บทที่ 3 เจรจา
บทที่ 3 เจรจา
กระสุนที่เขายิงออกไปเมื่อคืนมันเป็นการข่มขู่ให้เธอหยุดวิ่ง แต่ใครจะไปคิดว่าแม่คุณหนูจะถึงขั้นเป็นลมล้มพับเพราะความกลัว อเล็กซ์แอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ถ้านับผู้หญิงที่เขาชื่นชอบจริง ๆ ก็คงจะมีเพียงแค่น้องสาว เพราะแองเจล่าถึงจะตัวเล็กและเป็นน้องเล็กของบ้านแต่หัวจิตหัวใจกลับห้าวหาญไม่ต่างจากผู้ชาย เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่เขาจำเป็นจะต้องแต่งงานด้วย มันเหมือนกับว่าตนเองกำลังจับฉลากได้ของที่ไม่มีค่ามากพอ
เขากำลังตั้งใจฟังสิ่งที่หญิงสาวกำลังจะพูดต่อ ก่อนจะเปลี่ยนใจหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ไปเอาตัวเธอออกมา”
ไม่นานนักเบลล่าก็ถูกพาตัวออกมาจากห้องขัง เมื่อออกมาพบกับแสงแดดและสายลมพัดแรงเพราะอยู่บนชั้นที่สูงมากจากระดับพื้นดิน
เบลล่าซึ่งเป็นคนที่กลัวความสูงอยู่แล้ว จึงรู้สึกคล้ายกับจะเป็นลม
เธอเป็นพวกตื่นกลัวง่าย นั่นเป็นเพราะตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็ก เธอมักจะต้องทนดูบิดาทำร้ายร่างกายของมารดาเป็นประจำ ฟลอเรนซ์หากเทียบแล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากโจนาธานเท่าไหร่นัก เพราะไม่อย่างนั้นทั้งคู่คงจะไม่สามารถทำการค้ากันได้อย่างยาวนาน
“ไหนลองพูดข้อเสนอของเธอมา ถ้ามันไม่น่าสนใจละก็ ทุกคนในเขตก็จะได้เห็นหน้าเธอแค่วันแต่งงาน หลังจากนั้นฉันอาจจะส่งเธอไปอยู่ที่ท่าเรือในฐานะคนงานคนหนึ่ง”
ในใจของหญิงสาวตื่นเต้นจนแทบอยากจะตะโกนออกมาด้วยซ้ำ ไม่ว่าที่ไหน หรือจะต้องลำบากสักเท่าไหร่เธอก็ไม่สน ถ้าหากมันสามารถทำให้เธอไม่ต้องอยู่ที่นี่ทนเห็นหน้าผู้ชายคนนี้
จะต้องคิดหาทางทำให้เขาอยากขับไสไล่ส่งออกไป
“ฉันว่าคนที่เพิ่งขึ้นมาเป็นผู้นำเขตปกครองอย่างคุณ คงจะยังไม่เข้าใจกฎระเบียบทุกข้อ อันที่จริงการแต่งงานไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นก็ได้ ขอเพียงมีการสนับสนุนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างต่อเนื่อง”
“สมกับเป็นลูกสาวประธานสภา แต่เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า…ว่าพวกเรามีธรรมเนียมปฏิบัติที่เลี่ยงไม่ได้ และถ้าการแต่งงาน..มันไม่ใช่เรื่องจำเป็น มีหรือที่ฉันจะเสียเวลาไปวิ่งไล่จับผู้หญิงไม่เอาไหนแบบเธอกลับมา!!”
เบลล่าไม่พอใจนักที่หลายต่อหลายครั้งถูกเขาตำหนิและดูถูก ผู้ชายที่เหยียบหัวพ่อของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้ได้นั่งตำแหน่งสูงสุด ผู้ชายอย่างเขาเองก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เป็นสามีเธอเช่นเดียวกัน
“เรื่องธรรมเนียมปฏิบัติอย่าบอกนะว่าคนหัวสมัยใหม่อย่างคุณก็ถือมันด้วย เอาแบบนี้ไหมไหน ๆ ก็กล้าฆ่าคนขับรถของฉันต่อหน้าต่อตา แถมเมื่อคืนคุณก็ยังจะฆ่าฉันอีก”
“แค่ขู่” อเล็กซ์ค้านขึ้นมา
“ขู่งั้นเหรอ!! หึ ช่างเถอะ เข้าเรื่องเลยละกัน ฉันจะยอมตกลงแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ในระหว่างนั้นคุณจะต้องปล่อยให้ฉันมีอิสระ ให้ฉันได้ไปไหนมาไหนเอง และต้องไม่มีคนติดตาม”
“หึ..เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ ?” อเล็กซ์ยกยิ้มมุมปาก
“ฉันรู้ว่าคุณไม่โง่ แต่ฉันเป็นถึงลูกสาวของประธานสภาสูง ทุกเขตการปกครองล้วนให้เกียรติพ่อฉัน แล้วคุณจะทำกับฉันเหมือนพวกผู้หญิงอื่น หรือทาส มันจะเหมาะเหรอ ?”
“รู้มั้ย..ว่าพ่อของเธอฝากฝังอะไรมาถึงเธอ”
เบลล่าเงียบไปไม่ยอมตอบ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ หรือถ้าจะดีก็คงแค่ส่วนเดียว ส่วนที่เหลือเดาได้ว่าคงไม่พ้นเรื่องที่เธอหนีออกจากบ้านเมื่อคืน
“อยากรู้สินะ!!”
“ฉันไม่อยากรู้ต่างหากล่ะ พ่อของฉันจะพูดอะไรได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ คุณจะพูดอะไรกับพ่อมันก็เรื่องของคุณเถอะ เพราะฉันไม่สน” เบลล่าพูดจบทำทีเบือนสายตาข้ามเขาไป
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงขึ้นข้างหนึ่ง ครั้งนี้เรือนกายกำยำที่นอนอยู่บนเก้าอี้อาบแดดค่อย ๆ ชันกายท่อนบนขึ้น เขาใช้มืออีกข้างดึงแว่นกันแดดที่สวมอยู่ออก เมื่อสาบเสื้อคลุมเลื่อนหลุดลงจากลำตัว เผยให้เห็นแผงอกกว้างที่แน่นด้วยมัดกล้ามเนื้อ ร่องหน้าท้องซึ่งแน่นด้วยกล้ามที่ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก พานให้เบลล่าใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อมองไปที่เรือนกายของชายหนุ่ม
“เรื่องผลประโยชน์ ฉันกับพ่อของเธอคุยกันจบไปแล้ว แต่คนอย่างฉันถ้าจะทำอะไรมันก็ต้องได้มากกว่าเสียอยู่วันยังค่ำ ไหนลองพูดข้อเสนอของเธอดู ถ้ากำไรมันมากพอฉันก็พร้อมจะต่อรอง!!”
“ฉันเสนอให้คุณมีภรรยาเพิ่มได้ จะกี่คนฉันก็ไม่สน ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณหรือระรานผู้หญิงของคุณแม้แต่นิดเดียว ตกลงมั้ย ?”
อเล็กซ์หัวเราะลั่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกขบขัน เขาลุกขึ้นมานั่งหย่อนปลายเท้าลง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเขาเป็นประกายเมื่อต้องแสงแดด เขาใช้ดวงตาสีอำพันทอดมองลงมายังรูปร่างเล็กบอบบางของหญิงสาว แค่ได้เห็นรูปร่างกำยำสมส่วนตามแบบฉบับผู้ชายในระยะประชิด เบลล่าก็หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหยุดไม่อยู่
“รู้มั้ยว่าเพราะอะไร..ถึงต้องมีการแต่งงานกันระหว่างองค์กรที่มีลูกสาวกับลูกชาย และรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร โจนาธานถึงคิดส่งลูกสาวไปไกลถึงเขตรอบนอก นั่นก็เพราะการมีทายาทเพียงหนึ่งเดียว…คือเครื่องยืนยันความสมานฉันท์ ได้ยินแบบนี้แล้ว เข้าใจหรือยังว่าฉันไม่สามารถมีลูกกับผู้หญิงอื่นได้นอกจากกับเธอ แล้วแบบนี้จะมีประโยชน์อะไรที่ฉันจะต้องมีเมียเพิ่ม!!”
“ถ้าอย่างนั้น…คุณก็รับลูกมาเลี้ยงก็ได้นี่ เราไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนั้นก็ได้ คุณก็มีภรรยาเพิ่มและหาเด็กสักคนสองคนมาเลี้ยง ง่ายดีออก”
ประโยคนั้นมันทำให้อเล็กซ์ถึงกับหัวเสียขึ้นมาทันที เขาใช้มือกว้างข้างขวาดึงกระชากแขนเสื้อของหญิงสาวเข้าหาตัวอย่างแรง จนกระทั่งมันฉีกขาดออกจากกัน เบลล่าไม่เคยถูกใครหยาบคายใส่เช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกตกใจและกรีดร้องใส่หน้า
ว้ายยย!!
“นี่คุณ!!…. คุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย!!”
“อย่ามาชี้ให้ความผิดกลายเป็นเรื่องถูก เธอไม่รู้อะไรก็อย่าพูดจะดีกว่า ถ้าหากไม่ต้องการจะอยู่ในฐานะเมียฉันก็ยินดี เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากได้ผู้หญิงเหลือขอเหลือเดนจากพี่ชายไม่เอาไหนของฉันเหมือนกัน แต่หลังจากนี้ไปเธอจะอยู่ในสภาพแบบไหนอันนั้นมันก็อีกเรื่อง”
อเล็กซ์กดหน้าต่ำ ขบกรามแน่นจ้องไปในนัยน์ตาสีวอลนัทที่กำลังตื่นกลัว
“ปละ..ปล่อยแขนฉันได้หรือยัง” เบลล่าพยายามดึงแขนตัวเองกลับ แต่มันไม่มีทีท่าจะขยับกลับมาแม้แต่น้อย
“อ้อ ขอโทษที คงจะตกใจมากสินะคุณหนู แต่ก็ดีแล้ว หัดเรียนรู้การอยู่คนเดียว การเอาตัวรอดกับโลกภายนอกบ้าง จะได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ นักหรอก อีกอย่างฉันขอเตือน!! อย่าคิดทำอะไรลับหลังฉันเด็ดขาด เพราะฉันเกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงปลิ้นปล้อน หลอกลวง เห็นแก่ตัวจนน่ารังเกียจ!!”
เขาไม่ได้หมายถึงใคร แต่เขาไม่ต้องการให้ใครมาโกหกเขา คำโกหกหลอกลวงทั้งหลายมันสร้างบาดแผลให้เขาเจ็บปวดมาเนิ่นนาน
อย่างน้อยที่สุดเรื่องของรสรินทร์ก็ยังคงเป็นตราบาปในใจ แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เธอจะขอกอดเขาในฐานะแม่ ทั้งที่ความอบอุ่นนั้นมันยังคงทำให้อเล็กซ์อยากจะกอดรสรินทร์เอาไว้นาน ๆ แต่เพราะความเจ็บปวดที่เขาได้รับมันมีมากเกินกว่าจะให้อภัย ในที่สุดรสรินทร์จึงต้องจากไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน
อเล็กซ์สะบัดข้อมือเล็กให้ห่างจากตน จนเบลล่าเซถลาไปด้านข้าง เขาเดินออกมาจากจุดนั้นเพื่อไม่ต้องการที่จะกลั้นโทสะของตัวเองไว้
เบลล่าไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขานอกเหนือไปจากผู้หญิงที่เป็นพันธสัญญา
อันที่จริงชีวิตของเขามันออกจะดูเรียบง่าย ถ้าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ของคนโลภทั้งหลายเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ในเมื่อสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเลือก มันก็คงไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก และในเมื่อเปลี่ยนอะไรไม่ได้ เขาก็จะทำให้ตัวเองเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด