ตอนที่ 5 ธาตุแท้ผู้ชายเจ้าชู้
หลังจากประชุมเสร็จทั้งสองสาวจึงเดินออกมาที่โรงรถ และมาเจอกับเพื่อนชายที่อยู่กองบรรณาธิการเดียวกัน
“ฉันล่ะหมั่นไส้เจ้าพวกนี้จริงๆ เห็นสาวสวยเข้าหน่อยก็ถึงกับตามคอยเอาใจ”
“เขาก็สวยจริงๆนี่นา ช่างพวกเขาซิเธอจะไปเดือดร้อนทำไม ขึ้นรถกันดีกว่า” หญิงสาวพูดชวนเพื่อนและขึ้นประจำที่คนขับ
“ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลยเธอสวยกว่าตั้งเยอะ ถือว่าเป็นลูกสาวเพื่อน บก. นะซิ ชื่ออะไรนะฉันจำไม่ได้แล้ว” นิตยาทำท่าคิด มณีอินอดขำเพื่อนสาวไม่ได้
“เขาชื่อ นพมาศ” หญิงสาวบอกกับเพื่อนที่นั่งข้าง
“เอ้อ นั่นแหล่ะ อะไรมาศนั่นแหล่ะ หญิงพูดยิ่งหิวใกล้ถึงหรือยังล่ะอิน ท้องฉันมันประท้วงแล้วนะ” นิตยาลูบคลำที่หน้าท้อง
“ใกล้แล้วเลี้ยวโค้งหน้าก็ถึงแล้ว” หญิงสาวบอกและเลี้ยวรถเข้าไปในซอยข้างถนน ซึ่งปลูกเป็นเรือนไม้ ยื่นออกไปกลางสระน้ำที่มีกอบัวหลากสีปลูกไว้ ลมธรรมชาติพัดเข้ามาทำให้ไม่ต้องใช้แอร์หรือพัดลมให้เปลืองไฟ
สองสาวเลือกโต๊ะที่ติดกับท้องทุ่งนา มณีอินมีความสุขที่ได้นั่งมองต้นข้าวสีเขียวๆยามเมื่อต้องสายลมเหมือนกับคลื่นในท้องทะเล
“ยัยอินดูผู้ชายคนนั้นซิหล่อเป็นบ้าเลยสงสัยเป็นลูกครึ่งแน่ๆเลยแถมยังรวยด้วยดูซิมีบอดิการ์ดคุ้มกันตั้งหลายคน” นิตยาชี้ชวนให้เพื่อนมองไปที่โต๊ะด้านหลังของหญิงสาว มณีอินมองตามสายตาของเพื่อนสาวไป แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าผู้ชายอย่างชัดเจน และทางฝ่ายนั้นก็หันมามองทางเธอเช่นกัน สีหน้าของชายหนุ่มบึ้งตึงขึ้น
มณีอินมองชายหนุ่มอย่างสมเพช ดีแล้วที่พี่สาวของเธอไม่ได้หมั้นกับผู้ชายคนนี้ ไม่งั้นคงต้องกินน้ำตาแทนข้าวแน่นอน หญิงสาวกันกลับมามองหน้าเพื่อนสาวอีกครั้งและพอดีกับที่อาหารมาเสริฟ
“หล่อๆแบบนี้สงสัยมีแฟนเป็นร้อยแน่เลย” นิตยายังแอบมองไปที่ชายหนุ่ม จนอีกคนนึกรำคาญ
“หล่อแล้วมันกินได้หรือเปล่าล่ะยัยนิด กินๆเข้าไปเถอะเดียวฉันจะไปส่งที่บ้าน ฉันยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะนะย่ะ” หญิงสาวบอกอย่างนึกรำคาญที่เพื่อนสาวพูดชื่นชมชายหนุ่มไม่ขาดปาก
ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวทั้งสองโดยลืมหญิงสาวที่เขาพามาด้วยเสียสนิทจนฝ่ายหญิงมองค้อนให้
“ขนาดมากับหนิงยังมองหญิงอื่นอีกหรือค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างงอนๆ
“ผมขอโทษนะครับเพียงแต่ผมรู้สึกคุ้นหน้าเขาเท่านั้นเอง ว่าแต่คุณหนิงจะทานอะไรต่อหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มมองหน้าสาวสวยที่เขาพามาด้วย
“ไม่แล้วค่ะ อิ่มจะแย่อยู่แล้ว เราจะไปไหนกันต่อคะ” หญิงสาวถามพร้อมกับส่งสายตาหวานให้เขา
“แล้วแต่คุณหนิงซิครับผมพร้อมทุกที่” ชายหนุ่มยิ้มใส่ตาหญิงสาว
“กาซิมเรียกมาเก็บเงินได้เลย ฉันจะไปรอที่รถ” ชายหนุ่มสั่งและเดินประคองหญิงสาวออกมาจากร้านมาที่ลานจอดรถและได้เจอกับมณีอินโดยบังเอิญ หญิงสาวหยุดมองฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า พร้อมกับยิ้มเยาะ ฝ่ายที่ถูกมองถึงกับหน้าตึง
“มองอะไรมิทราบย่ะ หรือว่าสนใจเขา เสียใจด้วยนะเขาเป็นแฟนฉัน ถ้าไม่อยากถูกตบก็รีบไปซะ”
“อ้าวแม่คุณ...ปากหรือนั้นนะเพื่อนฉันมองแล้วมันสึกหรอตรงไหนหรือไงย่ะ” นิตยาโกรธแทนเพื่อนสาว แต่มณีอินกลับยืนพิงประตูมองดูเหตุการณ์เฉยๆ มุมปากมีร้อยยิ้มเจืออยู่
“เอ๊ะ นังนี้เดี๋ยวแม่ตบหน้าแหก” หญิงสาวร้านอาหารเงื้อมือขึ้น
“หยุด!” มณีอินตวาดเสียงดังจนอีกฝ่ายชะงักกึก
“ไปกันเถอะนิดอย่าไปยุ่งเลย หมูเขาจะห่ามเราอย่าเอาคานเข้าไปสอดดีกว่า กลับกันดีกว่าคนอย่างนี้อย่าลดตัวลงไปเกลือกกลั้วด้วยดีกว่า” หญิงสาวบอกกับเพื่อนและก้าวขึ้นรถ ชายหนุ่มได้แต่ยืนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ใบหน้าแดงก่ำ
“กาซิมเรียกแท็กซีให้เธอด้วย” จามาลหันมาสั่งกาซิมและดันร่างบางของหญิงสาวให้ กุลธิดาทำหน้างงและวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม
“ไหนคุณบอกว่าจะพาหนิงไปเที่ยวไงคะ”
ชายหนุ่มหันมามองด้วยสายตาดุจนหญิงสาวนึกกลัว “ผมไม่มีอารมณ์คุณกลับไปได้แล้วเดี๋ยวคนของผมจะจัดการเรื่องค่าเสียเวลาให้คุณเอง” ชายหนุ่มกดปิดกระจก ในใจของเขาเดือดเป็นน้ำร้อน เขาโดนหญิงสาวคนนี้ด่าถึง
สองครั้งด้วยกัน ถ้าเป็นที่บ้านของเขา เธอคงไม่รอดมือเขาแน่แต่ที่นี่คือเมืองไทยเขาจึงทำอะไรไม่ได้
มณีอินเดินงัวเงียมาเปิดประตูห้องเมื่อมีเสียงคนเคาะประตู หญิงสาวมองผู้มาเยือนอย่างดีใจ กานต์ธีราและผู้กองคู่หมั้นมาหาหญิงสาวเพื่อมาขอบคุณที่เธอได้ช่วยพวกเขาไว้
“เชิญด้านในก่อนซิคะ ผู้กอง พี่กานต์” ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องของหญิงสาว กานต์ธีรามองไปรอบๆห้องของ
น้องสาวและยิ้มอย่างพอใจที่เห็นข้าวของจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบและสะอาด
“จัดห้องได้น่าอยู่ดีนี่”
“ก็จัดตามประสาคนโสดนั่นแหล่ะแบบสบายง่ายๆ” มณีอินยกน้ำเย็นมาให้ทั้งสอง
“ขอบคุณครับ” “ขอบใจจ้ะ”
“แล้วลมอะไรพัดพี่มาถึงที่นี่ได้คะ” หญิงสาวถามพี่สาว
“พวกเราจะมาขอบคุณน้องอินครับที่ช่วยพวกเราให้ได้สมหวังในรัก” ชายหนุ่มกล่าว
“ไม่เกี่ยวกับอินหรอกค่ะ เพราะพวกพี่มีรักมั่นต่อกันทุกอย่างก็เลยเข้าล๊อคของมันเอง แล้วจะไหนกันต่อหรือเปล่าคะแต่งตัวสวยเชียว” มณีอินแกล้งพูดแหย่พี่สาว
“คุณวุธจะพาพี่ไปเลือกแหวนและลองชุดแต่งงานกันเราได้ฤกษ์มาแล้วนะอีก 3 เดือนข้างหน้าจ้ะ”
“ยินดีกับพวกพี่ด้วยขอให้มีความสุขมากๆนะคะ” หญิงสาวยิ้ม
“ขอบใจจ้ะ พวกพี่ไปก่อนดีกว่าเราจะได้พักผ่อนต่อสงสัยจะเขียนนิยายจนลืมนอนล่ะซิงัวเงียแบบนี้” หญิงสาวยิ้มเขินๆให้กับว่าที่พี่เขยและพี่สาว แล้วเดินไปส่งคนทั้งคู่ที่ประตูห้อง
จามาลนั่งอ่านแฟ้มที่ลูกน้องคนสนิทนำมาให้เขาเมื่อเช้านี้ ชายหนุ่มใช้มือลูบคางสากๆของตนเองไปมา และยิ้มที่มุมปาก
“ สวยๆแบบนั้นไม่น่าจะยังโสดอยู่ หรือบางที่อาจจะเป็นแบบข้างนอกสุกใสข้างในตะติ้งโหน่งซะมากกว่า”
“แต่ฟังจากที่คนของเรารายงานมา เธอน่าจะยังบริสุทธิ์อยู่นะครับ เธอไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ” กาซิมรายงานนายหนุ่ม
“อย่างงั้นหรือ” เขาวางแฟ้มลงและเดินออกไปยืนมองนอกหน้าต่างห้องพัก
“กาซิมติดต่อประธานบริษัทของสำนักพิมพ์นี้ให้เราด้วย เรามีอะไรสนุกๆให้เจ้าเล่น” ชายหนุ่มหันมามองลูกน้องในตาพราว
“นายคิดจะทำอะไรครับ ถ้าเกิดท่านพ่อรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่อีกแน่เลย” กาซิมเตือนนายหนุ่มของเขา แต่จามาลมีหรือที่จะฟังใครง่ายๆ
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ