ตอนที่ 7 ผู้คิดก่อการกบฏ
ซายาสเดินวนไปวนมาภายในบ้านพักของตนเอง เขาเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อองค์จิสยาฮาทและประเทศชาติมาก และเขาคนนี้เองที่ช่วยพาชายาอะมีย่าและโอรสของพระนางหลบหนีไปจากเงื้อมือของชายาโซฮิมา ซามิดามองสามีของตนเองเดินไปเดินมาจนเวียนศีรษะ “ท่านพี่หยุดเดินเถอะ ข้าเวียนหัวจะแย่อยู่แล้วนะ”
“ข้าร้อนใจ เจ้าก็รู้” เขาหันมามองหน้าภรรยา แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ “ข้าเป็นห่วงฝ่าบาท อาการของพระองค์ไม่ดีขึ้นเลยแม้ว่าหมอหลวงจะให้ยาหลายขนานแล้วก็ตาม”
“ข้าว่ามันแปลกๆอยู่นะท่านพี่ ที่จู่ๆพระองค์ก็ป่วยกะทันหันแล้วก็ไม่ดีขึ้นเลย ตั้ง 4 เดือนมาแล้วนะ ข้าชักสงสัยแล้วสิ” เธอทำหน้าคิดหนัก
“เจ้าสงสัยอันใดบอกข้ามาสิ” ซายาสหันหน้ามามองภรรยา
“ข้าสงสัยว่าฝ่าบาทจะโดนวางยา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะป่วยเอง เห็นนางกำนัลมันเล่ากันว่าพระองค์บ่นหาแต่ชายาอะมีย่ากับพระโอรสตลอดเวลา” ซามิดามองตอบสามี ซายาสทำหน้าเศร้าสลดเมื่อนึกถึงชายาองค์นี้ “แต่เจ้าก็รู้ว่าข้าออกไปค้นหาทั้งสององค์แล้วแต่ก็ไม่พบ”
“ข้ารู้ท่านพี่ ท่านทำดีที่สุดแล้ว เราก็ช่วยกันภาวนาให้ทั้งสองพระองค์ทรงปลอดภัย” ซามิดาจับมือสามีบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
“ข้าเชื่อว่าทั้งสองพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ และสักวันต้องกลับมาทวงทุกอย่างคืนแน่” เธอบอกด้วยความมั่นใจ
“ตอนนี้ที่ข้าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือบัลลังก์ของคาร์ดาล ปุโลหิตฮาริมาคิดไม่ซื่อ ทุกคนก็รู้แต่ก็เกรงกลัวในอำนาจของชายาโซฮิมาจึงไม่มีใครกล้าทำอะไร”
“เราก็ทำแบบเงียบๆสิท่านพี่ คนที่จงรักภักดีก็มีไม่ใช่น้อย เราควรใช้ข้อนี้ให้เป็นประโยชน์ และข้าคิดว่าอาการป่วยของฝ่าบาทต้องมีสาเหตุมาจากพ่อลูกคู่นี้แน่ เอางี้ข้าจะไปหาญาติที่มาราคัตเขาว่ากันว่าที่นั่นมีหมอวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็สามารถทำให้หายขาดได้”
“จริงเหรอ ดีสิ แต่เจ้าออกไปแบบนี้คงเป็นที่สังเกต คนของปุโลหิตและชายามีไม่น้อย” ซายาสบอกด้วยความเป็นห่วง “ข้ารู้ว่าต้องทำเยี่ยงไร ท่านพี่อย่าได้เป็นห่วง ข้าจะรีบไปแล้วรีบกลับ ท่านพี่ต้องดูแลตัวเองด้วย” เธอมองสบตาสามีอย่างห่วงใยเช่นกัน
“ข้าจะคอยเจ้าอยู่ทางนี้ ความหวังอยู่ที่เจ้าแล้วนะซามิดา” เขาบอกพร้อมกับดึงภรรยาเข้ามาก่อน เขาและภรรยาอยู่กันมากว่า 20 ปี แต่ก็ไม่มีบุตรเลยสักคน แต่เขาก็ไม่เคยคิดนอกใจนาง ความรักและความซื่อสัตย์ที่นางมอบให้กับเขาเป็นโซ่ที่ยึดแน่นเขาเอาไว้ได้ตลอดกาล
แคว้นมาราคัต
เมื่อคืนเมษานอนร้องไห้เกือบทั้งคืนทำให้ตาของเธอบวมช้ำ มีนาสังเกตเห็นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เม เมื่อคืนเธอหายไปไหนมา ฉันตามหาสะทั่วก็ไม่เจอ”
“ฉันปวดหัวก็เลยขึ้นมานอนพักก่อน ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอลำบาก” เมษาบอกเสียงอ่อยๆ
“เธอเป็นอะไรน่าตาไม่แจ่มใสเลย ดูสิตาก็บวมช้ำเหมือนกับคนร้องไห้ หรือว่าเมื่อคืนมีคนทำอะไรเธอ บอกฉันสิเม”
“เปล่า ไม่มีอะไรเมื่อคืนฉันคิดถึงแม่กับพ่อก็เลยร้องไห้แล้วก็ปวดหัวด้วยก็พาลไปใหญ่เลย” หญิงสาวบอกพร้อมกับฝืนยิ้มให้ญาติสาว พอดีกับที่เจ้าชายการีฟและองครักษ์เดินเข้ามาสมทบพอดี เมษาลุกขึ้นถอนสายบัวให้เจ้าชายหนุ่ม
“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างเมษา สนุกหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆชายาของพระองค์
“สนุกมากเพคะ เป็นสิ่งที่หม่อมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย สวยงามมากเพคะ” เธอยิ้มหวานให้เขาแล้วเหลือบมองไปทางโยเชฟที่ยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าชายการีฟ สีหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบเหมือนเดิม ทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ รู้สึกปวดหัว” เธอบอกเมื่อรู้สึกว่าขอบตาของเธอเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอีก
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ให้หมอหลวงมาดูก่อนไหม” การีฟบอกอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอกเพคะ ทานยาเดี๋ยวก็หาย หม่อมฉันทูลาเพคะ” เธอถอนสายบัวอีกครั้งแล้วหันหลังเดินจากไป
“มีนเจ้าแน่ใจนะว่าญาติของเจ้าไม่เป็นอะไร” ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ มีนายักไหล่ “ไม่เป็นไรมากหรอกเพคะ แค่ป่วยทางใจนิดหน่อย”
“ป่วยทางใจ ป่วยยังไง” เขาเอียงคอมองชายาอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเธอ
“อย่าทรงสนพระทัยเลยเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันไปดูนางก่อนนะเพคะ” มีนาบอกแล้วก็รีบเดินไป ทิ้งให้การีฟมองตามหลังร่างของชายาไปอย่างงุนงง โยเชฟมองตามไปที่ตำหนักรับรองวันนี้หญิงสาวดูเปลี่ยนไป หรือเพราะเรื่องเมื่อคืนทำให้หญิงสาวเครียดจนซึมไปแบบนี้
มีนาเคาะเรียกญาติสาว “ก๊อก ก๊อก” “เมเปิดประตูเถอะ ฉันเองนะ” เธอยืนคอยอยู่ครู่หนึ่งประตูจึงเปิดออก
“มีอะไรหรือมีน ฉันอยากพักผ่อน” เมษาหันหลังเดินกลับมานั่งลงบนเตียงตามเดิม มีนาเดินเข้ามาใกล้ “อย่าปิดเลยสายตาของเธอปิดฉันไม่ได้หรอก เธอไม่ได้ป่วยแต่น้อยใจคนบ้างคน”
“รู้ดีจริงนะ” เมษายิ้มน้อยๆ มีนาจับใบหน้าเธอเงยขึ้นมองสบตากับตนเอง “อย่าทำหน้าเศร้าสิ ดูไม่ใช่เมษาหญิงสาวที่กระตือรือร้นคนก่อนเลย ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรแน่ แต่ฉันอยากให้เธอสู้ สู้ให้ถึงที่สุด คนเราถ้าใจสู้ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเชื่อฉันสิเม” เมษามองสบตาญาติสาวนิ่งก่อนจะยิ้มออกมา
“ขอบใจนะมีนที่เป็นกำลังให้ฉันเสมอ ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะสู้”
“ดีมาก วันนี้ฉันจะพาเธอไปเที่ยวที่ตลาดมีของสวยๆมากมายเลยนะ เผื่อเธอจะสบายใจขึ้น” มีนายิ้มกว้างเมื่อนึกถึงตลาดในตัวเมือง
“ก็ดีเหมือนกันเผื่อจะเจออะไรดีๆบ้าง” เมษายิ้มก่อนจะหันไปหยิบผ้าคลุมหน้าขึ้นมา “ไปกันเถอะ” หญิงสาวทั้งสองพยักหน้าให้กันแล้วพากันเดินยิ้มอย่างร่าเริงออกไปจากห้อง
การีฟมองหน้าเหล่าทหารกล้าทั้ง 4 คน อย่างปลื้มใจ “ข้าขอบใจพวกเจ้ามากที่ยอมเสียสละในงานครั้งนี้ ข้ารู้ว่างานในครั้งนี้อาจจะต้องเสี่ยงด้วยชีวิต ข้าไม่ว่าหากจะมีใครขอถอนตัว” เขาบอกอย่างเปิดใจ
“พวกเกล้ากระหม่อมตกลงใจแล้วไม่เปลี่ยนใจพระเจ้าค่ะ พวกเกล้ากระหม่อมยินดีพลีชีพเพื่อมาราคัตพระเจ้าค่ะ” โยเชฟกล่าวอย่างหนักแน่น
“ดีมาก สมกับที่เป็นทหารกล้าของข้า ข้าขอให้พวกเจ้าโชคดี”
“พระเจ้าค่ะ” ทั้งหมดโค้งให้แล้วทยอยกันออกไปจนเหลือเพียงโยเชฟคนเดียว
“ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” การีฟมองหน้าองครักษ์หนุ่ม
“เรื่องอะไรพระเจ้าค่ะ” เขาก้มหน้านิ่งรอฟัง
“เมื่อคืนเจ้ากับเอร่าไปไหนกันมา ข้าไม่ใช่คนตาบอดที่จะไม่เห็นไม่รู้อะไรเลย ถ้าข้าเห็น เอลโยก็คงเห็นแต่ข้าคิดว่าเขาคงเกรงใจข้าจึงไม่โวยวาย เจ้าตอบข้ามาตามตรง” สายตาของการีฟมองจ้องโยเชฟอย่างคาดคั้น
“กระหม่อมไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสียหายแก่นางแต่อย่างใดพระเจ้าค่ะ แต่ก็เกือบไปเหมือนกันถ้าคุณเมษาไม่เข้ามาเสียก่อน” เขามองสบตานายหนุ่ม
“เล่าต่อไป” การีฟสั่งแล้วนั่งลงฟังต่อ โยเชฟโค้งรับแล้วจึงเล่าต่อ “นางเข้ามากอดกระหม่อมๆยอมรับว่าใจยังรักนางอยู่ พอดีกับที่คุณเมษาเข้ามาพอดีจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นพระเจ้าค่ะ”
“เกือบไปแล้วสิเจ้าน่ะ ข้าบอกแล้วไงว่าให้ลืมนางสะ ตัดใจจากนางให้ได้ไม่งั้นผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาทำลายชีวิตของเจ้าจนพังยับเยิน เชื่อข้าสิ” การีฟถอนใจยาว “เอาล่ะเจ้าไปพักผ่อนเถอะ คืนนี้ต้องออกเดินทางอีก”
“พระเจ้าค่ะ” เขาโค้งให้นายหนุ่มแล้วถอยออกไป โยเชฟหยุดยืนมองไปที่ห้องของเมษาเมื่อเดินผ่านมา เขานึกขอบคุณหญิงสาวที่เข้าไปได้ทันเวลา “ขอบคุณ” เขาพูดเบาๆแล้วก้าวเดินต่อไป
สีสันของเครื่องประดับและผ้าหลากสีทำให้เมษาสดชื่นขึ้นมาก เธอเดินเลือกอย่างเพลิดเพลินทั้งกำไร สร้อย แหวน เสื้อผ้า และอีกมากมายที่เธอบรรยายไม่ถูก
“สวยทุกชิ้นเลยนะมีน ฉันเลือกไม่ถูกเลย” หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจ
“บอกแล้วว่าที่นี่มีแต่ของสวยๆงามๆทั้งนั้น” มีนาหยิบกำไรขึ้นมาทาบดูที่ข้อมือตนเอง
“พระชายา” เสียงเรียกดังมาจากด้านข้างของเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “คุณคือ..”
“หม่อมฉันซามิดา ภรรยาของนายพลซายาสไงเพคะ” ซามิดายิ้มให้ มีนาพยักหน้าเมื่อนึกขึ้นได้มาเจอกับนางอยู่บ่อยๆในงานเลี้ยง “จำได้แล้ว แล้ววันนี้มาถึงที่นี่เลยหรือคะ”
“เพคะ พอดีมีธุระที่นี่ค่ะ” สีหน้าของเธอเป็นกังวลอย่างมาก
“สีหน้าของคุณไม่สบายใจเลยมีอะไรหรือเปล่า ฉันยินดีรับฟังและช่วยเหลือ” มีนาออกตัว
“หม่อมฉันว่าหาที่คุยที่ไม่มีคนพลุกพล่านดีกว่าเพคะ” หญิงสูงวัยหันซ้ายหันขวา มีนาพอจะเดาได้ว่าต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากแน่ๆ
“งั้นไปที่ตำหนัก ที่นั่นปลอดภัยที่สุด” มีนาและเมษาวางของลงที่เดิมก่อนจะเดินไปที่รถโดยมีซามิดาเดินตามไป
เมื่อมาถึงมีนาก็พาซามิดาไปที่ห้องรับแขกทันทีแล้วสั่งนางกำนัลให้รออยู่ด้านนอก ภายในห้องจึงมีแค่มีนา เมษาและซามิดา
“ฉันขอแนะนำญาติของฉันก่อนะคะ” มีนาหันมายิ้มให้เมษา “คนนี้คือเมษาญาติของฉัน เธอไว้ใจได้ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมษากล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษ
ซามิดายิ้มอย่างเป็นมิตร “ยินดีเช่นกันค่ะ” เธอบอก แล้วทั้งหมดก็นั่งลง
“ที่คาร์ดาลมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะคุณซามิดา” เมษาหูผึ่งเมื่อได้ยินคำว่าคาร์ดาล
หญิงสูงวัยพยักหน้า “ใช่เพคะ เมื่อ 4 เดือนก่อนจู่ๆท่านชีคก็ป่วยกะทันหันและอาการทรุดหนักมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้” มีนาหันไปมองหน้าเมษา
“แบบนี้น่าสงสัยนะคะ” เมษาออกความเห็น
“ใช่ค่ะ ฉันก็สงสัยแบบคุณ ฉันจึงลอบออกมาจากเมืองเพื่อมาหาหมอวิเศษที่นี่ ได้ข่าวว่าไม่ว่าใครเป็นอะไรก็หายได้”
“ไม่มีหรอกค่ะคุณซามิดาหมอวิเศษที่ว่า มีแต่หมอที่โรงพยาบาลที่เจ้าชายทรงตรัสว่าจ้างมาจากอเมริกา” มีนาอมยิ้ม “แล้วใครกันที่คิดวางยาท่านชีค” มีนาครุ่นคิด
“หม่อมฉันคิดว่าน่าจะเป็นท่านปุโลหิตบิดาของพระชายาโซฮิมา”
“จริงเหรอเนี่ย แล้วไม่มีใครพาหมอจากที่อื่นไปรักษาบ้างเลยเหรอ” หญิงสาวถามต่อ
“ไม่มีใครกล้างัดข้อกับท่านปุโลหิตหรอกเพคะ ได้แต่พูดกันปากต่อปากเท่านั้น” ซามิดาก้มหน้ามองมือตัวเอง เมษาเห็นช่องทางที่จะไปแคว้นคาร์ดาลแล้ว เธอจะได้ช่วยสืบเรื่องกบฏให้เจ้าชายการีฟด้วยและอาจจะได้พบกับโยเชฟอีกด้วย
“แย่จัง แล้วเราพอจะทำอะไรได้บ้างหรือเปล่า” มีนานิ่งคิด
“ให้ฉันไปคาร์ดาลสิมีน” เมษาบอกออกมาแล้วยิ้มให้หญิงสาว
“บ้าเหรอ มันอันตรายฉันไม่ยอมให้เธอไปหรอก” มีนาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่บ้า ฉันพูดเรื่องจริง ถ้าคิดจะจัดการกับพวกคนชั่วมันต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย ต้องมีหลักฐานที่จะจัดการมันได้ และฉันขออาสาเข้าไปสืบในวังเอง” เมษาบอกอย่างจริงจัง
“คุณเชื่อพระชายาเถอะ ที่นั่นอันตรายมาก” ซามิดาเห็นด้วยกับมีนา เมษาส่ายหน้า
“ฉันไม่เคยกลัวอันตราย เธอก็รู้จักฉันดีนี่นามีน ฉันตั้งใจจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ ฉันจะเข้าไปเป็นนางกำนัลที่นั่น และจะลอบเข้าไปให้ถึงตัวของพวกมัน เชื่อใจฉันสิมีน ผู้หญิงอย่างฉันก็ทำได้มากกว่าผู้ชายนะ” เมษายิ้มให้หญิงต่างวัยทั้งสอง