บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ผมขออยู่ด้วยคน 1

บทที่ 4

ผมขออยู่ด้วยคน

เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว มัสลินก็จัดการค้นหาเสื้อผ้าที่เธอพอจะใส่ได้จากในตู้ แล้วก็ได้เสื้อผ้าที่เธอถูกใจมาได้ชุดหนึ่ง เป็นชุดเสื้อสีขาว คอบัว กระโปรงสีฟ้าถึงเข่าดูสดใส

หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองตัวเองในเงาสะท้อนของกระจกอย่างพึงพอใจพลางคว้าหวีที่วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมาหวีผมยาวสลวยของตัวเองเบาๆจนเรียบแล้วรวบมัดเป็นพวงหางม้าไว้ที่กลางศีรษะ หยิบกระป๋องแป้งที่วางอยู่มาทาที่หน้า ลำคอและท่อนแขนจน ผุดผ่องหอมละมุนไปทั้งเนื้อทั้งตัว

หน้าตาไร้เครื่องสำอางดูจะสดใสเหมือนเด็กสาวๆวัยสิบแปดปีไม่มีผิด เธอมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะวางกระป๋องแป้งลงที่เดิม แล้วเดินตรงไปที่ประตูเตรียมจะเปิดออก แต่ยังไม่ทันจะได้จับลูกบิด ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อนด้วยฝีมือของหญิงวัยกลางคนที่ผมเริ่มมีสีดอกเลาแซมไปทั่วทั้งศีรษะ

ใบหน้าที่มีร่องรอยของความใจดี ทำให้มัสลินเริ่มจะผ่อนคลาย เสียงจากส่วนลึกบอกเธอว่า…สตรีคนนี้ไม่ใช่บุคคลอันตรายที่เธอควรจะกลัว หญิงสาวจึงแย้มยิ้มหยิบยื่นไมตรีไปให้ และเธอก็ไม่ผิดหวังเลยสักนิดเมื่อสตรีชาวยุโรปคนนั้นส่งยิ้มกลับมาให้เธอ

“อาบน้ำเสร็จแล้วหรือคะ”

“เสร็จแล้วค่ะ” เธอตอบพร้อมก้มลงมองตัวเอง “หนูใส่ชุดนี้แล้วดูเป็นยังไงบ้างคะ”

“น่ารักมากค่ะ คุณดูสดใสเมื่อได้สวมชุดนี้ เหมือนเด็กสาวอายุไม่ถึงสิบแปด” สำเนียงภาษาไทยแปร่งๆดังออกมาจากปากของมาเรีย

“หนูอายุยี่สิบสองปีแล้วล่ะค่ะ”

“หน้าคุณยังดูเด็กอยู่เลยนะ” มาเรียชมจากใจจริง ในขณะที่เธอยิ้มรับคำชม

“ขอบคุณค่ะ หนูชื่อมัสลิน แล้วคุณ….”

“ฉันชื่อมาเรียค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักผู้หญิงน่ารักแบบคุณ” มือขาวซีดถูกยื่นมาเบื้องหน้าเธอ ในขณะที่หญิงสาวยื่นมือไปสัมผัสด้วยอย่างเต็มใจ

การที่เธอผูกมิตรไว้แบบนี้ ย่อมเกิดผลดีแก่ตัวเธอเอง…มัสลินคิดเช่นนี้

“ฉันเป็นคนเปลี่ยนชุดให้คุณเมื่อคืนนี้ค่ะ” คำบอกเล่าของมาเรีย ทำให้มัสลินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“อ๋อ ขอบคุณนะคะ” เธอยกมือไหว้ตามแบบฉบับคนเอเชีย ปากจิ้มลิ้มเปิดออกกว้างอย่างน่ารักจนมาเรียอดที่จะนึกเอ็นดูไม่ได้

“คนที่คุณควรจะขอบคุณน่าจะเป็นคุณราชิตมากกว่านะคะ เพราะท่านเป็นคนไปช่วยคุณมาจากไอ้สองตัวนั่น” น้ำเสียงส่อถึงความเกลียดชังยามที่พูดถึง‘ไอ้สองตัว’นั่น ทำให้หญิงสาวต้องขมวดคิ้ว

“คุณรู้??”

“รู้ค่ะ รู้ว่าคุณโดนคนชั่วทำร้าย คุณไปทานอาหารเถอะค่ะ ทุกคนรอคุณอยู่นานแล้ว”

“ทุกคน?” คราวนี้สีหน้าของมัสลินดูจะฉงนหนักมากขึ้น

“ค่ะ ทุกคนเลย คุณตามฉันมาสิคะ” ร่างอวบของสตรีชาวยุโรปเดินหันหลังให้เธอ ทำให้มัสลินต้องก้าวตามไปด้วยท่าทางที่ยังงุนงงไม่หาย

มาเรียพาเธอเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจนเธอชักจะงง…บ้านหลังนี้ใหญ่จริงๆเหมือนปราสาทไม่มีผิด ขนาดแค่เดินไปห้องอาหาร เธอยังรู้สึกเมื่อยเลย มัสลินลอบมองเสี้ยวหน้าของมาเรียอย่างพินิจ

มาเรียมีดวงตาสีน้ำข้าว รูปหน้ายังมีเค้าของความสวยอยู่แม้ว่าอายุจะล่วงเลยไปเกือบห้าสิบปีแล้วก็ตาม ปากอิ่มมักจะคลี่ยิ้มเหมือนคนใจดีอยู่เสมอ คงเป็นเพราะรอยยิ้มของมาเรียกระมังที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจและรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้

ชั่วอึดใจใหญ่ๆ มาเรียก็พาเธอเดินมาถึงห้องห้องหนึ่งเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีโต๊ะอาหารยาวเหยียดเหมือนน่าจะมีคนมาร่วมรับประทานอาหารด้วยสักสามสิบคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว…ที่โต๊ะอาหารมีคนนั่งเพียงแค่สี่คนเท่านั้น

และในตอนนี้…สายตาทุกคู่กำลังมองมาทางเธอด้วยประกายตาไม่เป็นมิตร ยกเว้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มเพียงคู่เดียวที่มองเธอเฉยๆไม่ได้ฉายประกายความเป็นมิตรหรือไม่เป็นมิตรแต่อย่างใด

“เอ่อ” หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น รู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อหันไปมองมาเรียที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อหวังจะยึดเป็นที่พึ่ง มาเรียก็กลับส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มอ่อนๆให้เธอพร้อมกับพูดว่า

“ฉันเป็นเพียงแค่แม่บ้านเท่านั้นค่ะ คงไปร่วมโต๊ะเดียวกับท่านๆไม่ได้ คุณไปทานเถอะค่ะ”

“แต่…ฉันไม่หิว” หญิงสาวพูดด้วยเสียงอึดอัด และก็ดูเหมือนว่ามาเรียจะเข้าใจความรู้สึกของเธอดี มือขาวๆจึงเอื้อมมาจับมือเล็กของมัสลินแล้วลูบเบาๆราวกับจะส่งผ่านกำลังใจให้เธอ

“ไม่มีใครทำอะไรคุณหรอกค่ะ เชื่อฉันนะคะ”

มัสลินมองตามาเรียอยู่ชั่วครู่ก่อนจะดึงมือออกแล้วพยายามยิ้มฝืดๆให้ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel