ตอนที่ 2 ผิดฝาผิดตัว
มณีอินพาคฑาวุธเข้ามาด้านในอย่างที่ไม่มีใครสงสัยเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนของเธอ แล้วเธอจึงพาคฑาวุธขึ้นไปพบพี่สาวที่ห้องแล้วปล่อยให้ทั้งคู่ได้ล่ำลากัน เธอยืนรออยู่ด้านนอกและมองออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณวุธ” เมื่อกานต์ธีราหันมาเห็นชายคนรักจึงโผเข้าไปหา
“อย่าร้องไห้ซิจ้ะกานต์ วันนี้คุณสวยมากนะ ผมคงไม่มีบุญพอที่จะได้คุณมาครอบครอง” คฑาวุธโอบกอดหญิงคนรักด้วยหัวใจที่แตกสลาย
“กานต์ไม่ต้องการแบบนี้เลยนะคะ”
“ผมเข้าใจที่รัก อย่าร้องไห้นะ ผมมาอวยพรให้คุณ ” เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาให้กานต์ธีราแล้วจูบที่หน้าผาก
“ผมขอให้คุณมีความสุขมากๆ และผมกำลังจะย้ายไปชายแดน”
“อะไรนะคะ ฉันไม่ให้คุณไปนะคะ” กานต์ธีราเขย่าตัวคฑาวุธ
“ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นคุณเป็นของคนอื่น ผมจึงต้องไป” เขาพูดให้เธอเข้าใจ แต่ยิ่งกลับทำให้กานต์ธีราร้องไห้ออกมาอีก
มณีอินเห็นรถเบนซ์สีดำวิ่งเข้าซอยมาทางบ้านของเธอแล้วตามด้วยรถยี่ห้อเดียวกันแต่เป็นสีบรอนท์เงินอีก 3 คัน วิ่งตามมาด้านหลัง พอรถจอดคนที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับก็ลงมาเปิดประตูให้กับคนที่นั่งมาด้านหลัง มณีอินเห็นผู้ชายอาหรับ 2 คนลงมาจากรถ คนหนึ่งอายุคงราวๆ 50 กว่าๆ ส่วนอีกคนอายุคงประมาณ 30 ปีเพราะน่าตาดูคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ความสูงคงประมาณ 180 เซนติเมตรน่าจะได้ สวมสูทสีน้ำเงินเข้ากับผิวสีแทนของคนสวม มณีอินคิดในใจ “คงเป็นคู่หมั้นของพี่กานต์ คงต้องรีบไปเอาตัวคุณคฑาวุธออกมาก่อนที่แม่จะมา”
“คุณวุธคะ รีบลงไปกันดีกว่าค่ะ คู่หมั้นพี่กานต์มาแล้วนะคะ” มณีอินเคาะประตูเรียกคนด้านในห้อง
กานต์ธีรารีบเช็ดน้ำตา ยืนมองคนรักอย่างคนที่ใจสลาย
“กานต์ขอให้คุณเจอคนที่ดีกว่ากานต์นะคะ” กานต์ธีราพูดแล้วฝืนยิ้มให้เขา
“ผมคงไม่รักใครอีกแล้วเพราะหัวใจผมมีแต่คุณ” เขาจับมือเธอมากุมไว้แล้วเสียงคนด้านนอกก็เร่งออกมาอีก
“เสร็จหรือยังคะ ” มณีอินเคาะเรียกอีกครั้ง
เมื่อประตูเปิดออกมณีอินจึงเข้าไปด้านใน มองสองคนสลับกันไปมาอย่างสงสารแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
“ตัดใจกันเถอะค่ะ ถ้าพี่ไม่คิดที่จะโต้แย้งแม่” มณีอินพูดออกมาอย่างตัดพ้อพี่สาว
“แต่ท่านมีบุญคุณกับเรานะอิน” กานต์ธีราท้วง
“บุญคุณกับความรักมันไม่เหมือนกันนะคะ”
“พี่ทำไม่ได้” กานต์ธีราทำตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีก เธอจึงบอกให้พี่สาวเติมแป้งอีกนิดเพื่อปิดรอยคราบน้ำตา แล้วจึงรีบพาคฑาวุธลงมาด้านล่าง เมื่อเธอกับคฑาวุธลงมาถึงชั้นล่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของบุคคลที่มาในงานทันที มณีอินไม่สนใจที่จะมองใคร จูงมือคฑาวุธออกมานอกบ้าน ทำเอาหนุ่มๆที่มองจ้องเธออยู่ถึงกับหงอยเพราะคิดว่าเป็นแฟนของหญิงสาว
“เป็นอย่างไรบ้างคะพี่วุธ” มณีอินหันมาถามเพราะสีหน้าเขาเครียดมาก
“เปล่าครับ ไม่เป็นไร”เขาตอบกลับมา
“เดี๋ยวอินเดินไปส่งค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผมกลับเองได้ครับ ขอบคุณน้องอินมากนะที่ช่วยให้พี่ได้พบกับกานต์เป็นครั้งสุดท้าย” เขากล่าวออกมาแล้วก็ส่งยิ้มมาให้
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้คุณโชคดีนะคะ สวัสดีค่ะ” มณีอินยกมือไหว้ แล้วมองตามหลังเขาไปจนเขาขึ้นรถ แล้วขับออกไป มณีอินไม่ได้เดินเข้าไปด้านในเธอหลบมานั่งเล่นที่ศาลาใต้ต้นอโศก ชื่อต้นไม้ฟังดูเศร้าแต่กลับให้ความร่มรื่นและเย็นสบาย
“คุณพ่อคะจะไม่มีปาฏิหาริย์จริงๆหรือคะ” มณีอินร่ำร้องในใจ
คุณประภาวดีเดินจูงมือลูกสาวคนรองลงมาจากห้องชั้นบน เพื่อมารอเวลาทำพิธีหมั้น กานต์ธีรายกมือไหว้แขกผู้ใหญ่ที่มาในงาน จนมาถึงว่าที่พ่อสามีและว่าที่สามีในอนาคต
“คนนี้ท่านอูลดา เป็นบิดาของท่านจามาล คู่หมั้นของลูก” กานต์ธีรายกมือไหว้แล้วส่งยิ้มให้
“คนนี้แหล่ะค่ะท่านที่จะหมั้นกับคุณจามาล” คุณประภาวดีพูดเสียงหวาน
“งามมากเลยครับ” ท่านอูลดาพูดเป็นภาษไทยแต่ก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากนัก
จามาลนั่งมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกเพราะเขาก็โดนบังคับมาเช่นกัน เขาก็มีคนรักอยู่แล้วเหมือนกันที่ประเทศของเขา เขายอมรับว่าผู้หญิงไทยสวยและน่ารักช่างเอาใจ และผู้หญิงคนนี้คงพูดไม่ยากถ้าเขาจะถอนหมั้นทีหลัง
เมื่อได้ฤกษ์สวมแหวนคุณประภาวดีก็มองหาลูกสาวคนเล็กแต่ก็ไม่เจอจึงได้ถามลูกสาวคนโต
“ยัยแอน เห็นยัยอินหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ”เสาวลักษณ์ตอบมารดา
“ยัยลูกคนนี้มันน่าจับตีซะให้เข็ด” คุณประภาวดีเน้นฟันอย่างโมโหลูกสาวคนเล็ก
“เอาละได้ฤกษ์แล้วคุณจามาลสวมแหวนได้เลยครับ” ท่านผู้ว่าซึ่งเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเอ่ยออกมา
กานต์ธีราไม่ยอมส่งมือให้จามาลจนคุณประภาวดีต้องดึงมือของเธอมาส่งให้จามาล กานต์ธีรามองหน้ามารดาอย่างอ้อนวอนแล้วน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาพร้อมกับดึงมือกลับ
“ไม่ค่ะ แม่หนูไม่หมั้นแล้ว” กานต์ธีราลุกแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องปิดประตูไม่ยอมให้ใครเข้าไป ด้านล่างวุ่นวายกับเรื่องที่เกิดขึ้นจามาลหน้าแดงด้วยความอับอาย และโกรธปนกัน
“ยัยแอนไปเอาตัวยัยกานต์ลงมาเดี๋ยวนี้เลย” คุณประภาวดีสั่งลูกสาวคนโต
“ค่ะ” เสาวลักษณ์รีบวิ่งขึ้นไปด้านบนทันที
“ใจเย็นๆก่อนนะคะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะทุกท่าน คุณจามาลอย่าเพิ่งโกรธนะคะ พอดีน้องแกตื่นเต้นไปหน่อย”คุณประภาวดีรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
มณีอินเดินเข้ามาในบ้านพอดีได้เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นถึงกับอมยิ้มที่พี่สาวใจกล้าที่จะไม่ทำตามใจมารดาของเธอ เธอยืนพิงขอบประตูด้านนอกมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น
“คุณแม่คะ ยัยกานต์ไม่ยอมลงมาค่ะ ไม่ยอมเปิดประตูด้วยค่ะ” เสาวลักษณ์เดินลงมารายงานมารดา
คุณประภาวดีทำอะไรไม่ถูกพอดีหันไปเห็นมณีอินเข้าจึงเดินเข้ามาหาและคว้าข้อมือดึงไปเข้าไปในครัวท่ามกลางสายตาของแขกที่มาร่วมงาน
“ยัยอินแกไปพูดอะไรกับพี่เขาถึงได้กล้าหักหน้าฉันแบบนี้” คุณประภาวดีบีบแขนลูกสาวแน่น
“เปล่านี่คะ พี่กานต์เขาคงคิดได้เองนะค่ะว่าเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนไม่ใช่ให้ใครมาบังคับ” มณีอินลอยหน้าลอยตาตอบมารดา จึงทำให้มารดามีอารมณ์โกรธมากยิ่งขึ้น
“แกต้องเป็นคนเสี่ยมสอนแน่ๆ ยัยกานต์ไม่เคยที่จะดื้อกับฉันเลย เขาเชื่อฟังคำสั่งของฉันมาตลอด”
“แล้วแต่แม่จะคิด” มณีอินแกะมือมารดาออกจากแขนแล้วเดินออกมาจากห้อง
“เดี๋ยวก่อนมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนยัยอิน” คุณประภาวดีวิ่งตามออกมากระชากตัวมณีอินให้หันมาหาตัวเอง