ตอนที่ 6 งานชิ้นใหญ่
มณีอินถูกเรียกตัวมาด่วนพร้อมกับนพมาศน้องใหม่ของสำนักพิมพ์ปทุมวรรณ หญิงสาวเดินออกมาจากลิฟท์และตรงไปที่ห้องทำงานส่วนตัวซึ่งมีเพื่อนสาวของเธอนั่งทำงานอยู่ก่อนแล้ว
“ยัยนิดนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไม บก.ต้องเรียกฉันมาแบบสายฟ้าแลบแบบนี้” หญิงสาวร้องถามนิตยาเพื่อนคนสนิท ซึ่งเธอก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาที่จะตอบเหมือนกันเพราะว่าเธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“มาแล้วหรือคะพี่อิน นาศรอนานแล้วเชิญที่ห้องคุณลุงกันดีกว่านะคะ” นพมาศเปิดประตูเข้ามาและยิ้มหมิ่นๆให้กับสองสาวจนนิตยาอยากจะลุกไปตบหน้ายิ่งนัก
“ฉันล่ะหมั่นไส้ยัยนี้จริงๆเลย มาใหม่แทนที่จะเจียมตัว นี่อะไรทำท่าทางหยิ่งผยองจนน่าตบ” นิตยาค้อนตามหลังให้กับนพมาศที่เดินออกไปแล้ว
“ช่างเขาเถอะยัยนิด เราก็อยู่ส่วนเรา เขาก็อยู่ส่วนเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกันอยู่แล้ว” มณีอินวางกระเป๋าสะพายลงและเดินตามนพมาศไป
“นั่งซิอิน เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว” หญิงสาวจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับบรรณาธิการวัยกลางคน
“บก.มีเรื่องด่วนอะไรถึงเรียกเราสองคนมาคะ” หญิงสาวถามอย่างสงสัยและหันไปสบตากับหญิงสาวที่นั่งข้างกัน
“มีงานใหญ่มาให้ทางสำนักพิมพ์ของเราทำนะซิเรียกว่างานนี้ถ้าสำเร็จเราจะรวยกันยกใหญ่เลยนะ” อมรเดชมองหน้าลูกน้องสาวอย่างตื่นเต้น
“งานอะไรคะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับอินด้วย” หญิงสาวถามอีกครั้ง
“เกี่ยวซิ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่อารมณ์ศิลป์ที่อ่อนโยนและบรรยายมันออกมาได้อย่างเห็นภาพ แต่งานนี้ไม่ได้ให้เขียนนิยายนะ แต่เป็นนิตยสารท่องเที่ยวเชิงแนะนำประเทศ”
“เดี๋ยวนะคะ บก. อินเป็นนักเขียนนิยายนะคะไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่จะได้รู้เรื่องสถานที่ต่างๆและเอามาเขียนได้” มณีอินขัดขึ้น
“อย่าเพิ่งขัดซิอิน ที่เธอพูดมาก็ถูก เขาจึงให้เราเดินทางไปที่ประเทศของเขาโดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางเขาจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด” อมรเดชเดินมายืนเกาะเก้าอี้ของหญิงสาว
“แล้วคุณลุงจะให้เราไปประเทศไหนกันคะ” นพมาศถามอย่างตื่นเต้น
“ประเทศอัลไบม่า”
“มันอยู่ส่วนไหนของโลกกันคะคุณลุง”
“ทางตอนใต้ของทวีปแอฟฟิกาเหนือจ้ะ ฉันต้องการให้พวกเธอเตรียมตัวให้พร้อมให้มากที่สุดเพราะเรามีเวลาเตรียมตัวแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น” มณีอินหันมามองหัวหน้าของตนอย่างตกใจ
“อะไรนะคะ ใครจะไปเตรียมตัวทัน อินขอสละสิทธิ์นะคะ เพราะอินต้องรีบปิดต้นฉบับปลายเดือนนี้พอดี ให้คนอื่นไปก็แล้วกัน” หญิงสาวบอกปฏิเสธ
“แต่ไม่มีใครเหมาะเท่าอินอีกแล้วนะ” อมรเดชรีบพูด
“คนอื่นที่เก่งกว่าอินก็มีตั้งหลายคน หรือว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่อีกคะ บก.” หญิงสาวมองเขาอย่างคาดคั้น
“ไม่มีจ้ะ ไม่มีเพียงแต่ทางเขาระบุชื่อของพวกเธอมาก็เท่านั้นเอง แต่ผลตอบแทนมันมากมายเชียวนะตั้ง 5 ล้านบาทแน่ะ” หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อได้ยินค่าตอบแทนที่เป็นจำนวนเงินตั้งเจ็ดหลัก
“ทำไมมันมากมายขนาดนี้ล่ะคะ บก. มันน่าสงสัยนะคะ บก.ไม่สงสัยบ้างหรือคะ” หญิงสาวครุ่นคิด
“ไม่เห็นต้องคิดมากอะไรเลยพี่อิน เงินมากๆซิดีเราก็จะได้ค่าตอบแทนมากตาม” หญิงสาวรุ่นน้องให้ความเห็น
“งานนี้อินขอบายนะคะ หาคนอื่นแล้วกัน อินลานะคะ”
“เดี๋ยวซิอิน ยัยอิน” อมรเดชตะโกนเรียกหญิงสาวแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดหญิงสาวได้
“ทำเป็นเล่นตัว”นพมาศมองค้น อมรเดชหันมามองลูกสาวของเพื่อนรักตาเขียว
“หรือเธอจะไปทำงานนี้คนเดียวดี”
“โธ่คุณลุงก็รู้ว่ามาศยังใหม่อยู่ หาคู่ให้มาศใหม่ซิคะรับรองมาศจะไม่ทำให้คุณลุงผิดหวังเลย” หญิงสาวเข้าไปประจบและนวดแขนให้
“หนูออกไปก่อนลุงมีธุระจะคุยกับลูกค้า”
“ค่ะ” เมื่อนพมาศเดินออกไปแล้วอมรเดชก็กดเบอร์โทรศัพท์ไปตามตัวเลขที่ลูกค้าคนสำคัญให้ไว้ มีเสียงผู้ชายรับ “ฮัลโล ต้องการเรียนสายกับใครครับ”
“ขอสายคุณจามาลครับมีเรื่องจะคุยกับท่าน ผมอมรเดชครับ” เสียงเงียบไปสักครู่
“ผมจามาลมีธุระอะไรกับผม”
“คือว่าลูกน้องผมที่คุณระบุชื่อมาเขาไม่ทำงานนี้ครับเอาเป็นคนอื่นได้ไหมครับ” อมรเดชพูดเสียงเบา
“ไม่ได้ ไม่งั้นผมจะฟ้องบริษัทของคุณจะเอาให้ล้มละลายเลย คุณเลือกเอา จะเอาแบบไหน” ชายหนุ่มตวาดกลับมาและวางสายลง
“โธ่โว้ยคนอื่นมีก็ไม่เอา นี่ถ้าไม่ได้ราคามากขนาดนี้ ฉันไม่ยอมพวกแกแน่” อมรเดชวางโทรศัพท์ลงอย่างหัวเสีย เขาต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้มณีอินยอมทำงานนี้ให้ได้
ความเคลื่อนไหวของมณีอินอยู่ในสายตาของกาซิมโดยตลอด ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เขาเองก็ไม่รู้ว่านายหนุ่มของเขาสนใจอะไรผู้หญิงคนนี้นักหนาทั้งที่ของด่าเจ็บๆแบบนั้นต่อให้สวยแค่ไหนเขาก็คงไม่สนใจ ความเคลื่อนไหวของเธอถูกรายงานต่อไปยังจามาล ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ
“เราคงได้พบกันเร็วๆนี้แน่แม่สาวปากกล้า ฉันจะคอยดูซิว่าเมื่อเธอมาอยู่ในเงื้อมือฉันแล้วจะยังปากกล้าอยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มหัวเราะ ฮึ ฮึ ในลำคอ
“ผมไม่เข้าใจว่าทำนายต้องทำแบบนี้ด้วย ทั้งที่แค่นายกระดิกนิ้วผู้หญิงทั้งโลกก็แทบจะมาคุกเข่าต่อหน้านายอยู่แล้ว” นาธาล ถามอย่างสงสัย
“มันก็ไม่สนุกนะซิ มันต้องไล่ล่ากันแบบนี้ซิถึงจะสนุก” ชายหนุ่มบอกและยกแก้วไวท์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อหญิงสาวกำลังจะก้าวขึ้นบันไดห้องพัก เบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์เพื่อนสาวของเธอนั่นเอง
“มีอะไรยัยนิด”
“ยัยอินแกต้องกลับมาที่บริษัทด่วน เดี๋ยวนี้เลย” นิตยาพูดเสียงสั่นจนอีกฝ่ายตกใจรีบหมุนตัวกลับขึ้นรถและขับกลับไปที่บริษัทอีกครั้ง เมื่อมาถึงหญิงสาวก็เห็นผู้ชายแปลกหน้าสองคนกำลังนั่งคุยอยู่ที่ห้องของอมรเดชหน้าตาเคร่งเครียด มณีอินจึงหันไปถามเพื่อนสาวที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ก่อนแล้ว
“มันเกิดอะไรขึ้นนิดแล้วพวกเขาเป็นใคร”
“พวกเขาเป็นทนายความจะมาฟ้องร้อง บก.ที่รับเงินมาครึ่งหนึ่งแล้วแต่ไม่ทำตามสัญญาจะส่งคนอื่นไปแทนเธอ ตอนนี้กำลังคุยต่อรองกันอยู่” หญิงสาวไม่รอช้ารีบเปิดประตูห้องเข้าไปทันที
“บก. คะคืนเงินเขาไปก็หมดเรื่องแล้วนะคะ”
“มันมีคืนก็ดีนะซิ ผมเอาไปปรับปรุงโรงพิมพ์และจัดซื้อเครื่องใช้ในสำนักงานเราหมดแล้วจะเอาที่ไหนมาคืนให้คุณก็รู้ว่าผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น” อมรเดชมองหน้าหญิงสาวอย่างขอความเห็น
“คุณทนายคะ เราขอผ่อนใช้เป็นงวดไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวหันมาอ้อนวอนอีกฝ่าย
“ไม่ได้หรอกครับเพราะทางลูกความของเราก็จะเอาเงินก้อนนี้ไปจ้างบริษัทอื่นเหมือนกัน” หญิงสาวหน้าซีดแทบยืนไม่อยู่เหมือนกัน
“ถ้าพวกคุณไม่มีเงินมาคืนทางเราก็ต้องแจ้งความกับคุณอมรเดชและปิดที่นี่ก่อนจนกว่าจะมีการตัดสิน”
“ถ้าคุณปิดแล้วลูกน้องผมเขาจะไปทำงานที่ไหนกัน เขามีภาระกันทั้งนั้น” อมรเดชกล่าวเสียงเครียด มณีอินยืนฟังอยู่เงียบๆ เธอกำลังตัดสินใจบางอย่างที่จะช่วยเจ้านายของเธอ เขาเป็นคนดีเห็นใจลูกน้องทุกคนเงินที่ได้ก็ไม่คิดที่จะเก็บเข้ากระเป๋าตนเองเลยถ้าเธอไม่ช่วยก็คงดูใจดำไปหน่อยแล้ว
“บก. คะฉันจะรับทำงานนี้เองนะคะ” หญิงสาวหันไปมองเจ้านายและหันกลับมาทางทนายทั้งสอง
“คุณไปบอกลูกความของคุณด้วยว่า หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวของประเทศเขาจะวางแผงได้ในอีก 1 เดือนข้างหน้าแน่นอน” ทนายความทั้งสองหันมายิ้มให้กัน
“ดีครับ เราทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่ต้องมีเรื่องกันผมจะกลับไปรายงานให้เขาทราบ” ชายทั้งสองกล่าวลาอมรเดชและเดินออกไปจากห้อง มณีอินทรุดนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรง