บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ถึงเกาะสมุยใช้เวลาไม่นานนัก มาถึงก็เจอะเจอเข้ากับเจ้าถิ่นอย่างอรนิต เจ้าของรีสอร์ตที่หาดเฉวง ซึ่งมารอต้อนรับอยู่แล้วที่สนามบินนานาชาติสมุย เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นคณะเดินทาง สายตาของเธอมองตรงไปที่คนสำคัญของทริปนี้อย่างสีรุ้ง แล้วก็พุ่งร่างกลมๆ ท้วมๆ ของตนเองเข้าใส่ จนเป้าหมายแทบจะหกล้มเมื่อโดนโถมกอดแนบแน่นสุดประทับใจแบบนั้นเข้า

“ยัยสี! เพื่อนรัก เพื่อนสุดที่เลิฟของเต้ ยินดีต้อนรับสู่สมุย เอาไอ้ผัวเฮงซวยลอยทิ้งน้ำไปเลยนะแก ฉันจัดความพิเศษไว้ให้แกโดยเฉพาะล่ะงานนี้”

ประโยคที่หลุดออกมาจากอรนิต ทำให้ทุกคนในกลุ่มที่เลี่ยงจะเอ่ยเรื่องนี้กับสีรุ้งถึงกับมองเธอเป็นตาเดียว สีรุ้งเองก็หน้าซีดลงเล็กน้อย เธอเลื่อนแว่นกันแดดขึ้น แล้วเอาไปคาดผมไว้ มันทำให้ธารที่คอยสังเกตเธออยู่ตลอดเวลาเห็นว่า ตาของเธอบวมเล็กน้อย เหมือนคนร้องไห้หรือพักผ่อนไม่พอ

“นังเต้ ปากนะปาก ปากไม่ดีนะหล่อน” รัญญาขึงตาใส่อรนิต ที่กะพริบตาปริบๆ แล้วอุทานออกมาเบาๆ

“อูย...นี่เพื่อนพูดอะไรไม่ถูกไปใช่หรือเปล่าอะ”

“เออสิ ไม่ถูกหูอย่างแรงเลยล่ะ”

ปรียานุชกอดอก แล้วทำหน้าดุๆ ใส่เพื่อนสาวร่างอวบอีกคน สีรุ้งที่อรนิตกอดอยู่ถอนใจเบาๆ แล้วกอดอรนิตตอบ พร้อมกับหันมากวาดยิ้มให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองเธออย่างเป็นห่วง พลางโบกมือ

“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ ก็จริงของยัยเต้ เราน่ะเอาผัวเก่าเราทิ้งไปล่ะ แล้วเพื่อนๆ เราไม่ใช่ไข่แดง ไม่ใช่แก้ว ไม่ใช่อะไรที่เปราะบางหักง่ายขนาดนั้นหรอกน่า ทนฟังได้ ทนเล่าได้ ถ้าอยากรู้อะไรเล่าได้เราก็จะได้เล่า มันก็ดีกับเราด้วยล่ะ เพราะจะได้ระบายความ...รู้สึกของเราบ้าง”

“จริงๆ นะยัยสี ทำใจพอได้แล้วล่ะสิ” รัญญาคล้องแขนเข้ากับเพื่อนสาว โดยมีอรนิตคล้องไว้แน่นอยู่ข้างหนึ่ง

“อื้อ...พอได้ล่ะ” สีรุ้งยิ้มกว้างจนตาหยี ยิ้มนั้นดูมีความสุขจริงๆ มันทำให้คนที่แอบมองอยู่พอจะคลายใจได้บ้างจากความเป็นห่วงเธอ

“พวกฉันน่ะหัวใจจะวายตอนได้ข่าว ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนั้น แต่...ฉันเชื่อล่ะ ว่าสีน่ะ เลือกสิ่งที่ถูกให้กับชีวิตแล้ว” รัญญายิ้มให้กำลังใจเพื่อนรัก

“ใช่ สีน่ะเป็นคนเก่ง หัวดี สวย รวย เพอร์เฟคออกขนาดนี้ แป๊บเดียว ก็มีผู้ใหม่โปรไฟล์ดี มาตามต้อยๆ แน่นอน อย่าได้ห่วงเลยเพื่อน” ปรียานุชว่า

“มาเดี๋ยวฉันจะพาไปทำบุญกันที่วัดพระใหญ่ จะพาไปไล่ซวย วัดนี้คือวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเกาะสมุยเลยล่ะ ฉันอยากจะขอพรก็มาขอที่นี่ แล้วก็ได้รัวๆ นะแกเอ๊ย” อรนิตเจ้าของพื้นที่เสนอขึ้นมาเลยทันที “แล้วพอเสร็จแล้วก็ไปกินอาหารทะเล ชมวิวกัน ก่อนจะไปจัดหนักจัดใหญ่ที่รีสอร์ตฉัน”

“จริงๆ แล้วแกน่าจะขอพรด้วยนะไปหนนี้” กำธรบอกกับสาวอวบ พร้อมกับทำตาวิบๆ

“ขออะไรอะ ไม่มีอะไรจะขอ” อรนิตขมวดคิ้ว มองเพื่อนชายอย่างสงสัย กำธรเลยทำเสียงสูง

“ขอผัวยังไงล่ะเพื่อน”

“โอ๊ย! ไอ้ไก่ แกจะมาให้ฉันขอผัวจากพระนี่อะนะ ยกพรให้แกดีกว่าว่ะ ว่าให้เจอผู้หญิงจริงจัง รักจริงจังที่เมียไม่หนีไปมีชู้ดีกว่า”

“โหย...โหย...”

กำธรได้แต่ทำตาโตใส่เพื่อน อ้าปากค้าง แล้วกะพริบตาปริบๆ อย่างยอมจำนน ไอ้เรื่องเมียหนี นี่มันเป็นเรื่องที่เขาจะต้องโดนโจมตีตลอดเลยสิน่า

พวกเขาขึ้นไปบนรถตู้สีขาวของอรนิต เธอชี้ชวนบอกสถานที่ไปด้วยอย่างคนพื้นที่ ว่าที่ไหนเป็นอะไร สำคัญอย่างไร บอกถึงร้านอร่อยว่าอยู่ตรงไหน ตรอกไหน มุมไหน ฟังอรนิตพูดมากเข้าก็เล่นเอาเพื่อนๆ ถึงกับท้องร้อง แล้วคนที่ท้องร้องดังจนได้ยินชัด คือคนสำคัญที่สุดในทริปนี้อย่างสีรุ้ง ที่ถึงกับหน้าแดงเลยทีเดียว

“มัวแต่เศร้า ข้าวไม่กินล่ะสิ ฟังแค่นิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นหิว”

อรนิตเอ่ยล้อๆ สีรุ้งได้แต่ยิ้มเขินๆ ส่งให้ ธารก้มหน้าก้มตาค้นเป้ของตัวเองอยู่กุกกัก แล้วก็ได้สิ่งที่ต้องการ เขาสะกิดสีรุ้งเพราะเขานั่งเบาะหลังเธอ เมื่อหญิงสาวหันมา เขาจึงยื่นถุงขนมปังในมือส่งให้ พร้อมกับรอยยิ้มจนตาหยี

“เอาไปแก้หิวก่อนไหมรุ้ง”

“ขอบใจนะธาร” เธอยิ้มพร้อมกับรับขนมปังจากเขาไปแกะรับประทาน ก่อนจะหันมาเอ่ยชมเมื่อชิมไปคำแรก

“อร่อยจังธาร ของร้านที่ไหนนี่ ไส้เนยของโปรดเราเลย หอม นุ่ม ละลายในปากเลย”

“ผมทำเอง” ธารเกาศีรษะอย่างเขินๆ

“เมื่อวานตอนเย็น ยัยหมูน้อยอยากกิน ก็เลยชวนทำเสียเยอะเลย แจกลูกค้าไปบ้างก็ยังไม่หมด ผมเลยติดมาเผื่อว่าใครจะหิว มีเพื่อนๆ คนไหนอยากชิมบ้างไหม?”

พอเขาถามแบบนั้น แถมมีคนการันตรีความอร่อยและบรรยายรสชาติไว้เสียน่ากินอย่างสีรุ้ง ก็เลยยกมือสลอนกันทั้งรถ ขนมปังฝีมือเขาไส้ต่างๆ ถูกแจกจ่ายไปให้เพื่อนๆ ได้ลองชิมกันอย่างทั่วถึง

“นี่เราได้ไส้หมูหยองล่ะ โอ๊ย...อร่อยจังอะ เราว่านะเพื่อนน่ะไปเปิดร้านได้เลยนะนี่ คนเราน่ะเรื่องกินเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะคนกรุงน่ะ รับรองว่าต้องทำไม่ทันขายแน่ๆ” ปรียานุชว่า

“ทำเล่นๆ น่ะ ผมรักอาชีพหมอของผมมากกว่าทำขนม”

ธารตอบเสียงแน่วแน่ พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้ม อันเป็นลักษณะประจำตัวของเขา หนุ่มตี๋ หุ่นหมี ยิ้มตาสระอิ คือฉายาที่สาวๆ แอบตั้งให้ลับหลัง แล้วรอยยิ้มตาปิดของหนุ่มตี๋คนนี้ ก็ประทับใจคนที่ได้รู้จักเขา หมอธารเป็นคนน่ารัก ขนาดว่าหมาดื้อๆ แมวร้ายกาจมาเจอยิ้มหมอธาร มือของหมอธารเข้าไป ต้องสยบ ยอมนอนครางหงิงๆ ให้ทำอะไรต่อมิอะไรกับร่างกายของพวกมันแต่โดยดี

“นี่ถ้าเราอยู่ใกล้ๆ นะ จะผูกปิ่นโตเลยอะ ที่รีสอร์ตเรามีสัตว์เยอะอยู่นะ จริงสิ หมอธารนี่มาทำงานกับเราดีกว่า”

อรนิตชวนเอาดื้อๆ พร้อมกับทำตาหวานใส่เพื่อนไปด้วย เล่นเอากำธรถึงกับกระแอม

“แฮ่มๆ เพื่อนนะเว้ย นอๆ เก็บนอบ้าง ทำไมไอ้ธารมันฮิตจริงๆ นะ ทำไมไม่มองไก่บ้างอะสาวๆ หื้มมมม”

“กระจกที่บ้านมีไหมยะ ส่องดูสิ แล้วก็หันมามองหมอธารของพวกเราสิ ว่าทำไมคนโสดใจเปลี่ยวอย่างพวกฉัน ถึงได้แทะๆ เล็มๆ เอาอะ อิอิ”

ประโยคนี้มาจากปรียานุช แถมเจ้าหล่อนยังส่งกระจกพกมาให้อีกต่างหาก เล่นเอากำธรโบกมืออย่างยอมแพ้

“เออๆ ยอมแพ้เสน่ห์ความหล่อของหมอธารก็ได้วะ จะว่าไปแล้ว มองไปมองมา มึงชักจะหล่อว่ะ ไอ้ธาร ธารขา...ไหนๆ คนก็รุมจีบพี่กันหมดแล้ว น้องไก่ขอจีบอีกคนได้ไหมอะ”

“ไม่ได้”

ธารหัวเราะ แล้วรีบยกมือตั้งการ์ดเมื่อกำธรทำท่าจะถลาเข้ามาหาเขา ฝ่ายนั้นเลยบีบกล้ามแขนเขาเล่นแทน แน่นอนล่ะว่ามันแข็งแกร่งมาก จนกำธรถึงกับสูดปาก

“นี่มึงเล่นเวทประมาณไหนวะ ถึงได้กล้ามมาขนาดนี้”

“ก็เอาการอยู่ ต้องทำสม่ำเสมอนะ ถ้าสนใจจริงๆ เดี๋ยวสอนให้”

“เอาสิ เผื่อจะได้หุ่นล่ำๆ บึกๆ แบบมึงบ้าง”

“แต่แกน่ะเตี้ย ไอ้ไก่ ขืนเตี้ยแถมล่ำ ว้าย... ตอหม้อดีๆ นี่เอง”

“ไอ้ญา อยู่เฉยๆ คนไม่ว่าเป็นใบ้นะโว้ย”

กำธรโวย เสียงเพื่อนๆ คุยกัน เย้าแหย่กันแรงๆ เล่าเรื่องตลกให้กันฟังบ้าง แซวกันเองบ้าง ทำให้สีรุ้งหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข หลังจากที่เธอไม่ได้หัวเราะมาตั้งหลายวัน

มาหัวเราะดังตอนเมื่อคืนนี้ ตอนเห็นข่าวของอดีตสามีนั่นล่ะ เหอๆ

คิดแล้วนัยน์ตาคมสวยก็เปล่งประกายบางอย่างออกมา พร้อมกับกำมือเข้าหากันแน่น ถ้าเธอมีโอกาสแก้แค้นหักหน้าเขาบ้างเล็กๆ น้อยๆ สีรุ้งก็อยากจะทำบ้าง...ช่วยไม่ได้เขาอยากทำร้ายกาจกับเธอก่อนนี่นา ยามรักเธอก็รักมาก แต่พอมาเจอะเจอเข้ากับอะไรแบบนั้น ความรักที่ผ่านมาจึงหมดหายจางเกลี้ยง รวดเร็วเสียงกว่าน้ำค้างโดนแดด

น้ำตาของสีรุ้งสำหรับพันรบไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจแน่นอน มันคือน้ำตาแห่งความเจ็บใจต่างหากเล่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel