ตอนที่ 6 ความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยน
ตอนที่ 6 ความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยน
และหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว บินลาท์ก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ สองพี่น้องจึงเดินมาส่งเขาที่รถ
“แวะมาที่นี่ได้ทุกเวลานะคะ ถือเสียว่าเป็นบ้านของคุณเอง” จัสมินกล่าวเชิญอย่างเป็นกันเอง
“ครับ ขอบคุณมากครับ ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าผมจะเข้ามาขออาหารฝีมือของคุณทานอีกสักมื้อนะครับ” บินลาท์ยิ้มหวานส่งมาไปให้หญิงสาว
“ได้เลยค่ะ ยินดีเสมอค่ะ”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะครับ” พูดจบชายหนุ่มก็ก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป และเมื่อแขกกลับไปแล้วอูซาลจึงหันมาหาพี่สาวพร้อมกับพูดขึ้น “ท่าทางบินลาท์จะรักท่านพี่มากเลยน่ะ”
“พี่รู้ แต่พี่กับเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” จัสมินหันมามองหน้าน้องชายก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านโดยมีอูซาลเดินตามมาติดๆ
“น่าเสียดาย ผู้ชายดีๆแถมขยันแบบนี้หายากน่ะท่านพี่” อูซาลบอกอย่างเสียดายแทนพี่สาว และนั่นก้ทำให้จัสมินหยุดเดินแล้วหันมาทางน้องชาย
“พี่เชื่อว่าสักวัน เขาจะต้องเจอผู้หญิงที่รักเขาและดีกว่าพี่”
“อืม...คงยังงั้น” ชายหนุ่มผงกศีรษะอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเดินแยกมาจากพี่สาวเพื่อตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่อยู่อีกด้าน ส่วนจัสมินก็มองตามหลังน้องชายไปพร้อมกับอมยิ้มและเดินกลับขึ้นห้องของตนเองเพื่อเตรียมตัวที่จะไปงานวันเกิดของชายคนรัก
ร่างบางในชุดแซกสีเขียวอ่อนมีระบายที่แขน ก้าวลงจากรถคันหรูด้วยหัวใจที่พองโต ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อบ้านที่เดินเข้ามาโค้งให้กับเธอ
“คุณมาริคให้เรียนคุณผู้หญิงว่าให้รอสักครู่ เพราะคุณมาริคเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครู่นี้เองครับ”
“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” จัสมินคลี่ยิ้มให้พ่อบ้าน
“เชิญด้านในครับ” พ่อบ้านกล่าวอย่างเชื้อเชิญก่อนจะเดินนำหน้าไป โดยมีจัสมินเดินตามหลังไปติดๆ จนกระทั่งมาถึงห้องรับแขก เธอจึงกล่าวขอบคุณพ่อบ้านพร้อมกับยิ้มให้อีกครั้ง “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” พ่อบ้านก้มศีรษะลงก่อนจะเดินจากไป
มาริดาเม้มริมฝีปากเข้าหากันเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดสีเขียวอ่อนเดินหายเข้าไปทางห้องรับแขก และแววตาชิงชังก็ลุกวาวขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางห้องของญาติหนุ่มพร้อมกับกล่องของขวัญในมือ
“ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูทำให้ร่างสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหยุดชะงักแล้วหันไปมอง คิ้วหนาของเขาขมวดมุ่นเมื่อเห็นญาติสาวเดินยิ้มเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ
“มีอะไร?” มาริคถามเสียงห้วนๆ เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามารบกวนในเวลาที่รีบเร่งของตนเอง
มาริดาคลี่ยิ้มให้พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้แล้วส่งกล่องของขวัญให้ญาติหนุ่ม “หม่อมฉันเอาของขวัญวันเกิดมาให้เสด็จพี่ แล้วก็จะเข้ามาบอกกับเสด็จพี่ว่าคนรักของเสด็จพี่มาถึงแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ห้องรับแขกเพคะ”
“จริงเหรอ งั้นเธอช่วยลงไปต้อนรับเขาก่อนนะ พี่ขอเวลาอีกสิบนาที” ชายหนุ่มบอกอย่างดีใจและรับกล่องของขวัญมาจากญาติสาวแล้ววางมันลงบนโต๊ะหน้ากระจกเงา
“เพคะ” หญิงสาวรับคำแล้วมองกล่องของขวัญของตัวเองที่ชายหนุ่มวางลงบนโต๊ะก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ “เสด็จพี่จะไม่เปิดของขวัญของหม่อมฉันดูหน่อยหรือเพคะ”
มาริคขมวดคิ้วแล้วหันมาทางญาติสาว และเมื่อเห็นสีหน้าที่สลดลงของอีกฝ่ายก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้ เขาจึงหันไปหยิบกล่องของขวัญมาเปิดดูแล้วก็คลี่ยิ้มให้หญิงสาว “ขอบใจนะ มันสวยมาก” คำขอบคุณนั้นทำให้ใบหน้าที่เศร้าสร้อยของมาริดาคลี่ยิ้มกว้างออกมาได้ “หม่อมฉันดีใจที่เสด็จพี่ชอบ งั้นใส่เลยสิเพคะ”
“ได้สิ” มาริคพยักหน้ารับแล้วสวมนาฬิกาลงบนข้อมือของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองญาติสาวอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น “พี่สวมนาฬิกาของเธอแล้ว และเธอล่ะจะลงไปต้อนรับแขกของพี่ได้หรือยัง”
“เพคะ ได้เพคะ หม่อมฉันจะลงไปต้อนรับคนรักของเสด็จพี่เดี๋ยวนี้” มาริดาลอบกระตุกยิ้มก่อนจะหมุนตัวเดินออกและหยุดยืนที่หลังบานประตูห้องที่ถูกปิดลง “ฉันจะต้อนรับแกอย่างดีเลย...นังจัสมิน” เธอพึมพำเบาๆก่อนจะเดินตรงไปยังห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่าง
มาริดาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องรับแขกพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ด้านในด้วยแววตาโกรธแค้น ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มแล้วเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะ คุณเป็นเพื่อนของมาริคใช่ไหมคะ” มาริดาร้องทักขึ้นและคลี่ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาใกล้กับจัส
มินก่อนจะพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “คุณ...คุณที่ร้านนาฬิกานั่นเอง เชิญนั่งค่ะ”
“คุณนั่นเอง ขอบคุณค่ะ” จัสมินยิ้มอย่างแปลกใจพร้อมกับนั่งลงที่เดิมแล้วจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า “โลกมันกลมจริงๆเลยนะคะ ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ฉันชื่อจัสมินค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อมาริดาค่ะ เจอกันถึงสองครั้งเพิ่งแนะนำตัวเอง” มาริดาแสร้งยิ้มเขินๆก่อนจะทำตามแผนการที่ตนเองวางเอาไว้ “ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะเป็นเพื่อนกับพี่มาริค แล้วนี่เอาของขวัญไปให้คนรักแล้วหรือยังคะ”
“ยังเลยค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”
“ให้แล้วค่ะ เพิ่งเข้าเอาไปให้เมื่อครู่นี่เองค่ะ เดี๋ยวเขาก็คงจะใส่ลงมา รอสักครู่นะคะพอดีเราเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวข้างนอกกันมา เอ่อ...นี่ค่ะสวยไหมคะ เพชรแท้ 100% เลยนะคะเนี่ย พี่มาริคเขาชอบทำให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อยเลย” มาริดายื่นนิ้วนางข้างซ้ายไปตรงหน้าของจัสมิน และมันก็ทำให้รอยยิ้มเมื่อครู่เริ่มจางหายไปแล้วแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่สงสัยและงุนงงขึ้นมาแทน
มาริดาลอบมองอาการที่กำลังสับสนและงุนงงของอีกฝ่ายแล้วลอบยิ้มเยาะก่อนจะพูดต่อ “พี่มาริคเป็นคนรักที่วิเศษมากเลยคะ เขาเป็นคนช่างเอาอกเอาใจ และเป็นสุภาพบุรุษที่สุดด้วย แถมยังรู้ใจฉันมากที่สุดด้วยนะคะ”
คราวนี้จัสมินถึงกับตัวชาและเย็นวาบไปทั่วสันหลังเมื่อได้ยินคำพูดของมาริดาอย่างชัดเจน ‘มาริคมีคนรักอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของเขา นี่เราโดนเขาหลอกเข้าให้แล้วเหรอ’ หญิงสาวนั่งคิดในใจอย่างสับสนและขอบตาก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้น แต่เจ้าตัวก็รีบกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำใสๆที่มันเอ่อขึ้นมาที่ขอบตากลับเข้าไปอย่างเดิม จากนั้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับคำถาม
“คุณ...เป็นคนรัก..ของมาริคเหรอคะ”
“ค่ะ เรารักกันมานานแล้ว แล้วพี่มาริคไม่ได้บอกคุณหรือคะเนี่ย แหม..พี่มาริคเนี่ยไม่รู้จะปิดเพื่อนๆทำไมกัน คนกันเองทั้งนั้น ว่าแต่วันนี้คุณไม่ได้พาคนรักมาด้วยเหรอคะ” มาริดาจีบปากจีบคอพูดแล้วแสร้งมองไปรอบๆห้องก่อนจะหันมามองหน้าจัสมิน ซึ่งราชนิกูลก็ฝืนยิ้มให้และปรับน้ำเสียงขณะพูดไม่ให้สั่นเครือ
“ปะ..เปล่าค่ะ พอดีเขาไม่วางน่ะค่ะ”
มาริดานึกกระหยิ่มในใจเมื่อแผนการของตนเองเริ่มได้ผล เธอจึงรีบใส่ไฟต่อเพื่อให้แผนการลุล่วงและสำเร็จด้วยดี “คุณไม่สบายหรือเปล่าคะ ดูหน้าซีดๆ เดี๋ยวฉันจะไปหายามาให้ทานนะคะ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เอ่อ...ฉันขอถามอีกข้อได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ ถามมาสิคะ ถ้าตอบได้ฉันยินดีจะตอบ”
“ฉันมาที่นี่หลายครั้งแล้วแต่ไม่เห็นเจอคุณเลยสักครั้ง”
“อ้อ..เรื่องนั้นเอง พอดีฉันจะมาที่นี่ตั้งหลายครั้งแล้วค่ะ แต่พี่มาริคไม่ยอมให้ฉันมาไม่รู้เพราะอะไร คุณเป็นเพื่อนของเขาพอจะรู้ไหมคะว่าเขาแอบมีใครอยู่ที่นี่หรือเปล่า” มาริดาแกล้งถามพร้อมกับยิ้มเยาะเมื่อเห็นอีกฝ่ายตาแดงก่ำแล้วก้มหน้าลง
“ไม่ค่ะ เขาไม่เคยมีใคร ไม่เคยสนใจใครด้วย เขามีแต่คุณคนเดียว” จัสมินกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตากับมาริดา และเธอคิดว่าตัวเองคงนั่งอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว “เอ่อ...พอดีฉันปวดหัวมาก ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วหมุนตัวจะเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมาริดาลุกขึ้นมาดึงแขนของเธอเอาไว้
“อ้าว..แล้วจะให้ฉันบอกกับพี่มาริคว่ายังไงละคะ”
“บอกเขาว่าฉันไม่สบายและขอให้เขามีความสุขในวันเกิดค่ะ ขอตัวนะคะ” จัสมินพูดโดยไม่ได้หันไปมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะดึงมือกลับ แต่มาริดาก็ยังไม่ยอมปล่อยหญิงสาวไปง่ายๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันให้คนไปส่งคุณเองนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ ลาก่อนนะคะ” จัสมินบอกด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวแล้วรีบวิ่งออกไปก่อนที่เสียงสะอื้นจะดังออกมาให้หญิงสาวอีกคนได้สงสัย
มาริดาอมยิ้มแล้วยืนมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่วิ่งหายไปกับความมืด ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้อง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นญาติหนุ่มเดินลงมาจากห้องพอดี
สายตาของมาริคมองกวาดไปทั่วเพื่อมองหาหญิงคนรักแต่พอไม่เจอก็หันมาทำสายตาดุใส่ญาติสาว
“จัสมินล่ะ จัสมินอยู่ที่ไหน? แล้วเธอมายืนทำอะไรตรงนี้?”
“เอ่อ...คือว่าคนรักของเสด็จพี่บอกว่ามีธุระด่วน จากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปเลย” มาริดาวางสีหน้าเรียบเฉยขณะพูดและเอามือไพล่ไปทางด้านหลังเพื่อถอดแหวนเพชรของตนเองเก็บลงกระเป๋าเสื้อด้านข้าง
“ธุระอะไรกันเธอรู้หรือเปล่า แล้วทำไมไม่ให้คนขับรถของเราไปส่ง” มาริคบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ พร้อมกับมองจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาขุ่นเคือง
“หม่อมฉันบอกแล้วแต่เธอไม่ยอม เอ่อ...ว่าแต่เสด็จพี่แน่พระทัยนะเพคะว่าคนรักของเสด็จพี่รักเสด็จพี่จริงๆ” หญิงสาวพูดออกไปแล้วก็ต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาที่ดุดันของญาติหนุ่มทันที
“หยุดนะมาริดา!” เขาตวาดเสียงแข็งและมองจ้องญาติสาวเขม็ง “เธออย่ามาใส่ร้ายจัสมินเป็นอันขาด จัสมินไม่ใช่ผู้หญิงเหลวแหลกแบบนั้น พี่คบใครพี่ย่อมต้องรู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนยังไง”
“ทำไมต้องดุด้วยล่ะเพคะ หม่อมฉันเป็นห่วงเสด็จพี่นะเพคะ กลัวว่าเสด็จพี่จะโดนหลอก แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มีท่าทางพิรุธด้วย เธอโทรศัพท์แล้วก็รีบออกไป” มาริดาแกล้งสร้างเรื่องให้เป็นเหตุเป็นผลกัน และมันก็ดูเหมือนจะได้ผลด้วย เมื่อชายหนุ่มยืนนิ่งเหมือนกับใช้ความคิด แล้วครู่ต่อมาเขาก็วิ่งตรงไปที่โรงรถ โดยมีหญิงสาววิ่งตามไปติดๆพร้อมกับร้องถามญาติหนุ่ม
“เสด็จพี่จะไปไหนเพคะ? มันค่ำแล้วนะเพคะ”
“จะไปหาจัสมิน เพราะเธออาจมีเรื่องเดือดร้อนที่บอกพี่ไม่ได้ก็ได้ ” มาริคบอกแล้วกระชากประตูรถเปิดออกก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว
มาริดาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งอ้อมไปอีกทางแล้วก้าวขึ้นไปนั่งข้างๆกับเขาแล้วหันไปมองหน้าญาติหนุ่ม “หม่อมฉันจะไปด้วย มีอะไรจะได้ช่วยกัน”
มาริคจ้องมองหญิงสาวอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วพารถยนต์ส่วนตัวของตนเองแล่นออกจากโรงรถอย่างรวดเร็วโดยมีมาริดาติดตามไปด้วย