บทที่ 5
“ฟองทางนี้!” จันทร์เจ้าเอ่ยเรียกหญิงสาวรุ่นน้องเจ้าถิ่นอย่างฟองคลื่นให้เข้ามาหา วันนี้เธอมีนัดกับฟองคลื่นด้วยเรื่องที่จะไปตรวจดูกล้องวงจรปิดที่บีชบาร์เพื่อดูว่าปลาดาวออกจากบาร์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่หรือไปกับใคร
“พี่จันทร์มารอฟองนานหรือยังคะเนี่ย” ฟองคลื่นฉีกยิ้มน่ารักก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่นาน เรารีบไปกันเถอะ พี่เป็นห่วงดาว” จันทร์เจ้าพูดด้วยความกระวนกระวายใจ
“ค่ะ”
หลังจากนั้นสองสาวก็ตรงไปที่บีชบาร์ทันที บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่ลองเช็กห้องพักของโรงแรมดูก่อนว่ามีห้องไหนที่ปลาดาวเข้าพักหรือเปล่า ต้องบอกก่อนว่าฟองคลื่นให้คนจัดการเรื่องนี้แล้วทั้งยังให้ไปตรวจสอบโรงแรมใกล้ ๆ แล้วว่ามีที่ไหนที่ปลาดาวเช็กอินบ้างก็ปรากฏว่าไม่พบ ดังนั้นทั้งสองจึงเลือกที่จะตรงไปที่บีชบาร์เลย
“พี่จันทร์อย่าเครียดไปเลยค่ะ ฟองเชื่อว่าพวกเราต้องเจอพี่ดาวแน่” เมื่อเห็นว่าคนข้างตัวหน้านิ่วคิ้วขมวด ฟองคลื่นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปลอบและให้กำลังใจ มือนิ่มของเธอยื่นไปจับมือนิ่มของจันทร์เจ้าก่อนจะกุมไว้หลวม ๆ จันทร์เจ้าที่ได้รับสัมผัสนั้นและรับรู้ถึงความห่วงใยก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังไม่วางใจนัก
“สวัสดีค่ะ”
“อ้าวคุณฟองคลื่น สวัสดีครับ มาถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้จัดการบีชบาร์เอ่ยทักก่อนจะถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นฟองคลื่นเดินเข้ามาทั้งที่ปกติผู้หญิงตรงหน้าแทบจะไม่มายุ่งวุ่นวายตรงส่วนนี้เลย
“คือพอดีฟองมีเรื่องให้ช่วยน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ฟองต้องการดูกล้องวงจรปิด”
“ดูกล้องวงจรปิด?” ผู้จัดการร้านถามย้ำพร้อมมองมาที่เธอด้วยความสงสัย ก่อนที่สายตาของเขาจะเลื่อนมายังจันทร์เจ้าที่ยืนฟังด้วยความกระวนกระวายใจแทน
“พอดีเพื่อนของฉันไม่ได้กลับห้องน่ะค่ะ ที่สุดท้ายที่เพื่อนฉันอยู่คือที่บาร์นี้ ดังนั้นขอฉันดูกล้องวงจรปิดหน่อยได้ไหมคะ” จันทร์เจ้าที่อดรนทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเอง
ขณะเดียวกันสีหน้าของผู้จัดการก็มีท่าทีสับสนทั้งยังดูเหมือนจะยุ่งยากใจอีกด้วย หญิงสาวจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาที่ฟองคลื่น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะคนที่หายไปก็เป็นพี่ของฟองเช่นกัน ให้ฟองดูกล้องวงจรปิดเถอะนะคะ” ฟองคลื่นพูดขึ้นอีกครั้ง
ผู้จัดการจากที่ลำบากใจอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่สะดวกใจมากเข้าไปอีก หากเป็นเวลาปกติตัวเขาคงทำตามคำขอร้องของลูกเจ้าของโรงแรมในทันที แต่ว่าวันนี้กลับต่างออกไป เพราะหุ้นส่วนรายใหญ่ผู้ควบตำแหน่งเจ้าของบาร์กำลังจะเข้ามาดูงานในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หากคนคนนั้นรู้ว่าเขาถือวิสาสะแหกกฎให้ฟองคลื่นและเพื่อนดูกล้องวงจรปิด งานจะต้องเข้าแบบไม่ต้องสงสัย ทว่ายิ่งมองตากับสองสาวทีไรก็อยากจะใจอ่อน แต่ก็อึดอัดจนไม่เกรนแทบขึ้นเพราะทำอะไรไม่ได้
“นะคะ”
“นะคะคุณผู้จัดการ ให้ฉันดูกล้องเถอะนะคะ” จันทร์เจ้าเอ่ยขอร้องเธอแทบจะยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอยู่แล้ว
“เอ่อ... เรื่องนี้”
“นะคะผู้จัดการ” ฟองคลื่นพูดขึ้นมาบ้าง
“ผมค่อนข้างยุ่งยากใจนะครับ ความจริงมาตรการและกฎบ้อบังคับต่าง ๆ คุณฟองคลื่นก็น่าจะรู้ดี”
ได้ยินผู้จัดการบีชบาร์พูดเช่นนั้นฟองคลื่นก็มีสีหน้าสลดลง จันทร์เจ้ามองอย่างเข้าใจ แต่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเธอจึงไม่คิดสนใจนัก แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอร้องขอมันไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามกฎข้อบังคับแต่เธอก็เลือกที่จะทำ หากจะให้เธอเขียนคำร้องหรือแจ้งความ กว่าที่เธอจะได้ดูกล้องวงจรปิดมันไม่นานเกินไปหรอกเหรอ หากในระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกับปลาดาวเธอจะทำยังไง
“ฉันขอร้องล่ะค่ะคุณผู้จัดการ ให้ฉันดูกล้องวงจรปิดเถอะนะคะ”
“เอ่อ คือว่า...”
“นะคะ นะ...”
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ”
จันทร์เจ้ายังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท เธอมองใบหน้าซีดเผือดของผู้จัดการแล้วขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองข้างตัวก็เห็นฟองคลื่นเอาแต่ก้มหน้ามองปลายเท้า หญิงสาวจึงตัดใจหันมามองข้างหลังของตัวเธอเองบ้าง แล้วดวงตาทั้งสองข้างของเธอก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อผู้ชายคนนั้นคือคนที่เธอปะทะฝีปากด้วยเมื่อคืน!
“คุณ!”
“ไง?”
หนึ่งหญิงสาวทักด้วยความตกใจ หนึ่งชายหนุ่มทักด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ามุมปากกลับยกยิ้มยียวนส่งไปให้ จันทร์เจ้าเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะสะบัดหน้าหนี ถึงเธอจะไม่ชอบขี้หน้าเขาแต่เธอก็รู้สถานการณ์ว่าเวลาไหนควรรุก เวลาไหนควรถอย
ดูจากอากัปกิริยาของผู้จัดการบาร์และฟองคลื่นแล้ว จันทร์เจ้าเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่า ผู้ชายร่างยักษ์ตรงหน้าเธอคงมีความสำคัญมากแน่ ๆ ดังนั้นสงบปากสงบคำไว้ก่อนเป็นดี เพื่อเพื่อนของเธอ
นี่เธอไม่ได้กลัวนะ ที่นิ่งก็เพื่อจะได้ดูความเป็นไปของปลาดาวล้วน ๆ เห็นไหมว่าเธอไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิด หึ! ฉายาตัวแสบประจำแก๊งรวมดาวอย่างเธอจะมากลัวผู้ชายร่างยักษ์ที่ครอบครองใบหน้าหล่อเหลาจอมกวนแบบคนตรงหน้าได้ยังไง
ร้อยไม่มีวัน พันไม่มีวัน!
“ว่าไงครับ มีอะไรกันหรือเปล่าคุณชัยกิจ” ชัยกิจคือชื่อของผู้จัดการบีชบาร์นั่นเอง
“คือว่าคุณฟองคลื่นและคุณผู้หญิงมาขอดูกล้องวงจรปิดครับ” ชัยกิจที่ถูกถามก็เอ่ยตอบไปตามตรง สำหรับเขาแล้วชายหนุ่มตรงหน้านอกจากจะเป็นเจ้านายแล้วยังเป็นบุคคลอันดับต้น ๆ ที่ไม่ควรยุแหย่อีกด้วย และเรื่องที่เจ้านายถามก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือไม่บอก ถึงเรื่องที่คนตรงหน้าเอ่ยถามจะใหญ่กว่านี้อีกสักกี่เท่า ถ้าถูกถามเขาก็ต้องตอบอยู่ดี ในเมื่อเขาเป็นลูกน้องชายหนุ่ม ขืนไม่ตอบดูสิได้เด้งออกจากงานแน่
“กล้องวงจรปิด... ดูไปทำไม” ชายหนุ่มเลือกที่จะหันไปถามหญิงสาวคู่กรณีเมื่อคืนของตนโดยตรง