ตอนที่ 6 แฝดคนละฝา
เมษาหันไปเห็นโยเชฟที่เดินตาม เจ้าชายการีฟเข้ามาในงาน เมษามองตามชายหนุ่มไปจนเจ้าชายการีฟหยุดยืนทักทายแขกที่มาในงาน แต่ทว่าสายตาของเธอก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งมีใบหน้าคล้ายกบเธอยืนเคียงข้างอยู่กับชายหนุ่มที่มีรูปร่างค่อนข้างท้วมและเตี้ย หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะเหมือนกันมากขนาดนี้
“เม เมษา” มีนาเขย่าแขนเธอ หญิงสาวค่อยๆหันกลับมามองหน้าญาติสาว
“มีน ผู้หญิงคนนั้น” เมษาชี้นิ้วไปทางกลุ่มคนดังกล่าว มีนามองตามอารมณ์ไม่พอใจจึงเกิดขึ้น
“อ้อ..ยัยเอร่าผู้หญิงหน้าเงินคนรักเก่าของโยเชฟ ไม่คิดว่าจะมาในงานนี้ด้วย หน้าด้านจริงๆ ดูสิยังมีหน้ามายิ้มให้โยเชฟอีก มานี่เม ไปกับฉัน” มีนาดึงแขนเมษาให้เดินตามไป
“ไปไหนมีน”
“ไปช่วยฉันแกล้งคน หมั่นไส้คน” มีนาบอกแล้วดึงเธอเดินไปจนถึงกลุ่มที่เจ้าชายการีฟประทับอยู่ เอร่าอ้าปากค้างเมื่อเห็นเมษา เธอมองหญิงสาวตรงข้ามราวกับมองกระจกเงา “อะไรกันเนี่ย” เธออุทานมาเป็นภาษาพื้นเมือง
โยเชฟมองหญิงสาวทั้งสองซึ่งเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก การีฟหัวเราะชอบใจ “เหมือนกันมากจริงๆ ถ้าไม่เห็นด้วยตัวเองข้าคงไม่เชื่อว่าจะเหมือนกนขนาดนี้”
“ใช่เพคะ เหมือนกันมาก จะแตกต่างกันก็ตรงนิสัยใจคอ เมษาญาติของหม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจโลเลเหมือนผู้หญิงบ้างคน” มีนาค้อนให้เอร่าโดยเปิดเผย เอร่าได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง ‘นังชายาต่างชาติ ปากดีนักนะ ระวังตัวให้ดีเถอะ” เอร่าลอบคิดในใจ ความอ่อนโยน อ่อนหวานที่ทุกคนเห็นมนเป็นแค่ปลอกนอกที่หุ้มตัวตนที่แท้จริงของเธอเอาไว้เท่านั้น
“ท่านทั้งสองสบายดีอยู่หรือ” มีนายิ้มเยาะๆให้เอร่า
“พระเจ้าค่ะ ข้ากบภรรยาสบายดี นางเป็นภรรยาที่ไม่มีใครเทียบได้ อ่อนโยน อ่อนหวานน่ารัก สมเป็นแม่ศรีเรือนทุกอย่างพระเจ้าค่ะ” เอลโยตอบกลับมีนาจนแทบสะอึก เอร่าอมยิ้มอย่างพอใจ
“หึ เหรอ ข้ายินดีด้วยที่ท่านได้ภรรยาดี ขอให้ดีตลอดรอดฝังเถอะนะท่าน อย่าล้มกลางทางล่ะเอร่า” เธอหัวเราะในลำคอก่อนจะหันมามองเมษาที่ยืนมองนิ่งอยู่เงียบๆ เมษาสังเกตเห็นโยเชฟลอบมองเอร่าเป็นระยะและชายหนุ่มก็เดินไปอีกทาง
“ท่านพี่ข้าขอไปหาอะไรทานสกนิดเดี๋ยวจะตักมาเผื่อท่านพี่ด้วย” เอร่าพูดจาอ่อนหวานใส่สามีก่อนจะเดินจากไป มีเพียงเมษาเท่านั้นที่เห็นว่าหญิงสาวเดินไปทางเดียวกับที่โยเชฟเดินไป เมษาจึงหลบออกมาเงียบๆเดินตามทั้งสองคนไป
โยเชฟกอดอกเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์เต็มดวงสีเหลืองนวลบนท้องฟ้าอย่างคนคิดหนัก เขายอมรับว่าเห็นหญิงคนรักอยู่กบชายอื่นแล้วเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก เขาเคยสั่งตัวเองว่าควรจะเกลียดนางแต่ใจของเขากลับทำตรงกันข้าม ยิ่งเกลียดก็ยิ่งรักนางเขาทนไม่ได้ที่เห็นนางยืนเคียงข้างอยู่กับชายอื่น
“ที่รักของข้า” เอร่าโอบกอดโยเชฟจากทางด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มตกใจรีบแกะมือของเธอออก
“อย่าทำแบบนี้เอร่า ใครมาเห็นเข้าเจ้าจะเสียหาย ข้าเองก็จะเสียหายด้วย เจ้าเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว”
“แต่ข้าไม่ได้เต็มใจแต่งกับเอลโยเลยนะท่านก็รู้ว่าข้าถูกบังคับ เห็นใจข้าเถิด ข้ารักท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่รักของข้า” เอร่าเดินข้าไปสวมกอดชายหนุ่มอีกครั้งและคราวนี้โยเชฟก็ไม่ได้ผลักไสนางแต่อย่างใด
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เจ้าก็เป็นของชายอื่นแล้ว”
“แต่หัวใจของข้ายังเป็นของท่านนะโยเชฟ ชายที่ข้ารักคือท่านเพียงผู้เดียว” หญิงสาวซุกหน้าลงกับอกกว้างของเขามือโอบกอดเขาแน่น
“เอร่า” โยเชฟเรียกเธอเสียงแหบพร่า ใบหน้างามแหงนเงยขึ้นมองซบนัยน์ตาสีน้ำตาลของเขานิ่ง โยเชฟก้มหน้าต่ำลงมาหาริมฝีปากเรียวสีแดงนั้น
“ไม่อายแก่ใจกันหรือไง” เสียงหนึ่งดงขึ้นทำให้หญิงชายทั้งคู่ผละออกจากกันโดยเร็ว เมษาก้าวออกมาจากต้นไม้ด้านหลังยืนกอดอกมองทั้งคู่อย่างตำหนิ
“คุณ” โยเชฟอุทานอย่างตกใจ เอร่ายืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก
“พวกคุณคิดจะทำอะไรกัน เป็นชู้มันบาปนะ”เธอมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่ในใจกำลงข่มขืนอย่างหนัก
“แล้วคุณมาทำอะไรตรงนี่” โยเชฟถามอย่างไม่พอใจ มองหญิงสาวตาขวาง
“ก็ออกมาเดินเล่นแต่ไม่คิดว่าจะมาเห็นภาพอุบาทแถวนี้ คุณก็รู้ว่าเธอมีสามีแล้วยงคิดจะยุ่งกับเธออีก ถ้าทางอยากตกนรกมากสินะ” เมษาหัวเราะเยาะ
“ผมไม่มีจิตใจคิดชั่วช้าอย่างคุณหรอกคุณเมษา ผมแค่...”
“แค่อะไร แน่จริงพูดออกมาสิว่าแค่อะไร ถ้าฉันไม่ร้องห้ามพวกคุณป่านนี้ก็คง...ไม่อยากคิดมันทุเรศ” หญิงสาวหันมาทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนมองตาปริบๆก่อนจะชี้หน้าต่อว่า
“เธอก็เหมือนกัน มีสามีแล้วยังมาหาผู้ชายอื่นหน้าไม่อายจริงๆ” เมษาพูดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเอร่าก็เข้าใจได้เพราะเธอก็ร่ำเรียนมาไม่น้อย
“กรี๊ดดดดด แกกล้าดียงไงมาว่าข้า นัง...” เอร่าเงื้อมือขึ้นตรงเข้ามาหาเมษาหมายจะตบให้ล้มลงไปกองที่พื้น แต่คนที่ลงไปกองที่พื้นกลับเป็นเอร่าเอง
“ทำผิดแล้วยังมาโว้ยว้ายอีก อยากให้สามีเธอรู้เรื่องนี้หรือไง”เมษายืนเท้าเอวมองคนที่ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างสะใจ “เห็นผลกรรมมันตามทันแล้ว” หญิงสาวบอกแล้วเดินหนีไปดื้อๆ โยเชฟเกรงว่าเธอจะไปบอกเอลโยสามีของเอร่าจึงวิ่งไปดึงตัวหญิงสาวออกไปจากงาน เมษาสะบัดแขนออกมามองเข้าตาเขียวปัด
“ปล่อยฉัน คุณจะทำอะไร”
“คุณนั่นแระจะทำอะไร อย่าบอกกับเอลโยเรื่องที่ผมจะจูบกับเอร่าเหรอ” เขาถามตรงๆ เมษายิ้มเยาะ “ที่แท้ก็กลัวว่าฉันจะไปบอกความเลวของตัวเองงั้นสิ ถ้าฉันจะบอกล่ะคุณจะทำอะไรฉันได้”
“คุณ..” โยเชฟชี้หน้าหญิงสาว
“ถ้าคิดจะทำเลวก็อย่ากลัวว่าผลกรรมที่ตามมาสิ”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น” เขาบอกอย่างสำนึกผิด เขาปล่อยใจมากเกินไปดีที่เมษาเข้าไปทันไม่งั้นเขาคงทำเลวจริงๆ
“แค่อารมณ์ชั่ววูบ หึ แล้วที่คุณลากฉันมาแบบนี้ต้องการไม่ให้ฉันบอกสามีของคนรักคุณ” เมษาเชิดหน้าขึ้นมองสบตาเขา
“ใช่ คุณต้องการอะไรผมจะทำให้ทุกอย่าง”
“จริงเหรอ” เธอถามยิ้มๆ
“จริง คุณต้องการอะไรบอกมาผมยอมทำทุกอย่าง” เขาเน้นเสียงหนักแน่น เขาไม่ต้องการให้เอร่าเดือดร้อน
“เพื่อเอร่า คุณยอมทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ” หญิงสาวปวดแปลบที่หัวใจ
“ถ้าฉันจะให้คุณคบกับฉันเป็นแฟนบ้างละคุณทำได้หรือเปล่า” คำขอของเธอทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง มองหน้าเธอด้วยแววตาเกลียดชัง เมษาฝืนยิ้มออกมา
“ว่าไงทำได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ฉันก็จะไม่บอกใครเรื่องนี้”
“ได้ ผมยอม แต่ผมไม่คิดว่าผู้หญิงแบบคุณจะหาผู้ชายไม่ได้จนต้องทำแบบนี้” โยเชฟตำหนิเธอเป็นนัยๆ เมษาหันหลังให้เขาเพราะรู้สึกร้อนที่ขอบตาขึ้นมาดื้อๆ
“แล้วแต่คุณจะคิด” หญิงสาวยกไหล่แล้วเดินจากมา โยเชฟวิ่งตามเธอมา “เดี๋ยวสิ แล้วเรื่องของผมกับเอร่า” เธอหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ใช่คนปากมาก”
“แล้วผมจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองเมื่อไร”
“ไม่ต้อง เงื่อนไขถูกยกเลิก ฉันรู้แล้วว่าคุณรักผู้หญิงคนนั้นมากจนยอมทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง” เมษาหันหลังวิ่งออกมาก่อนที่เขาจะเห็นน้ำตาของเธอ เธอไม่ได้กลับเข้าไปในงานอีกแต่มุ่งตรงกลับห้องของตนเอง ความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเข้าใจได้ ไม่สามารถบอกใครได้มันเจ็บแบบนี้นี่เอง โยเชฟมองตามหลังหญิงสาวไปจนลับสายตา เขาเดาไม่ถูกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมชอบเขามาวุ่นวายกับเขามากนัก
แคว้นคาร์ดาล
ภายในห้องชายาโซฮิมา ชายาเอกของชีคจิสยาฮาทผู้ปกครองแคว้นคาร์ดาล ปุโลหิตฮาริมายิ้มอย่างพอใจ “พ่อคิดว่าแผนการของเรากำลังไปได้สวยนะโซฮิมา”
“ใช่ค่ะท่านพ่อ ตอนนี้ข้าก็ให้พระองค์ดื่มยากล่อมประสาทของท่านพ่อทุกวันจนครองสติตัวเองไม่ได้แล้ว เราบอกให้ทำอะไรก็ทำตามทุกอย่างแล้ว สมใจข้านัก ข้าเฝ้าเทิดทูลและรักพระองค์เสมอมาแต่พระองค์กลับไปคิดถึงนังผู้หญิงแพศยาคนนั้น นังอะมีย่า จะกี่ปีๆพระองค์ก็ไม่ลืมมันเลย ข้าเจ็บใจนักท่านพ่อ” โซฮิมาขบกรามอย่างคับแค้นใจ
“ใจเย็นๆลูก ใกล้ได้เวลาที่หลานจามูซาของข้าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ รออีกไม่นานถ้าฝ่าบาทสวรรคตเมื่อไร ลูกของเจ้าก็ได้ขึ้นครองราชย์อย่างแน่นอน ส่วนคนๆอื่นเจ้าอย่าเป็นห่วงพวกมันไม่กล้าจะคิดต่อกลอนกับเจ้าแน่” ผู้เป็นบิดาหันไปยิ้มกับบุตรสาวด้วยความยินดี
“ข้าแทบจะรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว ข้าจะผสมยาให้มากขึ้นมันจะได้ตายเร็วๆ”
“ไม่ได้ ถ้าผสมมากไปหมอหลวงจะตรวจรู้ ใจเย็นๆลูกพ่อถึงยังไงบัลลังก์แห่งคาร์ดาลก็ต้องเป็นของจามูซาแน่นอน จากนั้นพ่อก็จะบุกไปชิงบัลลังก์ขององค์สุลต่านอัลบาฮา พ่อจะขึ้นครองมาราคัต คิดดูสิโซฮิมา เราจะมีอำนาจเหนือคนทั้งมวล ฮ่า ฮ่า ฮ่า” สองพ่อลูกหัวเราะอย่างพอใจในความยิ่งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
“ฉึก” ลูกธนูปักลงตรงกลางลำตัวของกระต่ายสีขาวตัวน้อย ร่างมันดิ้นพล่านๆ 2-3 ครั้งแล้วก็นิ่งไปเลือดสีแดงไหลท่วมตัวของมัน เสียงหัวเราะดังลั่นแสดงถึงความพอใจดังออกมาจากหน้าอุทยาน
“เป็นไงฝีมือข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จามูซายืดอกอย่างยกตัวเอง
“เก่งมากเจ้าชาย ในแคว้นนี้ไม่มีใครเก่งเหนือท่านอีกแล้ว” ทหารคนสนิทพูดอย่างประจบสอพลอแล้ววิ่งไปหยิบร่างกระต่ายน้อยเข้ามาให้นายหนุ่ม
“เอาไปให้ห้องครัว วันนี้พอแค่นี้ก่อนข้าเหนื่อยแล้ว” จามูซาส่งธนูให้ทหารรับใช้แล้วหันหลังเดินกลับขึ้นตำหนักของตนเอง
“เสด็จแม่ ท่านตา กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ ท่าทางจะอารมณ์ดี” ชายหนุ่มยิ้มร่าเข้ามาในห้องมารดา
“มานั่งข้างแม่สิ” โซฮิมาตบลงที่เก้าอี้ข้างๆตนเอง จามูซาเดินมานั่งลงแล้วมองหน้าผู้เป็นตา
“ทำอะไรมาดูสิเหงื่อโทรมเชียว”
“ข้าซ่อมยิงธนูน่ะเสด็จแม่ ท่านตาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษมีอะไรหรือเปล่า บอกข้าบ้างสิ”
“เปล่าหรอกหลาน ตากับแม่ก็คุยกันเรื่องปรกติ แล้วก็ปรึกษากันเรื่องอาการป่วยของบิดาเจ้า ว่าจะหาหมอที่ไหนมาช่วยรักษาดี” ฮาริมาอมยิ้ม
“นั้นสิข้าก็หนักใจเรื่องท่านพ่อเช่นกัน อาการเพ้อของพระองค์หนักขึ้นทุกวัน เพ้อหาที่คนที่ชื่อ อะมีย่า เสด็จแม่พอจะทราบไหมว่าเป็นใคร” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ โซฮิมาหันไปมองหน้ากับบิดาก่อนจะหันมายิ้มให้บุตรชาย
“แม่ไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อไปเอามาจากที่ไหน หรืออาจจะเป็นนางสนมคนไหนก็ได้”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เสด็จพ่อก็คงรักนางมากถึงได้เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา”
“หยุดนะ! ไม่มีใครที่จะทำให้ท่านพ่อของเจ้ารักได้เท่ากับแม่แล้วก็เจ้า จำเอาไว้” โซฮิมาตวาดบุตรชาย จนจามูซาต้องหันมามองด้วยความสงสัย
“เสด็จแม่เป็นอะไร ตวาดข้าเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจ”
“ปะ..เปล่า” เธอปรับสีหน้าให้ราบเรียบดั่งเดิมก่อนจะหันไปยิ้มกับบุตรชาย
“ แค่เพียงแต่เป็นห่วงพ่อเจ้ามากไปหน่อย อย่าถือสาแม่เลยลูก เจ้าไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวเราจะได้ไปดูเสด็จพ่อด้วยกัน” ชายหนุ่มขมวดคิ้วในท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของมารดาแต่ก็พยักหน้ารับแล้วลุกเดินออกไป
“เจ้าควรจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดีนะโซฮิมา ไม่งั้นลูกเจ้าจะสงสัยได้” ฮาริมาตำหนิบุตรสาว
“ค่ะ ท่านพ่อ ต่อไปข้าจะระวังตัว”
ผู้เป็นบิดาพยักหน้า
“เราไปดูอาการของจิสยาฮาทกันเถอะ ดูสิว่ามันเป็นยังไงบ้างแล้ว” บุตรสาวลุกขึ้นตามบิดาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ตรงไปห้องบรรทมของชีคจิสยาฮาท