บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

เช้าวันถัดมาจันทร์เจ้าตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น หญิงสาวรีบแต่งตัวด้วยชุดทะมัดทะแมงเพราะวันนี้เธอตั้งใจจะไปแจ้งความเรื่องคนหายดู อาศัยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกแรงเผื่อว่าจะได้รู้ความเป็นไปของปลาดาวเร็วขึ้น

หลังจากทานข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ตรงดิ่งไปที่สถานีตำรวจในท้องที่ ทว่าเพียงเธอแจ้งความประสงค์ไป ทางตำรวจกลับไม่รับเรื่อง! ทั้งยังอ้างว่ายังไม่ครบ 24 ชั่วโมง มันจะไม่ครบได้ยังไง มันครบตั้งแต่ตีหนึ่งที่ผ่านมาแล้ว!

แต่แล้วจันทร์เจ้าก็เข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อเธอเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเจ้าหน้าที่ ทั้งยังดูหลุกหลิกชอบกล หญิงสาวก็เข้าใจแล้วว่าที่เจ้าหน้าที่ไม่รับเรื่องของเธอต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆ ซึ่งมันก็มีไม่กี่อย่าง ถ้าเธอเดาไม่ผิดคงจะมีคนใช้อำนาจในทางมิชอบแน่ และแล้วก็เป็นจริงอย่างที่จันทร์เจ้าคิดเมื่อเธอเดินทางมาที่บีชบาร์อีกครั้ง

มาเพื่อพบชลธี!

“ไง? ตำรวจไม่รับแจ้งเหรอคุณ”

“เป็นฝีมือคุณใช่ไหม” เห็นสีหน้าเย้ยหยันสายตาท้าทายของผู้ชายตรงหน้าแล้ว จันทร์เจ้าก็มั่นใจว่าสิ่งที่เธอคิดมันถูก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคุยกันดี ๆ หญิงสาวก็ถามชลธีด้วยน้ำเสียงห้วนจัด ใบหน้าดุกร้าว

“หึหึ ผมจะทำอะไรได้”

“ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร ก็มีคุณคนเดียวที่รู้ว่าฉันตามหาเพื่อนอยู่” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ สายตาที่มองไปข้างหน้าวาววับตามแรงอารมณ์

“ใจเย็นก่อนสิคุณ ผมยอมรับว่าผมรู้ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย” เห็นหญิงสาวที่ตัวเองสนใจขมวดคิ้วใบหน้ายุ่งเหยิง ชลธีจึงใจดีบอกบางอย่างกับเธออีกประโยค

“เอาละ ๆ ผมเป็นคนโทรบอกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองแหละว่าไม่ให้รับเรื่องเพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”

“ว่าไงนะ! เข้าใจผิดงั้นเหรอ จะเข้าใจผิดได้ยังไงก็ในเมื่อ...” เธอพูดไม่ออกจึงส่งสายตาไม่พอใจไปที่เขาแทน ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มรับอย่างหน้าตาเฉย

“ก็ถ้าคุณตกลงจะเป็นเบ๊ผม คุณจะเข้าใจเอง”

“หมายความว่าไง แล้วคุณรู้ได้ยังไง หรือว่า...”

“ใช่! ผมดูกล้องวงจรปิดในช่วงวันและเวลาดังกล่าวแล้ว... หลังจากที่คุณเดินออกจากบีชบาร์ไป ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนคุณที่โต๊ะ” พูดแค่นี้ชายหนุ่มก็หยุดไป เขาปรายสายตาเจ้าเล่ห์มองมาที่เธอพร้อมทั้งยกยิ้มมุมปากดูไม่น่าไว้ใจ

“พูดต่อสิคุณ หยุดทำไม ฉันรอฟังอยู่นะ” หญิงสาวพูดและมองเขาด้วยความไม่พอใจอีกระลอก

“ผมจะพูดก็ต่อเมื่อคุณตกลงทำตามข้อเสนอของผม”

“...”

“ว่าไง ตกลงไหม?” เห็นเธอเงียบไปชลธีจึงถามซ้ำอีก

“...” จันทร์เจ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบไปแบบไหน แม้จะเคยพูดไว้ว่าแค่ไปเป็นเบ๊ชั่วคราวคงไม่เป็นไร แต่เอาเข้าจริงแล้วเธอก็รู้สึกว่าไม่ควรยอม ตอนนี้ตัวเธอเองจึงค่อนข้างรู้สึกสับสนและลังเลอยู่บ้าง

“ถ้าคุณตกลงยอมรับข้อเสนอนอกจากคุณจะได้ดูกล้องวงจรปิดทันทีแล้วเนี่ย คุณยังจะได้รู้ข้อมูลจากผมด้วยนะ และบางที... ผมอาจช่วยคุณเรื่องเพื่อนของคุณได้ก็ได้นะ” ชลธีพยายามพูดถึงข้อเสนอและสิ่งที่หญิงสาวจะได้ ขณะที่พูดก็มองเธอไปด้วย

หญิงสาวรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากเธอต้องไปเป็นเบ๊เขาจริง ๆ คงได้ทะเลาะกันตายแน่ และตัวเธอเองก็รู้สึกไม่ยินยอมและเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ไพ่ในมือก็ไม่มี ทั้งยังต้องการความช่วยเหลือ คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่ยอมตกลงรับปากเขา

หัวสมองของจันทร์เจ้าหมุนเร็วจี๋คิดถึงผลได้ผลเสียของเรื่องนี้ ด้วยความที่เป็นจันทร์เจ้าหากยอมง่าย ๆ คงจะเสียชื่อตัวแสบประจำกลุ่มหมด ครั้นใช้ความคิดไปเรื่อย ๆ เธอก็รู้สึกเห็นทางรอดของตัวเอง มุมปากของหญิงสาวยกยิ้มก่อนจะเก็บซ่อนรอยยิ้มแห่งความเจ้าเล่ห์ไว้ให้ลึกสุดใจเพื่อที่ชายหนุ่มจะได้ไม่เห็น เพราะถ้าเกิดเขาได้เห็นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

ยิ่งสาวรู้สึกว่าความคิดนั้นของตัวเองค่อนข้างเข้าที เธอไม่อยากไปเป็นเบ๊ของเขาก็ไม่ต้องไปสิ ไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย ก็แค่ตกปากรับคำไปเฉย ๆ เพื่อที่จะได้รู้ความเป็นไปของปลาดาวไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย ในเมื่อไม่มีสัญญาเธอจะทำอะไรก็ได้ถูกไหม?

การที่เธอตกลงรับข้อเสนอไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมทำตามคำพูดเขา หลังจากที่รู้ข้อมูลต่าง ๆ แล้วค่อยชิ่งก็ยังไม่สาย ช่วยไม่ได้เขามีช่องโหว่เองทำไมล่ะ ยิ่งคิดจันทร์เจ้าก็รู้สึกว่าตัวเธอเองฉลาดจริง ๆ ดังนั้น

“ตกลง! ฉันตกลง คุณให้ฉันดูกล้องวงจรปิดได้หรือยัง” จันทร์เจ้าจึงตกปากรับข้อเสนอของชายหนุ่มไป ซึ่งนั่นทำให้ชลธีพอใจมาก เขาส่งยิ้มกว้างมาหาเธอ ก่อนจะผายมือให้เธอไปยังโต๊ะทำงานของเขาที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ ซึ่งตอนนี้เขากับเธอนั่งสนทนาอยู่ที่โซฟาภายในห้องทำงานส่วนตัวของเขานั่นเอง

“ไม่ต้องไปดูที่ห้องรักษาความปลอดภัยเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างสงสัยหลังจากเดินมายังโต๊ะทำงานของเขาแล้ว

“ไม่ต้อง ผมเอาภาพกล้องวงจรปิดช่วงเวลาดังกล่าวมาแล้ว ดูที่นี่แหละสะดวกดี” จันทร์เจ้าก็ไม่พูดอะไร เพราะเธอก็ขี้เกียจเดินไปเดินมาเช่นกัน จะดูที่ไหนก็เหมือนกันสุดท้ายเธอก็จะเห็นสภาพเพื่อนของเธออยู่ดี

ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฉายให้จันทร์เจ้าเห็นคือ ปลาดาวนั่งดื่มเหล้าที่โต๊ะคนเดียว แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะด้วย ซึ่งช่วงเวลานั้นก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปหรือน่าสงสัย แล้วจู่ ๆ ผู้ชายคนดังกล่าวก็ลุกออกจากโต๊ะไปด้านนอก จันทร์เจ้าไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้น ตาของเธอยังจับจ้องไปยังเพื่อนของตัวเองที่มีสภาพอ้อแอ้อาการของคนเมาอย่างเป็นห่วง เพื่อนของเธอยังคงนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่โต๊ะจนกระทั่งบาร์ปิด

หลังจากบาร์ปิดปลาดาวก็ทำท่าจะเดินออกจากบาร์ไปแต่แล้วก็มีพนักงานเข้ามาขวางทางไว้ ดูแล้วเหมือนจะมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น แต่แล้วผู้ชายคนเดิมก็เดินกลับเข้ามา จากนั้นก็พูดคุยกับพนักงานนิดหน่อยพนักงานคนนั้นก็เปิดทางให้ทั้งยังดูเหมือนว่าจะนอบน้อมมากด้วย ภาพจบลงแค่นั้น จบด้วยเพื่อนของเธอถูกผู้ชายคนนั้นประคองออกไป

“ผู้ชายคนนั้นคือนายชลวัฒน์ ซึ่งพนักงานและคนท้องถิ่นที่นี่จะรู้จักกันดีในนามญาติของเจ้าของโรงแรมที่คุณกำลังพักอยู่และบังเอิญว่ามันเป็นโรงแรมที่ผมเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย นอกจากนี้คุณชลวัฒน์หรือคุณครามเนี่ย ก็เป็นที่รู้จักกันในแวดวงธุรกิจ เพราะเป็นถึงเจ้าของฟาร์มไข่มุกที่มีธุรกิจอื่นอีกเยอะแยะ เป็นบุคคลมีสี ไม่สมควรเป็นศัตรูด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยบอกให้เธอได้รู้ถึงฐานะของผู้ชายในกล้องวงจรปิดอย่างใจดี ทั้งยังเอ่ยเตือนกลาย ๆ ในประโยคสุดท้าย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel