บทที่ 5 แผนของเสือร้าย 1
สองสัปดาห์มานี้ปรางค์รวีคลายความอึดอัดลงมาก เมื่อเขาไม่เคยล่วงเกินเธอเกินกว่าการจับมือถือแขน วิตโตริโอให้เกียรติอย่างที่หญิงสาวคาดไม่ถึง ทำให้เธอกล้าพูดคุยหยอกล้อกับเขามากขึ้น หากแต่ปรางค์รวียังคงระวังตัวกลัวจะเผลอไผลไปกับสัมผัสรัญจวนเช่นครั้งนั้น ทว่าเธอลืมระวังหัวใจไม่ให้หลวมตัวรักเขา
และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หัวใจของเธอก็กำลังจะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์อันเหลือล้นของเขา ที่มาพร้อมกับความเอาใจสารพัด พูดจาอ่อนหวานระคนนุ่มหู พาไปทานอาหารกลางวัน ไปรับไปส่งทุกเช้าและเย็น เขาทำหน้าที่มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ความรู้สึกดีเริ่มก่อเกิดในจิตใจ ดอกรักค่อยๆ เบ่งบานในหัวใจที่ไม่เคยสัมผัสคำว่าความรัก แต่ถึงกระนั้นปรางค์รวีก็ยังไม่เปิดใจรับเขาเต็มที่ เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่ปักใจรักหญิงสาวธรรมดาเช่นเธอ เพราะในสังคมของเขามีสตรีที่เทียบเทียมกับเขามากเหลือเกิน
“ปรางค์ วันนี้เพื่อนฉันเปิดผับใหม่เป็นวันแรก ฉันกะว่าจะไปเปิดงานให้เสียหน่อย ปรางค์ไปกับฉันนะ” เขาเอ่ยชวน ปรางค์รวีมีท่าทางลังเล เพราะเธอไม่เคยเที่ยวยามราตรีมาก่อน อีกข้อหนึ่งมารดาของปรางค์รวีป่วยกระเซาะกระแซะมาหลายวันแล้ว หากเธอไปก็จะไม่มีคนดูแลมารดา
“ปรางค์คงไปกับคุณเสือไม่ได้หรอกค่ะ พอดีแม่ปรางค์ไม่ค่อยสบาย”
เธอให้เหตุผลแล้วหวังว่าชายหนุ่มจะเข้าใจ สีหน้าของวิตโตริโอหมองลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ทำให้คนที่มองเห็นอดรู้สึกผิดไม่ได้ แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“แย่จังที่ปรางค์ไม่ไป ฉันอุตส่าห์บอกเพื่อนๆ ไว้ว่าจะพาแฟนไปแนะนำให้รู้จัก งานนี้ฉันต้องโดนเพื่อนต่อว่าแน่เลย แต่ไม่เป็นไรหรอกฉันทนได้ ก็แม่ปรางค์ไม่สบายนี่ ต้องสำคัญกว่าฉันอยู่แล้ว”
วิตโตริโอแสร้งพูดเสียงเศร้า หวังให้ปรางค์รวีหลงกล คนที่ได้รับฟังหัวใจพองโตเมื่อได้ยินเขาบอกว่าจะพาเธอไปในฐานะของคนรัก เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดตรงๆ เช่นนี้ พูดบ่อยครั้งว่าเธอคือคนสำคัญคนหนึ่ง แต่ไม่พูดเต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนรัก และด้วยถ้อยคำที่เธอรอคอยนี่เอง ทำให้ความตั้งใจของตนเปลี่ยนไป
“คุณเสือจะพาปรางค์ไปในฐานะแฟนจริงๆ หรือคะ” เธอเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ เขายิ้มเมื่อเห็นเหยื่อหลงกลเข้าแล้ว
“จริงสิตลอดสองอาทิตย์ ฉันไม่เคยล่วงเกินปรางค์เลย นอกจากจับมือ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้เสร็จฉันไปนานแล้ว แต่ปรางค์เป็นผู้หญิงที่พิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น ฉันถึงไม่ทำกับปรางค์เหมือนผู้หญิงพวกนั้นไง ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ฉันรักปรางค์ ได้ยินไหมว่าฉันรักปรางค์”
ปรางค์รวีอายม้วนกับคำพูดพกลมของวิตโตริโอ
“ถ้าปรางค์ไปผับของเพื่อนคุณเสือ จะกลับดึกหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก ฉันกะว่าจะอยู่ถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น ก็จะกลับ”
ปรางค์รวีทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบรับคำชวนของเขา โดยไม่รู้ว่าเธอกำลังตกเป็นเหยื่อของเสือร้ายตนนี้
“ก็ได้ค่ะ ปรางค์ไปกับคุณเสือก็ได้ เดี๋ยวปรางค์จะไปบอกให้เกี๊ยะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของปรางค์ค่ะ”
“ฉันดีใจที่สุดเลยที่ปรางค์ไปกับฉัน คราวนี้เพื่อนของฉันจะได้เห็นแฟนของฉันเสียทีว่าสวยมากแค่ไหน” หญิงสาวเขินอายกับคำพูดของเขายิ่งนัก รู้สึกตื้นตันใจ เอิบอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ความรักที่ไกลเกินมือเอื้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้ารอให้เธอไขว่คว้ามาครอบครอง
เสือร้ายซ่อนรอยยิ้มไว้เมื่อเห็นทีท่าเคลิ้มฝันของหญิงสาว อย่างเขานะหรือจะคว้าผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเหมาะสมกับตนมาเป็นคนรัก ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน อย่างมากปรางค์รวีก็เป็นได้แค่เพียงอาหารจานหนึ่งที่กินแก้ขัด รอให้เขาเจออาหารเลิศรสเสียก่อน เขาจะสลัดเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี
...............
วิตโตริโอและปรางค์รวีมาถึงผับชื่อดังย่านสุขุมวิท ในเวลาเกือบสามทุ่ม เนื่องจากเขาต้องเดินทางไปทานอาหารกับลูกค้าตามที่นัดหมายไว้แล้วจึงมาที่ผับแห่งนี้ ทั้งสองเดินเข้ามาภายในผับตรงไปยังโต๊ะที่เพื่อนของวิตโตริโอสามคนนั่งรออยู่ก่อนหน้า
“ว่าไงวะไอ้เสือไม่เจอตั้งนานหายเงียบไปเลยนะ”
ธีรยุทธ์เจ้าของผับทักทายเพื่อนสนิทอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะปรายตาไปมองหญิงสาวที่นั่งเคียงข้างเพื่อนสนิท
“พอดีงานยุ่งนิดหน่อย”
“ว่าแต่ใครวะที่นายพามาด้วย” คำถามนี้ธีรยุทธ์เอ่ยถามข้างๆ หูของวิตโตริโอ เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่อยู่ข้างกายเพื่อนรักได้ยิน
“ก็รู้อยู่ยังจะมาถามอีก” วิตโตริโอตอบพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ธีรยุทธ์ยิ้มกับคำตอบของเพื่อน มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงหน้าตาใสซื่อคนนี้เป็นอาหารหวานของวิตโตริโอเหมือนกับหญิงสาวที่ผ่านมา
หลังจากที่มากันครบองค์ประชุม การสังสรรค์ระหว่างเพื่อนสนิทก็เกิดขึ้นทันที วิตโตริโอกับผองเพื่อนนั่งดื่มนั่งสนทนากันอย่างออกรส ราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน และบางครั้งการพูดคุยบางช่วงพวกเขาก็สนทนากันเป็นภาษาอิตาเลี่ยน ราวกับว่าไม่ต้องการให้ปรางค์รวีรับรู้เรื่องที่คุยกัน
สตรีหนึ่งเดียวในโต๊ะได้แต่นั่งมองเพื่อนสนิทของวิตโตริโอไปมาทีละคน โดยที่เธอไม่ได้พูดอะไรกับใครเลยสักคำ ไม่มีการแนะนำตัวว่าเธอเป็นคนรักอย่างที่เขาบอก นอกจากดื่มน้ำส้มที่เขาสั่งให้เธอดื่ม ฟังเสียงเพลงที่บรรเลงเคล้าคลอเท่านั้น บางครั้งเพื่อนของเขาหันมามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ดูเหมือนเยาะเย้ย ถากถางดูแคลน หยาบโลน
“คุณเสือคะปรางค์ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ปรางค์รวีตัดสินใจพูด หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากที่นั่งเป็นอาหารตาของเพื่อนของเขา โดยที่วิตโตริโอไม่มีทีท่าว่าจะปกป้องเลยแม้แต่นิดเดียว
“อืมไปสิ” เขาหันมาพูดกับเธอ ก่อนจะสนทนากับเพื่อนต่อไป
“วิโตรู้สึกว่านายจะกินอาหารจานนี้เกินกว่าจานอื่นๆ นะ”
บุรินทร์ผู้ชายที่มีนิสัยเจ้าชู้ เอ่ยถามวิตโตริโอทันทีที่ร่างของปรางค์รวีเดินออกไปจากโต๊ะ
“ใครว่ากินนาน ฉันยังไม่ได้กินต่างหาก” เขาตอบเพื่อนสนิท สีหน้าของบรรดาเพื่อนๆ ที่อยู่ร่วมโต๊ะ ไม่เชื่อคำพูดของเขา ไม่คาดคิดว่าเพลย์บอยแห่งยุคจะปล่อยให้อาหารหวานลอยนวลได้นานขนาดนี้
“เป็นไปได้ยังไงวะอย่างนายเนี่ยเหรอยังไม่ได้กินอาหารหวานจานนี้ ฉันนึกว่าเสร็จนายไปนานแล้วเสียอีก” ธีรยุทธ์พูดเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อ เนื่องจากผู้หญิงที่อยู่ใกล้วิตโตริโอ ไม่เกินหนึ่งวันผู้หญิงคนนั้นต้องกรายมาเป็นอาหารหวานของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ทุกราย
“อาหารจานนี้ฉันอยากจะพิถีพิถันในการกินมากกว่าจานอื่นๆ ค่อยๆ กินทีละนิดๆ มันถึงจะอร่อยและเร้าใจ บุ่มบ่ามกินอย่างตะกละตะกลามมันจะไปอร่อยอะไร กินไม่กี่ครั้งก็เบื่อพวกนายว่าจริงไหม” น้ำเสียงและสีหน้าของผู้พูดเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คืนนี้เป็นคืนที่เขาตั้งใจจะลิ้มลองอาหารหวานที่เก็บกักไว้มานานสองสัปดาห์ เขาไม่ชอบหักหาญน้ำใจผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ มันไม่เร้าอารมณ์เท่ากับหญิงสาวที่สมยอม วิตโตริโอจึงใช้เสน่ห์ที่มีหว่านล้อมปรางค์รวีทีละนิด ให้เธอหลงมาติดกับและรัก จนไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เขาร้องขอได้
“เหมือนเดิมได้หรือเปล่าคนนี้น่ะ นายเบื่อเมื่อไหร่ฉันขอเซ้งต่อนะ ฉันก็อยากจะเร้าใจเหมือนนาย”
บุรินทร์รู้สึกพอใจในตัวปรางค์รวี เธอสวยใสและดูซื่อไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผ่านๆ มาของตน ที่กร้านโลกจนบางครั้งบุรินทร์รู้สึกเอียน
วิตโตริโอหันขวับมามองผู้พูด สายตาของเขาจ้องมองเพื่อนเขม็ง คำพูดนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุรินทร์พูด ทุกครั้งที่เขาเบื่อคู่ควง หญิงสาวคนนั้นจะตกเป็นอาหารหวานของเพื่อนเขาคืนสองคืน ก่อนจะปล่อยทิ้งไปอย่างไม่เห็นคุณค่า แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน คำพูดของเพื่อนมันดูเสียดแทงหัวใจของเขายิ่งนัก รู้สึกไม่พอใจหากปรางค์รวีจะไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น
“ถ้าเบื่อนะแต่ว่าคงเบื่อยากนายรอไหวหรือเปล่าล่ะ สักสิบปียี่สิบปี” เขาพูดเสียงเรียบ หากแววตานั้นไม่ได้เรียบดั่งคำพูดเลยแม้แต่นิดเดียว แววตาที่เพื่อนรักเห็นบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ใครห้ามแตะ
“ไม่ให้ก็บอกมาสิไม่ต้องมาโยกโย้หรอก คนนี้มีหวงด้วยเว้ย”
บุรินทร์พูดติดตลกเพื่อให้บรรยากาศคลายความตึงเครียด การสนทนายุติลงเมื่อร่างของปรางค์รวีเดินมาถึงโต๊ะ
“คุณเสือคะกลับกันเถอะคะ นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว”
“ฉันลืมไปเลยว่าบอกปรางค์ว่าจะกลับไม่เกินเที่ยงคืน เรากลับกันเลยนะ” วิตโตริโอพูดเสียงคล้ายตกใจ “ฉันกลับก่อนนะเพื่อนโอกาสหน้าเจอกันใหม่”
วิตโตริโอบอกลาเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะ ลำแขนหนาของเขาโอบเอวบางอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ราวจะประกาศกลายๆ ให้ผองเพื่อนรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“ปรางค์ฉันมีเรื่องจะเซอร์ไพร์ส” วิตโตริโอเอ่ยบอกปรางค์รวีหลังจากที่เดินออกมาจากผับ
“อะไรคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้แต่ปรางค์ต้องหลับตาก่อนนะ”
ไม่พูดเปล่าวิตโตริโอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ที่อยู่ในกระเป๋า มาปิดทับดวงตาทั้งสองข้างของเธอ ผูกปลายผ้าไว้ด้านหลังศีรษะ ก่อนที่เขาจะกุมมือนุ่มไว้แน่น แล้วพาเธอเดินไปยังรถของตน
“ทำไมต้องปิดตาด้วยค่ะคุณเสือ”
“ก็บอกแล้วไงว่าเซอร์ไพร์ส” เขาตอบขณะที่ประคองเธอนั่งบนเบาะรถ “ผมจะพาปรางค์ไปที่ที่หนึ่งก่อนนะ แล้วถึงจะพากลับบ้าน”
“ไปไหนคะ ไปนานรึเปล่า ปรางค์เป็นห่วงแม่”
“ไม่นานหรอกครับ” วิตโตริโอพูดจบ เขาก็นำพารถยนต์ออกจากจุดที่จอด มุ่งตรงไปยังสถานที่หนึ่งที่จัดเตรียมไว้ให้เธอโดยเฉพาะ
ปรางค์รวีไม่อาจมองเห็นสายตาของเขาในตอนนี้ได้ หากเธอมองเห็นหญิงสาวจะรู้ว่าทุกสิ่งอย่างที่เขาทำลงไปทั้งหมด ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพียงการสร้างภาพฉากใหญ่ของเขาเท่านั้น