ตอนที่ 5 เข้าถึงจิตใจ
เมษาใช้เวลาว่างไปกับการปลูกต้นไม้ดอกไม้ร่วมกับมีนา ตกตอนเย็นก็เล่นกับหลานๆ ความเพลิดเพลินทำให้เธอเลิกคิดถึงโยเชฟไปได้ แต่แล้วความคิดเก่าก็หวนกลับมาอีกครั้งเมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นร่างสูงของชายหนุ่มเดินขึ้นไปบนตำหนัก ‘หายไปไหนมาตั้งหลายวัน’ เธอลอบคิดในใจพร้อมกับเอียงคออย่างสงสัย
“มองอะไรเม” มีนาเงยหน้าจากแปลงดอกไม้ตรงหน้าขึ้นมามองญาติสาว เธอมองไปตามสายตาก็เห็นแผ่นหลังขององครักษ์หนุ่มของเธอเดินหายเข้าๆไปในตำหนัก “อ้อ..โยเชฟคงเข้ามารายงานตัวแล้ว งานศพแม่คงเสร็จแล้ว”
“งานศพแม่ แม่เขาเสียแล้วเหรอ” เมษาหันมามองหน้ามีนาทันควันด้วยความตกใจ
“ใช่ เอ่อ..จริงสิฉันลืมบอกเธอ ดูหน้าเขาเศร้ามาก” มีนายิ้มเศร้าๆ เมษาเองก็มีสีหน้าสลดลง “โยเชฟเป็นคนซื่อสัตย์ ขยัน ลูกขุนนางที่ยังสาวต่างก็หมายปองเขาทั้งนั้น แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าเขาจะสนใจใคร”
“เขาคงยังรักคนรักของเขาอยู่” เมษาบอกเสียงเบาๆ
“อันนี้ฉันตอบไม่ได้ เพราะตอนที่เขารักกัน เป็นคู่ที่น่ารักมากมีแต่คนอิจฉา”
“เหรอ” เมษาน้ำเสียงเศร้าขึ้นมาทันที แล้วก็เงียบไป มีนาเหลือบหางตามองญาติสาวแล้วก็อยากตบปากตัวเองที่พูดไม่รู้จักคิด “เมฉันขอโทษนะที่พูดให้เธอเจ็บปวด”
“ขอโทษทำไม ไม่เกี่ยวกันเลย เรามาปลูกต้นไม้กันต่อเถอะ” แม้ปากจะยิ้มแต่ในใจกลับเจ็บปวดมากขึ้นทุกที นี่แหละที่เข้าเรียกว่า รักเขาข้างเดียวเหมือนข้าวเหนียวนึ่ง น้ำท่วมไม่ถึงก็แห้งตาย
เมษาเดินสวนกับโยเชฟตรงประตูห้องสมุด สีหน้าของเขายังเรียบเฉยเหมือนเดิมเพียงแต่แววตาดูเศร้าและอิดโรยมาก เขาไม่แม้แต่จะหยุดทักทายเธอหรือเหลือบตามามองเธอด้วยซ้ำ เมษาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทักเขาก่อน
“เดี๋ยวค่ะคุณโยเชฟ” เธอเรียกเขาไว้ ชายหนุ่มหันกลับมามอง
“มีอะไร ผมยังไม่ว่างจะคุยเรื่องไร้สาระกับคุณ” เขาบอกเสียงห้วนๆ แต่บาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของเมษา
“ฉันได้ข่าวว่าคุณแม่ของคุณเสียแล้ว เสียใจด้วยนะคะ” เธอมองหน้าเขา
“ครับ ขอบคุณ” เขาบอกแล้วก็เดินต่อไปข้างหน้า
เมษาอยากจะร้องไห้ เขาคงไม่อยากเห็นหน้าเธอมากๆเลย หญิงสาววิ่งย้อนกลับเข้าห้องของตนเองอีกครั้ง
“ฮือ ฮือ ฮือ ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ ทำไมเราต้องไปรักคนแบบนั้นด้วยนะ ฮือ ฮือ” เมษายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งแล้วทิ้งตัวลงนอนคว่ำซุกหน้าลงกับหมอน ครู่ต่อมาหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น “ฉันไม่ยอมแพ้คุณหรอก ค่อยดูฉันจะเอาชนะคุณให้ได้” เธอฮึดสู้อีกครั้ง “ไม่อยากเห็นหน้าฉันใช่ไหม ฉันจะไปให้คุณเห็นหน้าทุกวันเลย” เมษาลุกขึ้นมองตัวเองในกระจกพร้อมกับยิ้ม
อีก 1 วันก็จะถึงวันคล้ายวันเกิดของเจ้าชายอูซาลแล้ว ดูท่าทางเด็กน้อยจะดีใจมากเป็นพิเศษ เมษาพาเจ้าชายน้อยลงมาเดินเล่นที่สวนที่กำลังจัดตกแต่งผ้าหลากสีเอาไว้เตรียมรับแขกที่จะมาในวันพรุ่งนี้ เมษานั่งมองเด็กน้อยวิ่งเล่นกับพี่เลี้ยงอย่างสนุกสนาน โยเชฟเดินลงมาตรวจงานโดยไม่ทันได้เห็นว่ามีหญิงสาวอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เมษาเดินยิ้มเข้าไปหาเขา
“คุณลงมาดูงานเหรอ” เธอถามขึ้นแต่อีกฝ่ายมองเธอนิ่งแล้วก็เดินหนีไป เมษาวิ่งไปดักหน้าเขาเอาไว้อีก “เดี๋ยวสิฉันไม่มีเพื่อนคุย คุณช่วยคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้ ผมมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ ขอตัวก่อน” โยเชฟเดินเลี่ยงเธอไป เมษาไม่ยอมแพ้กระชากแขนเขาให้หันมาหาเธอ
“เดี๋ยวสิ” ชายหนุ่มหันกลับมามองเธอตาขวาง “คุณมีอะไรอีก”
“คุณหลบหน้าฉันทำไม” เธอถามออกไปตรงๆ โยเชฟหัวเราะ
“หึ หึ ผมเนี่ยนะหลบหน้าคุณ ผมจะหลบหน้าคุณทำไม คุณไม่ได้อยู่ในสายตาของผมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบหน้าคุณ เพียงแต่ผมมีงานที่ต้องทำไม่มีเวลามานั่งเล่นเดินเล่นอย่างคุณ” เขากระชากแขนกลับมา “แล้วก็รู้ธรรมเนียมที่นี่เอาไว้ด้วย ผู้หญิงที่นี่เขาไม่จับมือถือแขนผู้ชายอย่างคุณ มันไม่งาม”
เมษากัดฟันแน่นวาจาของเขาที่พูดออกมาทำร้ายจิตใจเธออย่างตรงๆ “แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้หลบหน้าฉันเพราะฉันมีหน้าตาคล้ายกับคนรักเก่าของคุณ”
“อย่าพูดถึงเอร่าอีก” เขาตะหวาดกลับมาจนเมษาสะดุ้ง นางกำนัลที่อยู่แถวนั้นต่างก็หันมามองกันเป็นแถว
“ทำไม คนเขาไม่รักแล้วยังจะหลงอยู่ได้ ฉันพูดแทงใจดำคุณใช่ไหมล่ะ คุณถึงโกรธแบบนี้” เมษาเชิดหน้าสู้กับเขา โยเชฟกัดกรามแน่นเพื่อระงับความโกรธ “ผมบอกให้คุณหยุด”
“ฉันไม่หยุดจะทำไม ก็มันเรื่องจริง ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วยังไม่ยอมลืมอีก เปิดประตูหัวใจแล้วมองดูคนอื่นบ้าง มัวแต่หลงอยู่กับความรักโง่ๆที่ผู้หญิงคนนั้นเหยียบย่ำ หัดลืมตามองคนรอบข้างบ้าง” เมษาหยุดหายใจ มองหน้าเขาที่แดงก่ำและมือที่กำแน่นของเขา
“โธ่โว้ย!” เขาชกหมัดลงกับฝ่ามือของตนเองแล้วเดินหนีไปอย่างเร็ว เมษายืนมองเขานิ่งนานจนเจ้าชายน้อยเดินเข้ามากระตุกแขนเสื้อของเธอ
“คุณน้าเสียงดัง ชายจัว” ดวงตากลมโตมองสบตาเธอนิ่ง เมษานั่งคุกเข่าลงจับตัวเจ้าชายน้อยเอาไว้แล้วยิ้มให้
“ไม่มีอะไรหรอกเพคะ น้าคุยกันเสียงดังไปหน่อย ได้เวลาบรรทมแล้วนะเพคะ”
“ชายไม่ง่วง” อูซาลส่ายหน้า
“ไม่ได้นะเพคะ เด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่นะเพคะ” เมษาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เด็กน้อย เจ้าชายน้อยทำหน้าเบี้ยว
“ชายเด็กดี” อูซาลยิ้มออกมาได้เมื่อเห็นเมษายิ้มให้ พี่เลี้ยงเข้ามาพาตัวเจ้าชายอูซาลกลับเข้าไปในตำหนัก แต่หญิงสาวเดินเลี่ยงออกมาหลังตำหนัก
วันนี้เจ้าชายการีฟและมีนาออกไปงานข้างนอกกันหมด เธอจึงเหงาเพราะทุกวันเธอจะออกมาช่วยมีนาปลูกต้นไม้ดอกไม้แล้วก็นั่งคุยกัน ร้อยมาลัยและปักผ้า
“เฮ้อ..เบื่อแล้วสิเรา ไม่มีอะไรตื่นเต้นให้เราทำบ้างเลยเหรอไงเนี่ย” หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วหูของเธอก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเดินมาทางที่เธอยืนอยู่พอดี เมษามองหาที่ซ่อนแล้วก็ยิ้มก่อนจะวิ่งเข้าไปหลบหลังพุ่มไม้หน้าข้างกำแพงวัง ‘โยเชฟนี่นา’ เธออุทานในใจ
โยเชฟเดินนำหน้าชายหนุ่มอีก 3 คน มาหยุดยืนที่พุ่มไม้ที่เมษาซ่อนอยู่ “ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ เป็นเรื่องความอยู่รอดของบ้านเมือง พวกเจ้าต้องเก็บเป็นความลับ” เขาเอ่ยเสียงเครียด
“ได้ครับท่านองครักษ์ พวกเราสาบานว่าจะเก็บเป็นความลับ” ชายหนุ่มทั้ง 3 คน รับคำพร้อมกัน
“ดีมาก มีข่าวว่าแคว้นคาร์ดาลคิดก่อการกบฏ เจ้าชายทรงรับสั่งให้ข้าและพวกเจ้าเข้าไปสืบดู แต่งานนี้อาจเสี่ยงถึงชีวิตพวกเจ้าจะยินดีไปกับข้าหรือไม่”
“พวกข้ายินดี ชีวิตของพวกข้าถวายแล้วแด่องค์สุลต่านและเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ ท่านจะเดินทางเมื่อไร” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้น
“อีก 2 วัน พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะเรียกมาอีกครั้ง”
“ครับ”
“ไปได้แล้ว” โยเชฟพยักหน้า ชายทั้ง 3 คนจึงเดินกลับไปตามทางเดินเดิม โยเชฟหยิบสร้อยที่คอขึ้นมาดูอีกครั้ง เขาลูบไล้ไปตามตรารูปพระอาทิตย์
“ข้าจะได้เจอท่านแล้วท่านพ่อ” เขากำมันเอาไว้แล้วหยัดลงไปใต้คอเสื้อของตนเองอีกครั้ง เมื่อทุกคนไปหมดแล้วเมษาจึงคลานออกมาจากพุ่มไม้ มองตามหลังชายหนุ่มที่ตนเองหลงรักอย่างสงสัย
“จะไปไหนกัน คาร์ดาลคือที่ไหน” ใครจะสามารถไขข้อข้องใจของเธอได้บ้าง “ต้องไปถามมีนาดูว่าคาร์ดาลคือที่ไหน” เมษาเดินกลับขึ้นตำหนักในใจก็คิดถึงแต่เรื่องของโยเชฟ “คนบ้าไม่กลัวตายบ้างหรือไงนะ” เธอสบถพร้อมกับเปิดประตูห้องของตนเองก่อนจะเดินเข้าไปแล้วปิดมันลง
โยเชฟยืนอยู่หน้าหลุมศพของมารดาด้วยอาการสงบนิ่ง “ท่านแม่ข้ากำลังจะไปพบบิดาของข้า ท่านช่วยอวยพรให้ข้าด้วย” เขาหลับตาลง ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นนานเกือบ 10 นาที เสียงเหยียบกิ่งไม้ทำให้ชายหนุ่มหันลืมตาขึ้นแล้วหันไปมอง ทหารที่ติดตามเขามานั้นเอง
“ท่านองครักษ์เป็นอะไรหรือไม่ ข้าเห็นท่านยืนนิ่ง”
“เปล่า พวกเจ้ากลับไปก่อนเดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง ทูลเจ้าชายด้วย ข้าจะขอแวะทำธุระก่อนแล้วเย็นๆจะเข้าไป”
“ครับ” ทหารหนุ่มรับคำแล้วเดินกลับไปที่รถก่อนจะขับออกไป
โยเชฟเดินทอดน่องไปตามทางเดินเข้าสู่หมู่บ้าน เขาคิดถึงใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งที่ลอยเข้ามาในความคิดของตนเอง เมษาหญิงสาวชาวไทยคนนั้นทำให้แผลใจของเขาที่เกือบหายแล้ว กลับมาอักเสบอีกครั้งด้วยหน้าตาที่เหมือนกันราวกับฝาแฝดแต่ผิดกันตรงนิสัย เอร่าเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย น่ารัก กิริยามารยาทนุ่มนวล ผิดกับเมษาที่ดื้อดึง กล้าพูดกล้าทำ ห้าวหาญ ไม่เกรงกลัวแม้แต่เขาซึ่งเป็นผู้ชาย เขาเป็นคนที่ชอบผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนโยน อ่อนหวาน เขาจึงไม่ชอบเมษาที่ทำตัวก้าวราวกับผู้ชาย โยเชฟก้าวเข้าไปในบ้านที่เงียบเหงา เขามองดูรอบๆบ้านอีกครั้ง เขาเคยวิ่งเล่นไปทั่วบ้านส่วนมารดาของเขาก็ทำอาหารอยู่ในครัว
“ท่านแม่ แม้ท่านจะไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดข้า แต่ท่านทำให้ข้ามีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ข้ามาลาท่านไปทำงานเพื่อนประเทศชาติ ขอให้ท่านช่วยอวยพรข้าและคุ้มครองเจ้าชายและทุกคนที่นี่ด้วย” เขาพึมพำกับรูปมารดาก่อนจะเดินไปที่ประตูบ้าน ชายหนุ่มหันกลับมามองในภายบ้านอีกครั้งแล้วจึงเดินออกไป
ภายในงานเลี้ยงมีเหล่าบุตรสาวบุตรชายของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาร่วมงานนี้ด้วย เจ้าชายอูซาลและเจ้าหญิงจัสมินวิ่งเล่นกับเพื่อนๆในงานอย่างสนุกสนาน มีนาและเมษานั่งอยู่ที่โต๊ะอีกด้านหนึ่งวันนี้เมษาแต่งตัวเหมือนกับหญิงสาวชาวมาราคัต เป็นชุดยาวสีขาวคลุมข้อเท้า แขนยาวมาถึงข้อมือเดินดิ้นสีทองที่ชายผ้า
“มีน ฉํนมีเรื่องจะถามเธอ”
“ถามอะไร ถามมาเลยจ้ะ” มีนายกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“แคว้นคาร์ดาลอยู่ที่ไหน” เมษามองจ้องหน้าญาติสาวอย่างรอคำตอบ
“อ้อ นึกว่าเรื่องอะไร แคว้นคาร์ดาลอยู่ทางตอนใต้ของมาราคัตเป็นแคว้นที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุด เป็นแคว้นที่สำคัญของมาราคัต และเป็น 1 ใน 10 แคว้นที่มาราคัตปกครองอยู่ เธอถามทำไมหรือ” หญิงสาวขมวดคิ้ว
“เปล่าหรอกก็ได้ยินทหารเขาพูดกัน ฉันก็เลยอยากรู้บ้าง” เมษายิ้มหวานให้
“ตอนนี้ได้ข่าวว่าแคว้นนี้กำลังซ่องซุ่มคนเพื่อคิดก่อการกบฏ”
“จริงเหรอเนี่ย ตายจริง” เมษาทาบมือลงบนหน้าอกอย่างตกใจ มิน่าล่ะโยเชฟถึงให้ทหารพวกนั้นเก็บเป็นความลับ หญิงสาวพยักหน้าอย่างขบคิด
“เม เม เธอคิดอะไรอยู่” มีนาเขย่าแขนญาติสาวเมื่อเรียกถึง 2 ครั้งแล้วไม่ได้ยิน
“เปล่าเพียงแต่เป็นห่วงเธอกับทุกคนที่นี่”
“ไม่ต้องห่วงหรอก การีฟจัดการได้อยู่แล้ว อย่าห่วงเลย” มีนาตบไหล่เธอเบาๆพร้อมกับยิ้มให้