ตอนที่ 1 บุญคุณและความรัก
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดส่งเข้ามาภายในห้องเช่าของอพาทเม้นแห่งหนึ่งในเขต อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี มณีอินหรืออิน ใช้เป็นที่พัก เมื่อคืนเธอเร่งเขียนต้นฉบับส่งทาง สำนักพิมพ์จนดึก เธอเป็นนักเขียนอิสระมีพี่น้องด้วยกัน 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด พี่สาวคนโตทำงานเป็นพยาบาลและแต่งงานกับนายแพทย์โรงพยาบาลในตัวเมืองกาญจนบุรี ส่วนพี่สาวอีกคนเป็นเลขาอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และกำลังถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับลูกชายของคนอาหรับที่พ่อเคยช่วยเอาไว้ เขาเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยและเป็นที่จับตามองของพวกสาวไฮโซมากมายหลายประเทศ ที่เธอ
ออกมาอยู่ที่นี่คนเดียวเพราะไม่ต้องการให้มารดาจับคู่ตนเองกับใครเหมือนพี่สาวทั้งสองคน
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง ” เสียงโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้นรบกวนเวลานอนของมณีอินเป็นอย่างมาก เธอใช้มือคว้านไปที่หัวเตียง ทั้งที่ตายังหลับอยู่ แล้วยกขึ้นมาแนบหู พร้อมกับกรอกเสียงลงไปอย่างรำคาญ
“ฮัลโล มีธุระอะไรคะโทรมาแต่เช้า เอาไว้สายๆค่อยโทรมาไหมนะคะ” เธอทำท่าจะวางสายแต่เสียงต้นสายแหวใส่มาเสียก่อนทำให้เธอตาสว่างทันที
“ยัยอินตื่นได้แล้วนี้แม่เองนะ ”
“คะ ว่าไงค่ะแม่”
“แก่ยังไม่ออกมาจากห้องอีกหรือนี่มันจะ 7 โมงเช้าแล้วนะ”
“โธ่ แม่คะหนูเพิ่งได้นอนเมื่อกี้นี้เองนะคะ”
“แก่จำไม่ได้หรือไงว่าวันนี้เป็นวันหมั้นของพี่สาวแก” มณีอินรีบลุกพรวด เธอลืมไปแล้วจริงๆ
“ฉันให้เวลาแก่ 1 ชั่วโมงต้องมาให้ถึงบ้านภายในเวลาที่กำหนดไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ดู”
“ค่ะ ค่ะ หนูจะรีบไปค่ะคุณแม่จอมบงการ”
“เอ๊ะ ยัยลูก...” มณีอินไม่ปล่อยให้แม่เธอด่าจนจบเธอรีบวางหูไปเสียก่อน แล้วบิดขี้เกียจ ก้าวลงจากเตียงนอนแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ และออกมาพร้อมกับชุดแซกยาวแค่เข่าสีชมพูมีลูกไม้ที่ชายกระโปรง แขนเสื้อเป็นสายเดี่ยว รูปร่างของเธอเหมาะที่จะเป็นนางแบบมากกว่านักเขียน ด้วยรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวนวล ผมซอยสั้นแบบสาวทันสมัย ใบหน้าเรียวยาวจมูกโด่ง คิ้วดำ ตาโต ขนตายาวโดยไม่ต้องเสริมแต่ง ใครๆก็บอกว่าเธอมีหน้าตาเหมือนบิดาของเธอ บิดาของเธอเป็นทหารยศร้อยเอก และเสียชีวิตตอนที่ออกไปลาดตระเวนกับลูกน้องที่รอยต่อประเทศพม่าและไทย เธอภูมิใจในตัวบิดามาก
“พ่อคะ วันนี้พี่กานต์จะหมั้นแล้วนะคะถ้าพ่ออยากเห็นลูกสาวมีความสุขก็ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ด้วยเถอะค่ะ” เธอรู้ว่าพี่สาวของเธอรักชอบอยู่กับนายตำรวจคนหนึ่งแถวๆปทุมธานี เธอเคยเห็นเขาครั้งหนึ่งตอนที่เธอเข้าไปกรุงเทพฯและไปพักกับพี่สาวของเธอ เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากและใจดีด้วย
มณีอินขับรถมาถึงหน้าบ้านซึ่งอยู่อีกอำเภอหนึ่งบ้านของเธอเป็นบ้านสองชั้นด้านบนเป็นไม้และด้านล่างเป็นปูนแขวนฝ่าสีเขียวอ่อน ด้านหน้าบ้านเป็นลานสนามหญ้า มณีอินมองภาพเบื้องหน้าอย่างรัดทดใจ เธอเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงของจังหวัดหลายคนและเพื่อนที่เป็นทหารรุ่นเดียวกับบิดาของเธอ และชาวอาหรับอีกประมาณ 20 คนเห็นจะได้ คงเป็นงานใหญ่มากเพราะฝ่ายชายเป็นถึงลูกชายของเจ้าของบ่อน้ำมันและบริษัท
ส่งออกเส้นใยผ้าสังเคราะห์ที่ส่งออกไปทั่วโลก
“ป่านนี้แม่คงยิ้มแก้มปริไปแล้วมั้ง” มณีอินคิดในใจแล้วเดินลงจากรถตรงเข้าไปด้านในตัวบ้าน เธอเห็นพี่สาวคนโตเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสามี เธอจึงเดินเข้าไปหาแล้วยกมือไหว้
“ มาแล้วหรืออิน แม่จะกินแกได้ทั้งตัวแล้วนะท่าทางเขาโมโหแกมากด้วย” เสาวลักษณ์รับไหว้น้องสาวแล้วเดินมานั่งที่โซฟา
“ อินไม่อยากมาเลยค่ะ สงสารพี่กานต์เขาจังเลย ”มณีอินนั่งลงข้างๆแล้วพูดเสียงอ่อยๆ
“พี่ก็สงสารแต่จะทำอะไรได้ท่านเป็นแม่ของเรานะ”
“แล้วตอนนี้พี่กานต์อยู่ที่ไหนคะ”
“อยู่ในห้องแต่งตัวกับคุณแม่จ้ะ เราจะขึ้นไปหรือ” เสาวลักษณ์ถามน้องสาว
“ไม่ค่ะ ขี้เกียจทะเลาะกับแม่ค่ะ”
“เดียวเราก็ต้องเจออยู่ดี” ผู้เป็นพี่เขยเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ แขกเยอะแม่ไม่กล้าโวยวายแน่คะ”มณีอินรีบออกตัว เพราะรู้นิสัยแม่ของเธอดีว่ารักหน้าตาของตัวเองมากขนาดไหน
ทั้ง 3คนกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกจนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังมาจากทางบันไดบ้าน
“มาได้แล้วหรือย่ะแม่ตัวดี” คุณประภาวดีเดินลงมาแล้วพูดเหน็บลูกสาวคนเล็กพร้อมกับส่งค้อนให้
“ค่ะ อินยุ่งค่ะแต่ก็เหลือเวลาอีกตั้ง 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงฤกษ์หมั้นทำไมต้องให้อินมาแต่เช้าด้วยคะ”
“แกไม่คิดที่จะมาช่วยที่บ้านบ้างหรือไง”
“มาช่วยแม่หรือว่ามานั่งให้เหล่าบรรดาลูกๆของเพื่อนๆแม่นั่งมองคะ” มณีอินพูดตรงใจมารดา จนมารดาต้องส่งค้อนให้
“ฉันไม่อยากมีเรื่องกับแกหรอกนะ วันนี้ฉันอารมณ์ดี แกขึ้นไปดูพี่สาวแกด้วยนะ” คุณประภาวดีพูดจบแล้วเดินออกไปรับแขกด้านนอกที่ทยอยกันเข้ามาแล้ว
“พี่แอนไปด้วยกันไหมคะ” มณีอินหันไปถามพี่สาวคนโต
“ไม่ละจ้ะ พี่จะพาพี่สิทธิ์ไปหาอะไรทานก่อน ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ” เสาวลักษณ์ลุกขึ้นเดินนำหน้าสามีเข้าไปด้านในห้องครัว
มณีอินมองตามไป พี่สาวคนโตของเธอโชคดีที่คุณหมอประสิทธิ์เป็นคนดีและรักพี่สาวของเธอมากเขาจบดอกเตอร์มาจากอังกฤษและขอย้ายจากโรงพยาบาลในกรุงเทพมาอยู่กับภรรยาที่กาญจนบุรี มณีอินไม่ชอบวิธีการของแม่เธอเลยเธอจึงคิดต่อต้านมาตลอด “เฮ้อออ” มณีอินถอนหายใจอย่างแรงแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นไปหาพี่สาวคนรองที่ห้อง
“ก๊อก ก๊อก”
มณีอินเปิดประตูเข้ามาเธอเห็นพี่สาวเธอนั่งหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง มณีอินจึงเดินไปดูเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนมองมาทางห้องนี้ มณีอินรู้สึกคุ้นๆแต่ก็จำไม่ได้
“พี่กานต์เป็นอะไรคะ” มณีอินจับไหล่พี่สาวเบาๆ กานต์ธีราหันมามองหน้าน้องสาวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
“พี่กานต์เป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม” มณีอินใช้ทิชชูมาซับน้ำตาให้พี่สาวอย่างเบาๆเพราะกลัวแป้งจะลบออกหมด
“อิน พี่ไม่อยากหมั้นเลยพี่จะทำอย่างไรดี” กานต์ธีราหันมาสวมกอดน้องสาวไว้ มณีอินใช้มือลูบที่หลังอย่างปลอบโยน เธอสงสารพี่สาวจับใจ
“เขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้นะคะ ดูๆกันไปก่อนถ้าทนรับเขาไม่ได้แล้วก็ขอถอนหมั้นทีหลัง” มณีอินบอกพี่สาวเพื่อให้คลายกังวล
“แล้วเขาเป็นใครค่ะ อินรู้สึกคุ้นๆหน้าเขาจังเลยค่ะ” มณีอินถามพี่สาวถึงผู้ชายที่เดินอยู่นอกรั้ว
“คุณคฑาวุธไง คนรักของพี่เอง”
มณีอินเพิ่งนึกออก แล้วหันมามองหน้าพี่สาวซึ่งตอนนี้ตาแดง ถ้าแม่มาเห็นมีหวังโดนเล่นงานแน่ เธอจึงหยิบแป้งมาแต้มให้พี่สาวแล้วจับมือพี่สาวมากุมไว้
“เดี๋ยวอินจัดการเองค่ะ” มณีอินพูดแล้วลุกออกไปจากห้อง
คฑาวุธยืนมองคนรักที่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า อย่างคนหมดอาลัยตายอยาก เขากับกานต์ธีรารักกันมานานเกือบ 2 ปีแล้ว และเขากำลังจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเธอในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้าแต่เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว กานต์ธีราโทรศัพท์มาบอกว่าต้องเข้าพิธีหมั้นกับ จามาล อัลลาฟ มูนาอิน ลูกชายของเพื่อนบิดาที่บิดาของเธอได้ช่วยเขาไว้จากคนที่ลอบทำร้ายเขาเมื่อ 15 ปีก่อนตอนที่เขามาเที่ยวเมืองไทย และได้สัญญาว่าจะให้ลูกของทั้งคู่แต่งงานกัน เมื่อบิดาของกานต์ธีราเสียชีวิตไปก็ไม่มีใครคิดว่าสัญญานั้นจะยังอยู่และอูลดา อัลลาฟ มูนาอิน ได้กลับมาทวงสัญญาจากแม่ของหญิงสาว กานต์ธีราต้องทำตามแม่เพราะต้องตอบแทนบุญคุณของแม่ เขาแทบทรุดลงกับพื้นเมื่อแฟนสาวพูดจบ
“คุณคฑาวุธใช่ไหมคะ” มณีอินส่งยิ้มมาให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญของพี่สาว
“ใช่ครับ”เขาตอบกลับมา มณีอินมองเห็นรอยช้ำใต้ตาและรอยหมองคล้ำบนใบหน้า
“เชิญด้านในดีกว่าค่ะ” มณีอินกล่าวเชิญ
“คุณเป็นใครครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อนึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร
“ขอโทษทีค่ะ ที่อินลืมแนะนำตัว ดิฉันชื่อมณีอินค่ะเป็นน้องสาวของพี่กานต์ค่ะ” เขาพยักหน้าอย่างนึกขึ้นมาได้
“แล้วคุณแม่คุณเขาจะไม่ว่าหรือครับ” เขาทำท่าลังเลและเอ่ยถามถึงมารดาของเธอ
“ไม่หรอกค่ะ ท่านมัวแต่ตอนรับแขกที่เป็นเกียรติของท่านอยู่นะค่ะ “ มณีอินพูดถึงมารดาอย่างล้อๆ แล้วเดินนำหน้า คฑาวุธตรงเข้าไปในบ้าน
“ใครกันคะนั้นนะ” คุณหญิงโฉมฉายถามคุณประภาวดีเมื่อหันไปเห็นมณีอินเดินคุยมากับผู้ชายคนหนึ่ง คุณประภาวดีหันไปมองแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“คงเป็นเพื่อนของเขานั้นแหล่ะค่ะ” คุณประภาวดีตอบแบบเลี่ยงๆ
“หนูอินนี้ยิ่งโตยิ่งสวยนะคะ เสียดายที่ดิฉันไม่มีลูกชาย ไม่งั้นคงมาขอหนูอินแล้วค่ะ” คุณหญิงโฉมฉายพูดแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ