บทที่ 3
หย่าฟ้าผ่า ไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ สองไฮโซที่มีงานแต่งระดับใหญ่คับประเทศ งานแต่งระดับสิบล้าน หย่ากันเพราะอะไรนะ มือที่สามรึเปล่าหนอ? ข่าวลือหึ่งมาว่าฝ่ายชายมีคนใหม่มาดามใจแล้วจ้า
สีรุ้งย่นจมูกกับข่าวบันเทิงที่เปิดเจอ เออน่ะ...ตอนนี้ข่าวเรื่องหย่าของเธอและพันรบดังมาก ดังยิ่งกว่าข่าวตอนแต่งงานกันก็ว่าได้ จะว่าไปแล้วเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนดังอะไรมากมายขนาดนี้ สีรุ้งเป็นบิวตี้ บล็อกเกอร์ มีแฟนติดตามในสื่อโซเชียลจำนวนมาก เพราะหน้าตาของเธอที่สวยเก๋ไม่เหมือนใคร ความสามารถเรื่องการแต่งหน้า การพูดคุยที่สนุกสนาน ความจริงใจในการรีวิวของที่ใช้ ทำให้มีคนเป็นแฟนของเธอมากมาย และชื่นชมเธอเป็นไอดอลในดวงใจ ในเรื่องการรักษารูปร่าง และการทำงาน
สีรุ้งทำงานเป็นฝ่ายบริหารของธุรกิจครอบครัว อย่างธุรกิจประกอบรถยนต์ เธอก็บริหารมันแทนบิดาที่กำลังจะวางมือให้ลูกสาวคนเดียวได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ การที่เธอมีแฟนๆ ติดตามมันทำให้ธุรกิจของบิดาเหมือนมีคนช่วยโฆษณาไปด้วยในตัว และทำให้เธอต้องออกสื่อบ่อยๆ สีรุ้งกลายเป็นไฮโซสาวสวยมากฝีมือ ที่มีแต่คนหมายปอง และเรียกเธอว่าดอกฟ้าผู้เพียบพร้อม นั่นคือสิ่งที่สื่อตั้งฉายาให้เธอ
การเป็นดอกฟ้า...มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเหลิง หากทำให้เธอระวังตัวมากขึ้น ในการคบหาผู้ชาย เพราะคนที่เข้ามาหาเธอบางคน ก็ไม่ได้มาอย่างบริสุทธิ์ใจนัก ไม่ได้ชอบที่ตัวเธอ กลับชอบที่ชื่อเสียง และฐานะของเธอเพื่อเอาไปต่อยอดสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง
ขนาดว่าเธอเลือกแล้วเลือกอีก รั้งรอเวลามาแต่งงานเอาจนอายุสามสิบ...ใช่...เธอแต่งงานเมื่อขึ้นเลขสามแล้ว เพื่อนๆ หลายคนแต่งงานแซงหน้าเธอ มีลูกกันไปแล้วหลายคน แต่เธอเพิ่งจะตกลงปลงใจกับพันรบ เรื่องแต่งงานกันเมื่อต้นปี แต่ยังไม่ถึงกลางปี วิมานรักของเธอก็ล่มพังไม่เป็นท่าเสียแล้ว
นี่เธอเป็นคนโง่ใช่ไหมนั่น ถึงได้มองคนอย่างพันรบไม่ออก
คิดแล้วก็น้ำตารื้น จนต้องปาดมันทิ้ง แน่ล่ะ มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจที่ต้องสะบั้นรักกับผู้ชายที่คบหามาถึงห้าปีแต่เป็นน้ำตาแห่งความเจ็บใจ ที่ถูกหลอก...ราวกับเธอเป็นเจ้าสี่ขามีเขาก็ไม่ปาน เอ่อ...จะว่าไป เจ้าพวกนั้นมันอาจจะฉลาดกว่าเธอ มันยังแยกหญ้ากับดินได้ เหอๆๆ
โอ๊ย...ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห อยากจะเอาอะไรโยนใส่หัวอดีต....เรียกว่าอะไรดีล่ะ สามีได้ไหม? คิดอย่างประชดประชันตัวเอง โธ่หนอ...ก็นึกว่าที่ผ่านมาเขาให้เกียรติเธอถึงได้...ไม่ได้ล่วงเกินอะไรมากมายไปยิ่งกว่าหอมแก้ม จุ๊บเบาๆ จับมือ โอบ...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้เธอขมวดคิ้ว ใครกันนะติดต่อมาในเวลานี้ เรื่องที่เธอหย่าจากสามีกลายเป็นข่าวดัง จนเธอต้องหนีผู้คนอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว ไม่อยากให้สัมภาษณ์ใคร ไม่อยากทำอะไร เธอไม่ดูสื่อมาหลายวันแล้ว เพิ่งมาเปิดวันนี้ พอเปิดเจอข่าวของเธอเข้า สีรุ้งก็รู้สึกโมโหวูบขึ้นมาอีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะทำใจได้แล้วแท้ๆ
เธอหยิบมันขึ้นมาดู หมายเลขของเพื่อนสนิททำให้เธอถอนใจแรงๆ คงจะถามคำถามเดิมๆ นั่นแหละ นี่แหละที่เธอไม่อยากจะคุยกับใคร แต่เธอก็ไม่อยากให้เพื่อนคนนี้เสียน้ำใจ สีรุ้งมีเพื่อนที่นับว่าเป็นเพื่อนสนิทอยู่ไม่กี่คน รัญญาคือหนึ่งในนั้น
“เฮลโหล ยัยสี ไปเที่ยวกันดีกว่า นี่ๆ พวกฉันรออยู่ที่ข้างล่างนี่นะยะ จะให้ไปช่วยเก็บเสื้อผ้าหรือเปล่า”
คำทักทายที่ไม่คิดว่าจะได้ยินนั้น ทำให้สีรุ้งอึ้งๆ ไปครู่ เพราะตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะมาถามเรื่องการหย่าของเธอกับพันรบเสียอีก
“หืม? ไปไหน แล้วว่างหรือน่ะยัยญา พวกฉันนี่ พวกฉันไหน”
“ไปทะเลกัน ไปที่เสม็ด ไปเสร็จกันเหอะเพื่อนสาว”
รัญญาทำเสียงร่าเริง เสียงแหลมๆ ของเพื่อนสนิทวันนี้ มันทำให้สีรุ้งมีความสุขขึ้นอย่างบอกไม่ถูก หลังจากที่ปิดตัวเองไม่ติดต่อใครมาหลายอาทิตย์
“ไปเสร็จกับใครกันเล่า”
น้ำเสียงของเธอคงจะฟังแล้วสะดุดหูทางนั้น เพราะรัญญาเงียบไปครู่ ก่อนจะหัวเราะร่วนมาอีกหน
“เอาน่ะ เสร็จใครก็เสร็จล่ะเพื่อน เอาความทุกข์ไปถมทะเลกัน เร็วๆ นะหล่อน พวกฉันพร้อมรบมากงานนี้ ไม่ต้องพกเงินก็ได้นะคุณสี งานนี้ฟรีตลอดทริป ยัยเต้เป็นคนออกทุนจ้า แค่หล่อนอะอัพรีวิวลงในทุกสื่อของหล่อนรัวๆ เท่านั้น ระดับบิวตี้บล็อกเกอร์อย่างคุณสีรุ้งน่ะ แฟนติดตามเป็นแสน ยัยเต้ย้ำแล้วย้ำอีกนะ ว่าหล่อนจะต้องไปให้ได้ มีของดีของเด็ดรออยู่ที่รีสอร์ตด้วย”
“ของดีอะไร”
สีรุ้งยิ้มออกมาได้ น้ำตาเธอไหลออกมาด้วยซ้ำ เธอพอจะรู้ว่าทำไมรัญญาถึงเลี่ยงที่จะไม่คุยเรื่องหย่าของเธอ คงจะรู้ว่าเธอกำลังแย่นั่นแหละ แต่ที่รัญญายังไม่รู้ ก็คือเธอไม่ได้เศร้ามากมายกับการเสียผู้ชายอย่างพันรบ
แต่เธอกำลังโมโหที่กลายเป็นคนโง่มากกว่า
เงินแต่งงาน สินสอดทองหมั้นทั้งหมด เธอริบไว้หมดนั่นแหละ เป็นค่าแก้โมโห
แต่...
มันก็ยังโกรธอยู่ดีละ เฮ้อ...ยิ่งคิดยิ่งโมโห เลิกคิดดีกว่าเรา
“เอาน่ะ ไปแล้วจะกรี๊ดเวอร์ เหมาะกับคนโสดๆ อย่างเราๆ”
“โอเค รอไม่เกินยี่สิบนาทีจะลงไปด่วนเลย”
“พกชุดว่ายน้ำแซบๆ ไปด้วยนะแก”
รัญญาว่าส่งท้ายก่อนจะวางหูไป สีรุ้งยิ้มพร้อมปาดน้ำตา ก่อนจะสะบัดหน้าแรงๆ
“เอาน่ะ ยัยรุ้ง เอาความโมโห ไปทิ้งทะเลดีกว่า ช่างมันเหอะกับผู้ชายชั่วๆ แบบนั้น เราต้องลืมให้เร็ว แล้วก้าวต่อไปให้ได้ เป็นแม่หม้ายป้ายแดงแล้วนี่ สวย โสด ทำอะไรก็ได้ เหอะๆๆ”
หัวเราะกับตัวเองแบบนั้น แล้วก็ลุกขึ้นมาขยับตัว ตรงไปยังห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าไปทริปด่วนรักษาแผลใจ
แผลใจของสีรุ้ง แม่หม้ายสาวหมาดๆ ที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง!
\
…………………………………………………………………………………………………………
“ยัยสีมันจะไปจริงๆ น่ะเหรอแก”
ปรียานุชสะกิดรัญญา วันนี้พวกเขามีทั้งหมดสี่คน คือกำธร ธาร รัญญา และตัวเธอ ทริปนี้นัดกันเฉพาะคนที่สนิทกันเป็นพิเศษ เลือกแล้วว่าจะไม่ทำให้สีรุ้งมีความกระทบเรื่องจิตใจ กำธรใช้รถโฟวิลของตัวเองไปตะเวนรับเพื่อนๆ ก่อนจะไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน เพื่อเดินทางไปยังรีสอร์ตของอรนิตหรือ เต้ ที่กำลังจัดสถานที่เป็นพิเศษเพื่อต้อนรับเพื่อนๆ
“ไปสิ ก็บอกเองว่าให้รอแป๊บหนึ่งเดี๋ยวลงมา” รัญญาขยิบตาให้กับเพื่อน แล้วชี้นิ้วไปที่ตนเองพลางยืดอก
“ใครชวนล่ะ ก็ญาเสียอย่าง สีไม่ไปได้ยังไงกัน”
“ดีเหมือนกันนะที่รุ้งไปด้วย”
ธารมองไปยังลิฟต์อย่างจดจ้อง เขาเป็นคนเดียวที่เรียกสีรุ้งด้วยชื่อเล่นจริงๆ ของเธอ ส่วนคนอื่นจะเรียกตามที่รัญญาตั้งให้ใหม่ว่าสี เพราะตอนนั้นมีคนชื่อเล่นว่ารุ้งถึงสองคนในห้อง สีรุ้งจึงกลายเป็นยัยสีของเพื่อนๆ ไปเสีย แม้เจ้าตัวจะแอบย่นจมูกทุกครั้งที่ได้ยินตอนใหม่ๆ แถมบอกแล้วด้วยว่าสีน่ะเป็นชื่อของคุณทวด ฟังแล้วตอนใหม่ๆ ก็สะดุ้ง แต่เอาไปเอามาก็คร้านจะแก้จะบอก เธอเลยชินไปแล้วเวลาเพื่อนๆ ในกลุ่มเรียกเธอว่าสี
“ยัยเต้บอกว่าทริปนี้น่ะ จัดเพื่อยัยสี นอกจากจะจัดเพื่อตัวเองแล้ว”
ปรียานุชเอาไลน์ที่คุยกับอรนิตส่งให้กับรัญญาดู แล้วสองสาวก็พากันหัวเราะคิกคัก กำธรชักจะสงสัยว่าสาวๆ คุยอะไรกันเลยชะโงกหน้าจะแอบดู แต่โดนรัญญาเอามือยันหน้าไว้เสียก่อน พร้อมกับทำเสียงจุ๊ๆ
“ห้ามยุ่งนะตาไก่ ความลับของผู้หญิงย่ะ”
“เต้ลำเอียงว่ะ จัดให้แต่สาวๆ พวกเราสองหนุ่มล่ะ”
“โหย...ก็บอกกันไม่ใช่เหรอว่าทริปนี้เพื่อยัยสี จะมาโอดอะไรเล่าแกก็”
“อย่างว่าล่ะว้า เนาะธารเนาะ ไม่มีความยุติธรรมให้เราเพศชาย”
กำธรแกล้งทำเสียงสั่น แล้วทำท่างอนสะบัดสะบิ้งได้สมจริง รัญญากับปรียานุชหันมาเห็นเข้าพอดี ก็พากันหัวเราะ ธารเองก็อมยิ้ม เขาละสายตาจากเพื่อน หันไปจดจ้องกับลิฟต์อีกครั้ง เพื่อจะมองหาคนที่ทุกคนกำลังรอคอย
ร่างเพรียวสมส่วน ที่มีบางส่วนเด่นสะดุดตากว่าสรีระส่วนอื่น เดินเชิดออกมาจากลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์เปิด ท่าเดินลากกระเป๋าแล้วสับขาฉับๆ อย่างคล่องแคล่วเหมือนเดินบนเวทีแฟชั่นโชว์ บ่าไหล่ตั้งตรง บุคลิกดีชวนมองแบบนี้ ไม่มีใครทำได้เหมือนเธออีกแล้ว นอกจากสีรุ้ง
เธอสวมชุดเดรสยาวสีดำมีลายดอกชบาสีชมพูบานเย็นตัดกับสีพื้นและสีผิวของเจ้าตัว พร้อมหมวกใบใหญ่สีน้ำตาล มันขับเน้นกรอบหน้าเด่นชัด แว่นกันแดดสีดำกรอบแดงอันโตบดบังดวงตาของเธอและใบหน้าไปเกือบครึ่ง สีของมันเข้ากับลิปสติกสีแดงที่เธอทา มันทำให้เธอดูสวยทันสมัยและเปรี้ยวจี๊ด
สีรุ้งโบกไม้โบกมือให้กับเพื่อนๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ไม่มีท่าทีเสียอกเสียใจเลยสักนิด สองสาวลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งไปกอดเธอ ธารกับกำธรเองก็เดินเข้าไปหาเธอเพื่อช่วยเธอหิ้วกระเป๋า
“คุณสีขา เปรี้ยวปรี๊ดเลยนะคะ”
ปรียานุชเอ่ยอย่างหยอกๆ ชุดของสีรุ้งเป็นตัวเสื้อแบบผูกข้างหลัง ด้านหลังเปลือยเกือบถึงเอว อวดผิวสวยๆ เนียนไร้สิว และหน้าอกที่มีขนาดค่อนข้างล้นหลามของเจ้าตัว เวลาสวมเสื้อผ้าแบบนี้ มันทำให้หล่อนดูเซ็กซี่มาก
“ย่ะ...ต้องเปรี้ยวสิ เดี๋ยวแพ้พวกหล่อน”
สีรุ้งว่า แล้วหัวเราะ เธอยังไม่ถอดแว่นตาดำออก แต่ท่าทางไม่มีความทุกข์ หัวเราะพูดจาหยอกล้อกับทุกคน มันทำให้คนที่กำลังเฝ้ามองเธออย่างเป็นห่วง หายห่วงไปบ้าง...นิดหน่อย
“งั้นก็ลุยกันเลยสิ รออะไรละยะ ยัยเต้จัดของพิเศษไว้ให้พวกเราด้วยล่ะ”
รัญญาว่า แล้วเอาโทรศัพท์เปิดอะไรบางอย่างส่งให้กับสีรุ้งดู เธอดูแล้วก็อึ้งๆ ไปนิด ก่อนจะย่นจมูก พวกหนุ่มๆ ได้แต่สงสัยว่าทางอรนิตจัดอะไรไว้รอสาวๆ กันแน่นะ ถึงได้ทำหน้าทำตาอะไรกันแบบนั้น
มันจะเป็นอะไรก็ช่างล่ะ...แต่ถ้าทำให้สีรุ้งมีความสุขได้ ลืมสิ่งแย่ๆ ไป มันจะดีมากๆ เลย
หนุ่มล่ำคิดในใจ พลางแอบมองเพื่อนที่เขานึกเป็นห่วงอย่างสีรุ้ง ที่ตอนนี้ขึ้นมาบนรถของกำธรเรียบร้อยแล้วกำลังคุยสนุกกับอีกสองสาวอยู่ทางเบาะหลัง
ทุกคนที่เป็นเพื่อนกับสีรุ้งก็คิดแบบนั้นเช่นกัน จึงได้คิดอยากจะให้ทริปนี้เป็นทริปที่ทำให้สีรุ้งลืมเรื่องแย่ๆ นั้นไปเสีย พวกเขาไม่มีใครถามไถ่ถึงเรื่องหย่าของเธอกันเลยสักคน อย่างไม่อยากจะตอกย้ำแผลใจของเพื่อน
เพื่อนคนไหนของเราเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรัก เพื่อนแท้ ก็มองเห็นกันตอนลำบากใจ หรือลำบากกายนี่แหละ