บทที่ 10
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมคุณถึงโทรไปนัดแนะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้”
“ใช่! ก็นะผู้ชายคนนั้นเป็นญาติกับหุ้นส่วนผมนี่ ถ้ามีเรื่องทำนองนี้ออกไปคงไม่ดีใช่ไหมล่ะ”
“แต่นั่นเพื่อนฉันนะ ฉันอยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอก” จันทร์เจ้าที่ได้ฟังชลธีพูดก็ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมทั้งหมุนตัวหันหลังเตรียมเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อถูกชลธีเอ่ยทัก
“นั่นคุณจะรีบไปไหน”
“ก็ไปบอกฟองคลื่นเพื่อหาทางจัดการเรื่องนี้น่ะสิ” หญิงสาวมองมาที่ชายหนุ่มด้วยสายตารำคาญ ขณะเดียวกันชลธีที่ได้ฟังคำพูดของเธอก็มองมาที่เธอด้วยสายตาระอาเช่นกัน
“หึ! นี่คุณคิดว่าฟองคลื่นจะทำอะไรได้งั้นเหรอ คุณคิดว่าหลังจากคุณบอกฟองคลื่นและฟองคลื่นไปบอกพ่อของเธอแล้ว พรุ่งนี้คุณจะสามารถไปพาเพื่อนคุณกลับมาเลยได้รึไง”
“ก็ใช่น่ะสิมีอะไรยากกัน” ได้ฟังคำตอบของเธอแล้วชลธีได้แต่ส่ายหัวก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“คุณฟังผมนะ ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า คุณครามไม่ได้อยู่ที่นี่หรือบ้านพักของเขา ผมคิดว่าเขาคงกลับเกาะส่วนตัวที่เลี้ยงฟาร์มมุกไว้แล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้นตัวของจันทร์เจ้าก็ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้เช่นเดิม สีหน้าของเธอเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“และที่สำคัญอีกเรื่องที่คุณควรรู้ไว้คือ การที่จะติดต่อผู้ชายคนนี้ยากมาก”
“เพราะอะไร”
“ส่วนใหญ่คุณครามจะอยู่ที่เกาะส่วนตัวที่ซึ่งเลี้ยงฟาร์มมุกของเขา สัญญาณที่ไม่ค่อยมีทำให้การติดต่อสื่อสารจึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แล้วตอนนี้มีมรสุมอยู่คุณคิดว่าการติดต่อสื่อสารจะง่ายไหม ผมคงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่าทำไม”
“นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ มีอะไรที่ฉันทำได้บ้าง” จันทร์เจ้าชักสีหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ไม่มี สิ่งที่คุณทำได้คือรอ และไปเป็นเบ๊ของผมตามที่ตกลงกันไว้”
“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง คุณยังไม่ได้ช่วยอะไรฉันสักหน่อยนะ ฉันไม่ยอมไปเป็นเบ๊ของคุณหรอก” หญิงสาวพูดอย่างไม่ยินยอม
“นี่คุณจะกลืนน้ำลายตัวเอง?”
“เปล๊า! ไหนล่ะหลักฐานสัญญา... คุณไม่มีใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าคุณช่วยอะไรฉันมากกว่านี้ฉันจะไม่ลังเลเลยที่จะเป็นเบ๊รับใช้คุณ” จันทร์เจ้าพูดพร้อมยกยิ้มมุมปาก ในขณะเดียวกันชลธีก็หรี่ตามองเธออย่างอันตราย
“คุณแน่ใจนะที่พูด”
“ใช่” จันทร์เจ้าตกปากรับคำอย่างมั่นใจ เพราะเธอคิดว่าเขาคงไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เขาพูดเองนี่ถ้าชลวัฒน์เข้าเกาะไปแล้วเท่ากับตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว ดังนั้นเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากรอ
“ได้ข่าวว่าคุณถูกพักงาน”
“!... นี่คุณสืบเรื่องของฉัน?” จันทร์เจ้าถามดวงตาแทบถลน สายตาที่มองไปยังชลธีเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างเห็นได้ชัด
“นิดหน่อย เรื่องงานที่คุณถูกพักอยู่ ผมสามารถทำให้คุณกลับมาทำงานได้เลยทันทีนะ ถึงเรื่องเพื่อนของคุณผมจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ถ้าเป็นเรื่องงานผมช่วยได้แน่นอน จะเอาไง”
หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่มหญิงสาวก็รู้สึกสนใจ ดวงตาของจันทร์เจ้าก็เปล่งประกาย รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับที่มุมปากที่เธอสามารถกลับไปทำงานได้! แล้วความดีใจในตอนแรกก็ค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้าสวยเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของเขา
“ซึ่งนั่นแรกกับการที่คุณต้องไปเป็นเบ๊ผม อยู่กับผมตลอดเวลา”
“นี่คุณจะบ้าเหรอ! เรื่องอะไรฉันต้องไปอยู่กับคุณตลอดเวลาด้วย” หญิงสาวแย้งอย่างไม่ยินยอม
จันทร์เจ้ารู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างมาก ผู้ชายตรงหน้ามีนิสัยใจคอยังไงก็ไม่รู้ เธอเพิ่งจะรู้จักเขาเองนะ แล้วจะให้เธอไปอยู่ด้วยเขาคิดอะไรอยู่ หรือว่าผู้ชายตรงหน้าคิดอะไรไม่ดีกับเธอกัน
“เอาละ ๆ คุณคิดอะไรอยู่ มันไม่ใช่แบบนั้น” เห็นสีหน้าและแววตาของเธอ ชลธีก็พอจะเดาได้ว่าเธอคงคิดอะไรไม่ดีและด่าเขาในใจแน่ ๆ ถึงเรื่องที่เธอคิดจะตรงกับส่วนลึกในใจของเขาก็ตามเถอะ แต่ว่านะใครจะยอมรับเล่า เดี๋ยวไก่ก็ตื่นกันพอดี คิดที่จะเป็นจิ้งจอกก็ต้องแนบเนียนหน่อย
“คุณอย่าลืมสิว่า คุณตกลงยอมรับข้อเสนอของผมแล้ว”
“ฉันจำได้ว่าฉันจะยอมเป็นเบ๊ให้คุณหากคุณช่วยฉันมากกว่านี้ แต่ยังไม่ได้รับปากว่าจะไปทำหน้าที่นั้น ฉันก็เพิ่งพูดไปเมื่อกี้หรือว่าคุณลืม? หลักฐานสัญญาอะไรก็ไม่มีทำไมต้องทำตามด้วย แล้วก็นะฉันไม่เข้าใจ ไม่ทราบว่าเรื่องที่ฉันจะไปเป็นเบ๊ให้คุณหรือไม่ มันเกี่ยวตรงไหนที่ฉันจะต้องไปอยู่กับคุณด้วย” หญิงสาวถามกลับด้วยความไม่เข้าใจเต็มร้อย
“นั่นก็เพราะว่าผมอยากใช้งานคุณได้ตลอดเวลาน่ะ อยู่ด้วยกันจะได้ไม่ต้องตามตัวยาก อีกอย่างผมว่าฟองคลื่นคงจะพูดถึงผมให้คุณฟังบ้าง ดังนั้นคุณก็น่าจะรู้จักผมคร่าว ๆ แล้วนะ”
“แล้วยังไง” จันทร์เจ้ายังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
“เฮ้อ! ผมก็แค่ต้องการสิ่งตอบแทนที่ผมให้คุณดูเรื่องกล้องวงจรปิดวันนี้”
“มากไปหรือเปล่า ไม่สมเหตุสมผลเลย คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่ เหอะ! กับแค่ช่วยแค่นี้ให้ฉันเลี้ยงข้าวแทนก็ได้นี่”
“สรุปคนจะไม่ยอมไปจริง ๆ สินะ จะเบี้ยว? คิดดี ๆ นะคุณ เพียงแค่คุณยอมไป บางทีคุณอาจจะได้กลับไปทำงานเร็วขึ้นนะ เห็นไหมคุณก็มีเรื่องที่ได้ไม่ใช่ว่าจะเสียเปรียบเสมอไปเมื่อไหร่”
“...” จันทร์เจ้าเริ่มคิดตามแต่ยังคงนิ่งอยู่เช่นเดิม
“ผมไม่ใช่พระเจ้า คุณคงไม่คิดว่าผมจะยอมช่วยคุณฟรี ๆ หรอกนะ”
“เหอะ! ไม่ต้องพูดก็รู้ย่ะ หน้าตาแบบนี้คงช่วยเหลือใครไม่เป็น” จันทร์เจ้าพึมพำกับตัวเอง แต่ประโยคดังกล่าวคนหูดีอย่างชลธีกลับได้ยินชัดเจน
“ผมได้ยิน! แต่ก็เอาเถอะถ้าคุณไม่ไปก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร เพราะยังไงผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องจำไว้ว่าผู้หญิงหน้าสวยอย่างคุณนั้นเชื่อไม่ได้ พูดไม่เป็นคำพูด กลืนน้ำลายตัวเอง และอย่างที่บอกผมช่วยใครฟรี ๆ ไม่เป็นเห็นทีคงได้สั่งสอนกันบ้าง”
“คุณ!”
“อะไร? ผมพูดความจริงนี่ เอาละในเมื่อคุณไม่ตกลงก็ออกไปซะเถอะ ผมจะได้ทำงานต่อ แต่พึงระลึกไว้นะว่านอกจากผมจะช่วยให้คุณกลับมาทำงานได้เร็วขึ้นแล้ว ผมอาจทำให้คุณตกงานได้เร็วขึ้นเช่นกัน” ชลธีพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจแต่ก็ไม่วายคิดวางระเบิดให้หญิงสาวกระวนกระวายใจเล่นด้วยเช่นกัน
จันทร์เจ้าที่ได้ฟังคำพูดของเขาก็พูดไม่ออก คิดว่าเธอไม่รู้หรือไงว่าสิ่งที่เขาจะสื่อคืออะไร ชลธีกำลังบังคับเธอทางอ้อม! เมื่อเป็นผู้น้อยไร้ซึ่งอำนาจจันทร์เจ้าจึงครุ่นคิดถึงผลได้ผลเสียอีกครั้ง
เรื่องของปลาดาวไหน ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนอกจากรอ เธอก็ควรจะฉวยโอกาสนี้ตกลงรับข้อเสนอเขา เพื่อหน้าที่การงานของตัวเองจะได้ดีไม่มีปัญหา ที่สำคัญคงไม่ได้ใช้ระยะเวลานานมากหรอกทั้ง แล้วจันทร์เจ้าก็เริ่มมองสำรวจผู้ชายตรงหน้าอีกครั้งอย่างละเอียดพร้อมพินิจพิจารณา