบางคนอยู่
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะมาช่วยร้องเพลงกล่อมเด็กหรอกนะ แต่ฉันมาเอาเงินของฉันคืน ช่วยไปตามไอ้คนที่มันยืมเงินฉันไปออกมาเดี๋ยวนี้!”
หลังจากเสียงตวาดกร้าวของอองรีดังขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบลง แม้กระทั่งเด็ก ๆ ที่คิดว่าจะขวัญหนีดีฝ่อกลับไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คนเดียว รวมทั้งแคลร์
หญิงสาวตกตะลึงกับสิ่งตรงหน้าไม่น้อย และก็ไม่เข้าใจว่าโบสถ์แห่งนี้ไปติดเงินผู้ชายคนที่เคยช่วยชีวิตของเธอไว้ได้อย่างไร และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนบุกมาทวงหนี้ถึงในโบสถ์ หญิงสาวค่อยๆ ดันตัวเองไปยืนด้านหน้าพวกเด็ก ๆ พร้อมกางปีกเตรียมปกป้อง
“ตอนนี้คุณจอร์แดนไม่อยู่หรอกค่ะ เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่หลายวันแล้ว”
ซิสเตอร์พูดออกไปอย่างไม่เต็มเสียง
“โกหกแบบนี้ ไม่รู้สึกผิดต่อพระเจ้าเหรอซิสเตอร์ หึ คนของผมรู้มาว่าไอ้หมอนั่นมาที่นี่เมื่อชั่วโมงก่อน แน่ใจนะครับว่าไม่เห็นมันจริง ๆ ”
นั่นก็เป็นเพราะวันนี้จะมีผู้บริจาครายใหญ่ เดินทางมาที่โบสถ์แห่งนี้ จอร์แดนซึ่งเป็นคนดูแลจึงมักจะมาที่นี่เพื่อสร้างภาพและทำให้ใครต่อใครมองว่าเขาเป็นนักบุญ แต่เบื้องหลังก็คือการที่เขาเอาเด็ก ๆ มาบังหน้าเพื่อหากินก็เท่านั้นเอง
“ก็บอกว่าไม่อยู่ยังไงล่ะ ที่นี่มีแต่แม่ชี ผู้หญิงและเด็ก ถ้าคุณไม่ละอายต่อพระผู้เป็นเจ้า ก็ควรคิดสักนิดนะว่าการที่ยกโขยงกันมาข่มขู่ทุกคนที่นี่ มันใช่เรื่องที่สุภาพบุรุษควรกระทำอย่างนั้นหรือ”
เมื่อเห็นว่าซิสเตอร์กำลังถูกชายร่างโตข่มขู่ แคลร์จึงโพล่งออกไป
ทั้งน้ำเสียงและวิธีการพูด...ทำให้ชายร่างโตรีบหันขวับมามองทันที ดวงตาคมหรี่มองเล็กน้อยก่อนที่มันจะเริ่มแวววาว ก่อนที่เขาจะผละจากแม่ชีแล้วเดินตรงมายังหญิงสาวทันที
“ไม่อยากจะเชื่อ วันนี้ฉันจะเจอกับเธอถึงสองรอบ พรหมลิขิตสินะ เอ๊ะ หรือเธออยากจะเจอฉันมาก ก็เลยมาดักรอฉันที่นี่”
“สาบานเถอะ ถ้าฉันรู้ว่าจะมาเจอคุณที่นี่ ฉันน่าจะตีหัวคุณตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“ดุซะด้วย เอาเถอะ งั้นเธอช่วยไปตามไอ้แก่จอร์แดนให้หน่อย บอกมันไปว่า อองรีมาหา”
เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินชื่อของชายหนุ่มคนนี้ อันที่จริงเป็นครั้งแรกต่างหากที่เธอได้ยินคนชื่อนี้ในเมืองแห่งนี้ แคลร์ถอนหายใจอย่างเอือมระอาก่อนจะเริ่มพูดออกไป
“จอร์แดนไม่ได้เข้ามาที่นี่จริง ๆ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อแม่ชี พวกเราจะไปโกหกคุณทำไมกัน คุณมาทวงหนี้ให้ใคร”
อองรีเลิกคิ้วสูงพร้อมกับทำหน้าตายียวนใส่
“ทวงหนี้เหรอ เธอจะสนใจไปทำไมว่าฉันจะมาทวงหนี้ให้ใคร ในเมื่อเป็นหนี้ก็ต้องจ่ายอยู่ดี ไม่ว่าหนี้นั้นจะเป็นของใครก็ตาม”
“พวกคุณเป็นแก๊ง ที่คอยตามทวงเงินให้เจ้าของเงินอย่างนั้นใช่มั้ย?”
ท่าทางของแคลร์แสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจชายหนุ่มตรงหน้า และถึงแม้ว่าจะโดนสายตาแบบนั้นจากหญิงสาวถึงกระนั้นอองรีก็ยังพยักหน้ายอมรับ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทั้งหมดซะทีเดียว
“รังเกียจเหรอ ฉันมันน่าดูถูกมากสินะ หรือว่าเพราะอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ เธอจึงกล้าใช้สายตาแบบนั้นดูแคลนคนอื่น คนที่น่ารังเกียจกว่า คือคนที่เอาของคนอื่นไปแล้วไม่คืนหรือเปล่า ฮึ!”
เมื่อเห็นสายตาหวาดระแวงของแคลร์ อองรีก็รู้สึกขำขัน ชายหนุ่มจึงตีหน้าขึงขังแล้วเดินลากเท้าวนไปรอบ ๆ กลุ่มของเด็ก ๆ
“วันนี้ตลกดี ได้เจอเธอถึงสองครั้ง และทุกครั้งเธอก็ทำหน้ายักษ์ใส่ฉันได้ตลอดเลยแฮะ”
“ก็ฉันไม่ได้รู้สึกดีใจที่ได้เจอนาย ฉันจะทำหน้าระรื่นไปทำไมกัน”
“โอเค งั้นเธอคงจะหน้าระรื่นออกถ้าฉันไปจากที่นี่ได้เร็ว ๆ ไหนลองบอกมาซิ ว่าฉันจะเอาเงินของฉันคืนได้ยังไง”
“คุณก็แค่ไปทวงกับจอร์แดน เอ่อ..ที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่”
“แล้วมันที่ไหนล่ะถ้าไม่ใช่ที่นี่ ไหนลองบอกมา ว่าเธอจะลากไอ้หน้าตัวเมียนั่นออกมาเจอฉันได้ยังไง หรือจะมีวิธีไหนที่ทำให้ฉันได้ไปจากที่นี่เร็ว ๆ”
อองรีเริ่มถามเสียงดังลั่นอีกครั้ง ด้วยตัวเขาเองก็เริ่มหงุดหงิดที่จะต้องมาเสียเวลา และนั่นทำให้เด็ก ๆ เริ่มกลัวอีกครั้ง แคลร์แหงนหน้ามองนาฬิกาขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ภายในโบสถ์ ก่อนจะกวาดสายตาไปยังกลุ่มคนทั้งสองฝ่าย
หากเหตุการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้เรื่อย ๆ ย่อมไม่เป็นผลดีแน่ เพราะอีกไม่นานผู้บริจาคก็คงจะเดินทางมาถึง และถ้าหากพวกเขารับรู้ถึงปัญหาภายในของโบสถ์ บางทีพวกเขาอาจจะเปลี่ยนใจไม่บริจาคและนั่นจะทำให้ทุกชีวิตที่นี่เดือดร้อนแน่
“นายจะเอายังไงก็พูดมาเลย ที่นี่มีแค่ผู้หญิงกับเด็กเท่านั้น”
“ในเมื่อจอร์แดนมันไม่ยอมโผล่หัวออกมา ก็คงต้องมีใครสักคนไปเป็นหลักประกันแทนมัน เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าวันนี้เธอยอมไปเป็นตุ๊กตาให้ฉันหนึ่งวันฉันจะยอมออกไปจากที่นี่แต่โดยดี”
“ตุ๊กตา...หมายความว่าไง?”