บทที่ 3
ซ่า ซ่า
ท่ามกลางความเงียบสงบยามค่ำคืนของทะเลมีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรและเสียงคลื่นทะเลกระทบชายหาดเท่านั้น จันทร์เจ้าเดินทอดน่องไปตามชายหาดยาวไปเรื่อย ๆ สองตาก็มองปูลมที่วิ่งล้อแสงจันทร์บนชายหาดไปด้วย ลมทะเลพัดพาเส้นผมปลิวไสวทั้งยังปะทะใบหน้าสวยทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกสดชื่นขึ้น จนไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เธอเดินห่างไกลจากบีชบาร์มามากพอสมควรแล้ว หญิงสาวยังเดินต่อและครุ่นคิดถึงการดำเนินชีวิตของตัวเองนับจากนี้ต่อไปทั้งอย่างนั้น
“จะเอาไงต่อไปดีวะเนี่ย เงินเก็บก็น้อยนิด งานก็ถูกพัก ผู้จัดการบ้านั่นก็ไม่ยอมสืบสาวราวเรื่อง เอะอะพักงาน ๆ วู้ว!” หญิงสาวบ่นพึมพำพร้อมกับสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อต้องนึกถึงสาเหตุที่ต้องทำให้เธอโดนพักงานแบบนี้
จันทร์เจ้าประกอบอาชีพเป็นไกด์นำเที่ยวของบริษัททัวร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้มาจากที่รุ่นพี่ที่รู้จักเห็นแววจึงได้ลองพาเธอไปดูการทำงานจริงของอาชีพนี้ โดยตอนแรกให้เธอศึกษาวิธีการการเป็นมัคคุเทศก์เบื้องต้นก่อน จากนั้นรุ่นพี่คนดังกล่าวก็เริ่มชักชวนเธอเก็บประสบการณ์โดยการออกพื้นที่ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่พี่เขาเป็นไกด์นำเที่ยว เมื่อได้ดูได้เห็นบ่อยขึ้นก็ทำให้เกิดความคุ้นเคย จนกระทั่งได้รับโอกาสจากรุ่นพี่คนเดิมให้ทดลองเป็นไกด์นำเที่ยวที่จังหวัดอยุธยาโดยมีพี่เขาคอยประกบชี้แนะอีกที ผลปรากฏว่าเธอทำได้ดี หลังจากนั้นเรื่อยมาหญิงสาวก็ได้งานพาร์ทไทม์โดยเป็นไกด์นำเที่ยวระหว่างเรียนอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งเรียนจบจันทร์เจ้าจึงได้ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักในการเลี้ยงดูตนเอง
ที่จันทร์เจ้าเลือกที่จะประกอบอาชีพนี้เป็นหลักนั่นก็เพราะว่า นอกจากเงินจะดีแล้ว ตัวเธอยังได้ท่องเที่ยวระหว่างทำงานด้วย ด้วยความที่เป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบทำงานภายใต้แรงกดดัน ไม่ชอบทำอะไรจำเจซ้ำ ๆ เดิม ๆ เช่นการเป็นพนักงานออฟฟิศ ซึ่งอาชีพดังกล่าวไม่ตอบโจทย์กับความต้องการและอุปนิสัยเธอเลย ดังนั้นการเป็นไกด์นำเที่ยวคือทางออกที่ดีที่สุดของเธอแล้ว ไว้มีโอกาสมีเงินเก็บมากพอค่อยเริ่มทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นนายตัวเองตอนนั้นก็ยังไม่สาย แต่ตอนนี้ต้องทำงานเก็บเงินไปก่อน
ชีวิตของจันทร์เจ้าดำเนินมาอย่างดีมาโดยตลอด เรียกได้ว่าดวงรุ่งพุ่งกระฉูด มีรถ มีคอนโดฯ มีทรัพย์ ไม่มีอุปสรรคหนัก ๆ เลยสักนิด ตัดภาพมาที่ตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะใช้โชคไปหมดแล้วหรืออย่างไรก็ไม่สามารถทราบได้
เพราะต้นเดือนมาก็ถูกพักงานเลยทันที! เหตุเพราะเธอต่อยลูกทัวร์จนตาเขียว!
แล้วจะไม่ให้เธอต่อยนักท่องเที่ยวหรือลูกทัวร์คนนั้นได้อย่างไร ในเมื่อคนคนนั้นจับก้นเธอ! และไม่ได้จับครั้งเดียว สองครั้ง! เขาจับถึงสองครั้ง! เมื่อเตือนแล้วไม่ฟังพอมีครั้งสองมันก็ต้องโต้ตอบกันบ้าง ไม่อย่างนั้นคงขัดกับนิสัยของตัวเองแน่ ๆ
ปกติจันทร์เจ้าเป็นคนใจเย็น อัธยาศัยดีคนหนึ่ง และยิ้มเก่งอีกต่างหาก นี่คือคุณสมบัติอันดับต้น ๆ ของคนที่จะประกอบอาชีพไกด์นำเที่ยวเลยก็ว่าได้ อะไรในตัวของจันทร์เจ้าก็ออกจะดีหมดทุกประการ ไม่ว่าจะการเรียนหรือหน้าตา ติดอย่างเดียว เจ้าตัวค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อนและไม่ยอมใคร ฉายา ‘ตัวแสบ’ ประจำแก๊งรวมดาวที่เพื่อนตั้งให้ บอกเลยว่าไม่ใช่ได้มาเฉย ๆ แต่มันมาจากนิสัยหลักของเธอล้วน ๆ
คิดถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกพักงานทีไรก็อดจะหัวร้อนไม่ได้ หญิงสาวเดินก้มหน้าฮึดฮัดเตะทรายต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง
ปึก!
“โอ๊ย! เดินประสาอะไรเนี่ย ไม่เห็นคนหรือไง!” เสียงหวานสะบัดถามเสียงห้วน พร้อมกับเงยหน้ามองกำแพงมนุษย์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ด้านคนถูกถามเสียงห้วนก็เลิกคิ้วด้วยความไม่พอใจแต่ใบหน้ากลับนิ่งเฉย
“นี่! ไม่ได้ยินคนถามหรือไง หรือว่าเป็นใบ้?” จันทร์เจ้าถามซ้ำอักครั้งทั้งยังมองไล่สายตาไปยังคนตรงหน้าอย่างพิจารณา มองตั้งแต่ปลายเท้าและไล่ต่อไปเรื่อย ๆ หยุดที่แผงอกล่ำสันใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปอีกจวบจนกระทั่งไปถึงสายตาคมกริบเรียบนิ่งคู่นั้น...
จันทร์เจ้าก็หยุดชะงักไป
ใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าพาใจหญิงสาวกระตุก ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เจอคนหล่อและหน้าตาดีมาเยอะ ทั้งยังเจอแบบหลากหลายเชื้อชาติ ทว่าก็ไม่มีใครสักคนที่จะทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้
ใบหน้าคมเข้มได้รูป แววตาคมกริบติดเรียบนิ่ง คิ้วหนารับสันจมูกโด่ง กอรปกับริมฝีปากได้รูปของเขา ช่างลงตัวทั้งสิ้น นี่ยังไม่รวมรูปร่างกำยำของบุรุษที่พึงมีอีกนะ มองยังไงคนตรงหน้าก็เปรียบดั่งเทพบุตรชัด ๆ ไม่สิ ไม่ใช่ คนตรงหน้าไม่ใช่เทพบุตร แต่เป็นซาตาน...
ซาตานที่พร้อมมาพรากหัวใจของผู้หญิงหลาย ๆ คน
“เป็นใบ้สินะ” เมื่อพิจารณาใบหน้าคนตรงหน้าเรียบร้อยและดึงตัวเองออกจากภวังค์แล้ว จันทร์เจ้าก็พูดอีกครั้ง แต่เป็นการพูดคนเดียวซะมากกว่า
“หึ!” คำเดียวที่หลุดออกมาจากลำคอของเขา ทำให้หญิงสาวที่ตั้งท่าจะก้าวขาเดินจากไปต้องหันไปมองอีกครั้ง
‘หน็อยแน่ อีตานี่ พูดได้แล้วไม่พูดใช่ไหม รู้จักจันทร์เจ้าน้อยไป’ หญิงสาวพูดกับตัวเองภายในใจ ก่อนจะเปลี่ยนสายตามองชายหนุ่มด้วยสายตาท้าทาย
“หน้าตาก็ดี รูปร่างก็ดีไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนไร้มารยาท” พูดแล้วก็ก้มหน้ายิ้มกับตัวเอง ก่อนจะยิ้มค้างเมื่อคำพูดของเขาหลุดออกจากปาก
“หึ! แสดงว่าคุณมารยาทดีมากสินะถึงได้วิจารณ์รูปร่างและหน้าตาผมดิบดีขนาดนี้... คนอะไรหน้าตาก็ดีไม่รู้จักมารยาทที่ดีเอาซะเลย”
“ไอ้!”
“อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ ผมไม่ผิดนะ คุณเริ่มก่อน”
“แต่คุณชนฉันก่อน!”
“คิดให้ดีสิครับคุณผู้หญิง ว่าใครชนใครกันแน่” ชายหนุ่มพูดพร้อมยกยิ้มมุมปาก มองกลับมาที่เธอด้วยสายตาท้าทายเช่นกัน จันทร์เจ้ากำมือแน่นก่อนจะคิดตามคำพูดของคนตรงหน้า
จะว่าไปจันทร์เจ้าก็พูดไม่ถูกนัก ที่ไปปรักปรำว่าเขาชนเธอ ทั้งที่เป็นเธอเองแท้ ๆ ที่ไม่มองทางทั้งยังเอาแต่เดินก้มหน้า ทบทวนถึงตรงนี้ก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ครั้นจะให้เอ่ยขอโทษมันก็ไม่ใช่นิสัยเธออีกนั่นแหละ สำหรับจันทร์เจ้าแล้วหากเธอผิดจริงเธอพร้อมยอมรับผิดเสมอ แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว... เธอมั่นใจว่าผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นตรงหน้าก็ผิดไม่แพ้กัน
ที่จันทร์เจ้ามั่นใจว่าเขาผิดนั่นก็เพราะว่า ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมานั้นก็เห็นเขามองมาที่เธออยู่แล้ว แม้ใบหน้าและสายตาจะเรียบนิ่ง แต่มุมปากที่ยกสูงนั้นไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาเธอเลย ก็ในเมื่อเขาต้องมองมาข้างหน้าอยู่แล้วแสดงว่าเขาต้องเห็นว่าเธอกำลังเดินอยู่สิ แล้วในเมื่อเห็นว่าเธอเดินอยู่ทำไมไม่หลบ? เขาจะเอาตัวเองมาขวางทางให้เธอชนเพื่ออะไร เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดอีกกี่ตลบก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายจงใจ!
สรุปแล้วก็คือทั้งเขาและเธอต่างผิดกันคนละครึ่ง!