ตอนที่ 2 เกือบไปแล้ว
“คราวนี้มันต้องการอะไรอีก”เกรียงไกรมองลูกน้องสาวด้วยแววตาเห็นใจ
“เงิน 5 หมื่นค่ะ เขาบอกว่าถ้าไม่ให้จะขายบ้านของพ่อกับแม่ของหนูทิ้งค่ะ” เสียงของเธอสั่นเครือขึ้น
“เอาเงินที่ฉันไปให้มัน”
“ไม่ค่ะ หนูรบกวนบอสมามากแล้ว ไม่อยากรบกวนใครอีก เขาอยากขายก็ให้ขายไปหนูหมดอาลัยตายอยากแล้วค่ะบอส ช่างมันเถอะค่ะ” เมษาบอกเขาอย่างปลงๆ
“ทำไมเธอไม่บอกพระชายา เป็นญาติกันไม่ใช่เหรอ พระองค์ช่วยเธอได้แน่” เขาเสนอ
“อย่านะคะบอส หนูไม่ต้องการให้ใครมาลำบากเพราะหนู เรื่องของหนูขอหนูจัดการเองนะคะ” เธอฝืนยิ้มให้เขา
“เฮ้อ...ตามใจแต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เมษายกมือไหว้เขา เกรียงไกรเอามือยกขึ้นมาลูบผมหญิงสาวอย่างเอ็นดู เป็นจังหวะเดียวกันกับที่โยเชฟกลับเข้ามาในออฟฟิตและเห็นเข้าพอดี เขากระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างดูหมิ่น
“ผู้หญิงเหมือนกันหมด เห็นใครรวยก็รีบกระโดดเข้าไปเกาะ หึ หึ” เขาพึมพำแล้วเดินเข้าไปที่ห้องของเกรียงไกรเพื่อจะขอยืมรถของสำนักงานออกไปซื้อข้าวของที่ตลาดในตอนเย็น
หลังจากออกมาจากโรงงานซึ่งเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่มแล้วเพราะเธอได้อยู่ทำโอทีต่อ หญิงสาวรีบเดินออกไปยืนรอวินมอเตอร์ไซด์ที่หน้าโรงงาน แต่เธอรอจนเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีผ่านมาสักคน ทั้งที่ทุกวันมีวิ่งกันให้ขวักไขว่
“ไปไหนกันหมดเนี่ย ทำไมวันนี้มันถึงเงียบกันไปหมดแบบนี้” เธอยกนาฬิกาข้อมือดูแล้วบ่นพึมพำ
“รอนานไหมเมษา” เสียงที่คุ้นหูทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นดู ใบหน้าของเธอซีดจนไร้สีเลือดถอยกรูดไปชิดเสาศาลารอรถ
“คุณมาที่นี่ทำไม” เธอพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปรกติเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเธอกลัว
วีระยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา “กลัวพ่อทำไมกัน ฉันมารับเธอกลับบ้าน บ้านของเรา”
“ไม่ ฉันบอกคุณแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไปให้พ้นเลยนะ ไป ถ้าไม่ไปฉันจะตะโกนให้คนช่วย”
“ก็เอาสิ ใครเข้าจะกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย ร้องเลยร้อง” สีระกระชากแขนหญิงสาวให้เดินตามเขาไปที่รถมอเตอร์ไซด์ที่มีเพื่อนของเขารออยู่แล้ว เมษายิ่งกลัวเป็นสองเท่าเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนยืนยิ้มมาให้
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” หญิงสาวร้องตะโกน พอดีที่มีมอเตอร์ไซด์ขับผ่านมาแล้วหยุดห้าม
“เฮ้ย..ทำอะไรผู้หญิงน่ะ ปล่อยนะโว้ย” ชายวันกลางคนจอดรถแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสามคน วีระหันไปตะคอกใส่ “อย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมียเขาได้ไหมลุง เมียผมมันจะหนีตามชู้ ผมเลยต้องมาตาม ลุงคงเข้าใจนะว่าผู้ชายที่ถูกเมียทิ้งมันเจ็บปวดแค่ไหน ผมมาตามเธอกลับแต่เธอไม่ยอมกลับ”
ชายสูงวัยพยักหน้ารับ “อ้อ..เป็นแบบนี้เอง อีหนูผัวเอ็งดีขนาดนี้แล้วยังคิดมีชู้อีกเหรอ เฮ้อ...” เขาเดินส่ายหน้ากลับไปที่รถ แล้วขับออกไป วีระหันมายิ้มให้หญิงสาว
“เดี๋ยวสิลุง ไม่ใช่นะลุง พวกเขาไม่ใช่ผัวหนู” เมษาพยายามดิ้นรนและสะบัดแขนออก
“บอกแล้วไงว่าไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกเมษา” เมษากลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วหาทางเอาตัวรอด เธอเห็นแสงไฟหน้ารถแล่นเข้ามา เธอจึงใช้กำลังทั้งหมดที่มีดิ้นรนจนหนีรอดออกมาแล้ววิ่งไปตัดหน้ารถคันนั้น เธอยอมตายดีกว่าที่จะต้องเป็นเมียของไอ้คนชั่วอย่างวีระ เสียงรถเบรก “เอี๊ยดดดดดดดดดด” หน้ารถห่างจากเมษาเพียงแค่ 1 นิ้วเท่านั้น วีระรีบวิ่งเข้าไปจับหญิงสาวเข้ามาทางข้าง “อยากตายหรือไง”
“ใช่ฉันอยากตายดีกว่าไปเป็นเมียคนอย่างคุณ” เธอสะบัดแขนแรงๆแต่ก็ไม่หลุด “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” เมษาร้องเรียกให้คนในรถออกมาช่วย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนด้านในจะเปิดประตูออกมา น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลอย่างระงับไม่ได้ เธอคงจบสิ้นแค่นี้แล้ว
วีระฉุดกระชากลากถูเมษาไปที่รถ เมษาขืนตัวเองเอาไว้ เธอยังพยายามร้องเรียกให้คนช่วย “คุณค่ะช่วยฉันด้วย ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ได้โปรดเถอะ” เธอหันไปมองคนในรถยนต์อีกครั้ง แล้วใจของเธอก็ชื้นขึ้นเมื่อมีคนก้าวลงมาจากรถ
“หยุดก่อนสิ ทำแบบนั้นกับสุภาพสตรีมันไม่ดีนะคุณ” เสียงผู้ชายดังขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ เมษายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “คุณโยเชฟช่วยฉันด้วย” ชายหนุ่มหรี่ตามองทั้งคู่แล้วหันไปจ้องหน้าฝ่ายชายตาขวาง
“ปล่อยคุณผู้หญิงคนนี้ก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยๆคุยกัน”
“มึงมาเสือกอะไรด้วย อย่ามายุ่งผู้หญิงคนนี้มันเป็นเมียข้าโว้ย” วีระตะโกนตอบ เพื่อนเขาเดินเข้ามาสมทบ
“จริงเหรอ แต่ผมได้ยินคุณผู้หญิงคนนี้บอกว่าไม่ใช่เมียคุณ”
“มันโกหก ทางที่ดีอย่ามายุ่ง” วีระเริ่มไม่พอใจอย่างหนัก เขาชักมีดออกมา “ว่าไง ถ้ามึงไม่อยากตายก็รีบไป”
โยเชฟยิ้มเยาะ “แค่นี้เหรอ ว่าไงคุณผู้หญิง คุณเป็นภรรยาเขาหรือเปล่า”
“ไม่ใช่น่ะคุณ ฉันไม่ใช่เมียเขา” เมษารีบตอบ “ปล่อยฉันสิ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้นะ ปล่อยฉัน” เธอสะมืออีกครั้ง
“พวกแกรู้จักกันเหรอ” วีระถามอย่างตกใจ
“ใช่ เขาเป็นองครักษ์ของเจ้าชายการีฟ คุณก็รู้จักนี่” เมษากัดฟันกรอดหันมามองวีระอย่างเกลียดชัง มือของเขาคลายออก เธอจึงสะบัดแขนแล้ววิ่งเข้าไปหาโยเชฟ
“เฮ้ย..เอาไงดี” เพื่อนเขากระซิบถาม วีระหันมามองหน้าเพื่อนแล้วนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้า “ถอยก่อนดีกว่า ท่าทางไม่ดีแน่”
“ไม่จบแค่นี้แน่เมษา” เขากล่าวอาฆาตแล้ววิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซด์ขับออกไปอย่างเร็ว
เมษาหน้าซีดยืนตัวสั่นอยู่ด้านหลังของโยเชฟ ชายหนุ่มหันมามองเธอ “นึกยังไงถึงมายืนรอผู้ชายอยู่แถวนี้”
“ปะ..เปล่า ฉันเพิ่งทำงานเสร็จจะกลับบ้าน ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยฉัน ไม่งั้นฉันคง...” เธอหยุดแล้วสูดหายใจเข้าเพื่อกลั้นน้ำตา
“ผมว่าคุณกับเขาคงรู้จักกัน ไม่งั้นเขาคงไม่ทำตัวเป็นเจ้าของคุณขนาดนั้น” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยยิ่งนัก เมษาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา “คุณคิดว่าฉันเป็นเมียเขาจริงๆงั้นสิ” โยเชฟไม่ตอบได้แต่ยืนนิ่งมองฝ่ายตรงข้าม
“เขาเป็นพ่อเลี้ยงของฉัน เขาต้องการฉันไปเป็นเมียเขาอีกคน แต่ฉันหนีออกมาพักที่ห้องเช่า..”
“พอๆผมไม่อยากรู้เรื่องของคุณแม้แต่น้อย แล้วคุณจะกลับยังไง” เขาพูดตัดบท เมษากัดริมฝีปากตัวเองคำพูดของเขาแต่ละคำช่างทำร้ายเธอได้ทุกครั้งไป
“เดี๋ยวฉันเรียกวินมอเตอร์ไซด์ไปเองได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอพูดกระแทกเสียงใส่เขา
“แล้วคุณไม่กลัวพวกมันจะย้อนกลับมาเหรอ คุณก็ได้ยินมันขู่ไว้นี่” เขามองสังเกตเธอ เขาเห็นปากที่สั่นระริกของเธอที่ทั้งตกใจและตื่นกลัว
“ฉันจะย้ายที่อยู่ใหม่แล้วก็ไปจากที่นี่ด้วยจะได้หมดปัญญา” เมษาบอกแล้วหันหลังจะก้าวเดิน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเหมือนสั่งดังขึ้น “ขึ้นรถเดียวเข้าไปพักที่อพาร์ตเม้นต์ พวกมันอาจกลับไปค่อยคุณที่ห้องพักก็ได้”
“ไม่จำเป็นค่ะ ขอบคุณ” เธอหันมาตอบแล้วสะบัดหน้าหนี
“ทำเป็นเก่งรู้งี้ปล่อยให้พวกนั้นฉุดไปเสียก็ดี” คำพูดของชายหนุ่มทำให้เมษาหยุดกึกหันมามองเขาด้วยความน้อยใจ
“แล้วคุณมาช่วยฉันทำไมล่ะ ถ้าเกลียดฉันก็ไม่ต้องมายุ่ง ไปเลย ไป” เมษาตะโกนใส่หน้าเขาม่านน้ำตาลงมาบังดวงตาจนไม่เห็นว่าเขาเดินเข้ามาใกล้แล้วอุ้มเธอขึ้นมา หญิงสาวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาว่างเธอลงที่เบาะนั่งข้างๆ
“อย่าพูดอะไรอีกแล้วเงียบด้วย” เขาชี้หน้าเธอแล้วอ้อมมานั่งประจำที่คนขับ “ถ้าคุณไม่ใช่ญาติของพระชายาผมไม่สนใจความปลอดภัยของคุณแน่ อย่าสำคัญตัวเองผิด” เขาเอ่ยขึ้นลอยๆโดยไม่หันมามองหน้าเธอ เมษาหันมามองเขาด้วยแววตาที่ตัดพ้อ เขาเกลียดอะไรเธอนักหนาหรือเพราะหน้าตาของเธอคล้ายกับคนรักของเขา
โยเชฟเลี้ยวรถเข้าโรงงานแล้วไปจอดที่ใต้อาคารอพาร์ตเม้นต์ เมษานั่งนิ่งจนเขาต้องเดินมาเปิดประตูให้ “ลงมาได้แล้ว”
“ฉันไม่ลง ฉันจะกลับห้องพักของฉัน”
“งั้นก็เชิญ ตามใจคุณถ้าอยากได้สามีหลายๆคนก็ตามใจ หรือว่าคุณชอบแบบนั้น” โยเชฟเดินหันหลังให้เธอแล้วเดินตรงไปที่บันไดโดยไม่หันมามองหญิงสาวอีกเลย เมษาขบกรามก่อนจะก้าวลงจากรถ เธอไม่อยากตกเป็นเมียของพ่อเลี้ยงเธอ ถึงยังไงอยู่ที่นี่ก็คงปลอดภัยกว่า หญิงสาววิ่งตามเขาไป
“เดี๋ยวสิคุณ แล้วฉันจะนอนห้องไหน เสื้อผ้าฉันก็ไม่มี” โยเชฟหยุดเดินแล้วหันมา
“ห้องผม เสื้อของผมมี แล้วชุดนี้คุณก็ซักแล้วก็เอาไว้ใส่ตอนเช้า”
เมษาหน้าตื่น “อะไรนะ”
“เบาๆก็ได้เกรงใจคนที่พักที่นี่บ้าง ผมไม่ทำอะไรคุณแน่ แล้วคุณก็นอนที่เตียง ผมจะนอนที่โซฟาด้านนอกเอง คุณเลือกเอาจะไว้ใจผมหรือจะไว้ใจเจ้าพวกนั้น” ชายหนุ่มกอดอกยืนมองเธอ
“คุณ ฉันไว้ใจคุณ”
“ก็เท่านั้น ผมคงทำกรรมเอาไว้มาถึงก็เจอแต่เรื่องไร้สาระ” ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วเดินนำเธอไปที่ห้อง เมษาเดินตามเขาไปเงียบๆแม้ว่าจะไม่พอใจที่เขาแดกดันเธอ
เมษาหยุดเมื่อเขาหยุดแล้วหันมามองเธอ “เชิญนั่งก่อน เดี๋ยวผมหาเสื้อผ้าให้ แต่บอกก่อนนะเสื้อผ้าของผมตัวใหญ่ แต่งตัวให้รัดกุมด้วย” เขาบอกแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
“ค่ะ” เธอพยักหน้าอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆให้สมกับความคับข้องใจ ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอแต่เรื่องแบบนี้ด้วย เธอคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ๆ พรุ่งนี้เธอจะไปลาออกแล้วไปอยู่ที่อื่นให้ไกลเงื้อมือผู้ชายที่ชื่อวีระให้มากที่สุด โยเชฟยื่นผ้าขนหนูและเสื้อเชิ้ตตัวที่เล็กที่สุดให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาแล้วรับเสื้อผ้ามา
“ห้องน้ำอยู่ด้านโน่น” ชายหนุ่มชี้ให้เธอดู “เดี๋ยวผมมา เชิญคุณตามสบาย” เขาบอกแล้วเดินออกไปนอกห้อง เมษาจึงเดินเข้าไปอาบน้ำแล้วซักเสื้อผ้าปั่นจนแห้งแล้วนำออกมาตากที่ระเบียงด้านนอก ลมกลางคืนพัดเย็นๆเข้ามาแตะผิวขาวเนียนละเอียดของเธอ
เมษานึกขำตัวเองที่ต้องมานอนห้องเดียวกันกับชายหนุ่มที่เพิ่งทะเลาะกันมาเมื่อตอนเช้า หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตของเขาเพียงตัวเดียวด้วยความใหญ่และยาวของตัวเสื้อจึงทำให้ร่างบางของเธอเล็กลงไปอีก ตัวเสื้อยาวมาคลุมแค่เข่าเผยให้เห็นน่องเรียวยาวได้รูปของเธอมากขึ้น
“ขอบโทษที่มาขัดจังหวะความคิดของคุณ” โยเชฟเลื่อนกระจกออกมาแล้วส่งโทรศัพท์มือถือของตนเองให้เธอ เมษาขมวดคิ้ว เขาจึงบอกให้เธอหายข้องใจ
“พระชายาจะคุยกับคุณ” หญิงสาวจึงรับมาแนบหู ชายหนุ่มเดินหลบออกมาแล้วเข้าไปอาบน้ำบ้าง
“ฮัลโลเม เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงนะ โยเชฟบอกฉันเมื่อครู่แล้ว เขาโทรมาบอกฉันว่าเธอจะพักที่ห้องเขา” มีนาพูดรัวเร็วจนแทบฟังไม่ทัน
“ฉันไม่เป็นไรแล้วจ้ะมีน องครักษ์ของเธอเข้าไปช่วยฉันไว้ได้ทัน” เมษาตอบช้าๆ
“เดี๋ยวฉันจะจัดการไอ้พ่อเลี้ยงชั่วนั่นให้ เธอจะได้สบายใจ” มีนาบอกอย่างโมโห
“อย่านะมีน อย่าไปทำเขาเลย ปล่อยให้เวรกรรมตามทันเขาเองเถอะอย่าเอามือที่สะอาดของเธอไปแตะต้องคนชั่วๆเลย เดี๋ยวฉันจะหางานใหม่แล้วก็ย้ายไปอยู่ไกลๆ จะได้หมดปัญหา ถึงยังฉันก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นห่วงแล้ว ตัวคนเดียวสบายมาก”
“เอางี้ เรื่องนี้เราค่อยคุยกันทีหลัง รอฉันกลับไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอไปเก็บของแล้วมาพักที่บ้านพักของฉันก่อน อย่าปฏิเสธ ฉันสั่งให้โยเชฟดูแลเธอแล้ว อยู่กับเขาจะปลอดภัย” เสียงคนต้นสายราวกับสั่งแกมขอร้อง
“แต่ว่าเขาเกลียดฉันยังกับกิ้งกือไส้เดือน เธออย่าบังคับเขาให้ทำแบบนั้นเลย ฉันดูแลตัวเองได้”
“เฮ้อ...ตามใจ เธอนี่ดื้อดึงตามเคย ฉันจะรีบกลับ”
“พักผ่อนตามสบายเถอะ ฉันรับปากว่าจะไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะกลับมา” เมษาอมยิ้ม
“ก็ดี แค่นี้นะเป็นห่วงนะจ้ะ”
“จ้ะ เที่ยวให้สนุกนะ” เมษาอมยิ้มอีกครั้งแล้วกดวางสายก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วใบหน้าของเธอก็ต้องร้อนไปทั้งหน้าเมื่อเห็นโยเชฟเดินออกมาจากห้องน้ำมีเพียงผ้าขนหนูตัวเดียวพันกายท่อนล่างเอาไว้ กล้ามเนื้อแน่นกับหยดน้ำที่เกาะตามร่างกายทำให้ชวนมองยิ่งขึ้น เมษาไม่กล้าสบตาของเขา
“ขอบคุณค่ะ” เธอส่งโทรศัพท์คืนให้เขาแล้วเสมองไปทางอื่น ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของหญิงสาว แต่แล้วเขาก็รีบหุบยิ้มเมื่อนึกถึงหญิงสาวอีกคน
“คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม คุณอยู่ในความดูแลของผม แม้ผมจะไม่ต้องการก็เถอะ แล้วพรุ่งนี้เราต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านพักของเจ้าชายตามพระประสงค์ของพระชายา” เขาบอกเสียงห้วนๆ
“ไม่จำเป็น ฉันดูแลตัวเองได้ ขอบคุณ” เมษาหันหลังจะเดินออกห่างจากเขาแต่กลับไปสะดุดขาของตัวเอง
“ว้าย!” เธอร้องอย่างตกใจแต่พอลืมตาขึ้นร่างบางของเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของโยเชฟแล้ว เมษาอย่างมุดดินหนีเสียจริงๆที่วันนี้เธอทำขายหน้าตัวเองถึง 2 ครั้งแล้ว เธอมองสบตาลึกสีน้ำตาลของเขานิ่ง หัวใจเธอเต้นโครมครามจนมันจะทะลุออกมานอกอกแล้ว เกิดมาไม่เคยอยู่ใกล้กับผู้ชายมากขนาดนี้มาก่อนเลย