บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 กลัดกลุ้มเรื่องกิน

ตอนที่ 4

“ฉิงฉวน เจ้าว่าพวกเราควรกราบทูลให้องค์หญิงทรงทราบหรือไม่” เด็กสาวร่างท้วมกล่าวขึ้น หลังจากได้รับรู้ข่าวที่ไม่สู้ดีต่อผู้เป็นนายนัก

“ไม่วันนี้ วันพรุ่งนี้องค์หญิงก็ต้องทรงทราบอยู่ดี”

เด็กสาวร่างผอม เดินก้าวขึ้นบันได มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความกังวล หากองค์หญิงทรงรับรู้เรื่องที่วันนี้ แม่ทัพอวี้โม่โฉว จะเคลื่อนเกี้ยวแปดคนหาม ไปรับบุตรีของรองเสนาบดีกรมการคลัง มาเข้าพิธีแต่งงานตามขนบธรรมเนียม ซึ่งหลังจากผ่านพิธีแต่งงานแล้ว สตรีนางนี้จะขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกของแม่ทัพหนุ่ม ในขณะที่องค์หญิงของพวกนางเป็นเพียงฮูหยินรอง

องค์หญิงคงจะทนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ออกไปแผลงฤทธิ์อาละวาดจนงานแต่งครั้งนี้ล่มเป็นแน่

“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”

จังหวะที่พากันยืนกลัดกลุ้มตัดสินใจว่าจะรายงานข่าวร้ายนี้ให้องค์หญิงได้ทราบดีหรือไม่ ก็มีเสียงตะโกนด้วยความคับข้องใจดังออกมาจากภายในเรือนเสียก่อน สาวใช้ทั้งสองนาง จึงหยุดความคิดรีบพากันเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนทันที

“ชิงชิง หรือว่าองค์หญิงจะทรงรู้เรื่องงานแต่งแล้ว”

“น่าจะเป็นอย่างนั้น ถึงได้ทรงโวยวายเช่นนี้ พวกเรารีบเข้าไปดู ก่อนที่ข้าวของจะพังหมดจนได้หาซื้อกันใหม่”

แต่ทันทีที่สาวใช้ทั้งสองก้าวเท้าเข้ามาถึงโถงรับรอง ข้าวของภายในห้องกลับยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่ได้มีร่องรอยของการอาละวาดเลยแม้แต่น้อย

คงจะมีเพียงแต่องค์หญิงที่นั่งสองมือกอดอก ใบหน้างามบึ้งตึง คิ้วเรียงสวยขมวดมุ่นแทบจะผูกกันเป็นปมอยู่แล้ว

“องค์หญิง มีสิ่งใดที่ทำให้ทรงขุ่นเคืองอีกเพคะ” ชิงชิง เด็กสาวร่างท้วม รีบถลาเข้ามานั่งลงแทบเท้าผู้เป็นนาย พร้อมกับกล่าววาจาที่คุ้นชินออกไป

กระทั่งนางรู้สึกว่า มีอะไรมากระทุ้งที่บริเวณสีข้าง จึงได้ผินหน้าไปมอง พบว่าฉิงฉวนเป็นคนใช้ศอกกระทุ้ง และทำปากบุ้ยใบ้ให้นางแหงนใบหน้าขึ้นมองผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในตำแหน่งประธาน

พอได้สบสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองขององค์หญิง ชิงชิงจึงรู้สึกตัว ว่าพูดในสิ่งที่องค์หญิงไม่พอพระทัยออกไปเสียแล้ว

“อะ...คุณหนู บ่าวผิดไปแล้ว ต่อไปบ่าวจะพยายามไม่เรียกคุณหนูว่าองค์หญิงอีกแล้วเพคะ...เอ๊ยเจ้าค่ะ”

“ดี จำใส่ใจกันเอาไว้ให้ดี ว่าองค์หญิงที่คนตราหน้าว่าไม่เอาไหนหรือร้ายกาจได้ตายไปแล้ว ต่อไปจะมีเพียงคุณหนูหนิงเซียนเท่านั้น แล้วนำความนี้ไปกระจายข่าวให้บ่าวไพร่คนอื่น ๆ ได้รับรู้ด้วย”

“เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ” เด็กสาวทั้งสองรับคำ

หม่าหนิงเซียนเห็นสาวใช้ทั้งสองยอมรับคำเสียงหนักแน่น ก็เลิกสนใจพวกนางทั้งสองอีก ปล่อยความคิดให้ลอยไปถึงอาหารไทย ทั้งฝีมือของมารดา ฝีมือของตนเอง ที่อร่อย กลมกล่อม ผิดกับอาหารที่โรงครัวของสกุลอวี้ลิบลับ

“เฮ้อ”

คิดมาถึงตรงนี้ เสียงทอดถอนใจก็ดังขึ้น ผสานกับเสียงท้องที่ส่งเสียงประท้วงออกมา ว่าร่างกายตอนนี้ต้องการอาหารอย่างหนัก เพราะตลอดเวลาที่วิญญาณจากโลกปัจจุบัน ย้อนมาอยู่ในร่างของผู้อื่น ได้กินอาหารแต่ละมื้อเพียงไม่กี่คำเท่านั้น

สาวใช้ทั้งสอง ที่พากันนั่งอยู่แทบเท้าผู้เป็นนายแบบเงียบ ๆ ลอบมองหน้ากัน ต่างไม่เข้าใจ ว่าองค์หญิงทรงเป็นอะไรกันแน่ นั่งหน้ามุ่ยเหมือนคนกำลังคิดหนัก บางครั้งก็ผ่อนลมหายใจยาวออกมา

“ฉิงฉวน ถามคุณหนูสิว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่”

“เจ้าอยากรู้ก็ถามเองสิ”

“ก็ข้าไม่กล้า”

“ข้าก็ไม่กล้า”

เสียงกระซิบกระซาบของสาวใช้ทั้งสอง ปลุกให้คนที่กำลังฝันหวานถึงรสชาติของอาหารบ้านเกิด ตื่นออกจากภวังค์ หันมาสนใจกิริยาของพวกนางทั้งสองแทน

“กระซิบกระซาบอะไรกัน”

สาวใช้ทั้งสองที่มัวแต่เกี่ยงกันไปมา พากันสะดุ้งตัวโยนเมื่อถูกผู้เป็นนายถาม ก่อนที่ฉิงฉวนจะรวบรวมความกล้าปริปากเอ่ยถามในสิ่งที่พวกนางทั้งสองสงสัย

“คุณหนู ท่าทางดูกลัดกลุ้ม รู้เรื่องที่คุณชายโม่โฉว จะแต่งคุณหนูสกุลเฉินเข้ามาในวันนี้แล้ว ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“อะไรนะ”

สีหน้าเคร่งขรึมของหนิงเซียนแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ ที่สาวใช้พูดเรื่องนี้ออกมา ก่อนจะรวบรวมปะติดปะต่อความคิดอีกครั้ง

โม่โฉว...ชายผู้นั้น ที่ข่มเหงนางและเจ้าของร่างอย่างไร้ความปรานี แม้ว่าจะเป็นเพราะเขาถูกวางยาปลุกกำหนัดก็เถอะ แต่ความดุดันทั้งแววตาและการกระทำของคนผู้นั้น หนิงเซียนไม่มีวันลืม

และไม่อยากที่จะข้องเกี่ยวกับเขาอีก อยากจะหย่าให้มันจบ ๆ ไปเลยเสียด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่ว่างานแต่งของเขาและนางเป็นคำสั่งในราชโองการ จะหย่าขาดแบบสามีภรรยาทั่วไปไม่ได้ ต้องไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียให้ดีก่อน

แล้วหากสิ่งที่ฉิงฉวนพูดเป็นเรื่องจริง ว่าเขาจะแต่งหญิงอื่นเข้ามาเป็นฮูหยินเอก ย่อมเป็นข่าวดีของนาง เพราะนางกับคนผู้นั้น จะได้ไม่ต้องเกี่ยวพันกันอีก ต่างคนต่างอยู่ก็เพียงเท่านั้น

“โถ คุณหนูของบ่าว คงเสียใจมากสินะเจ้าคะ บ่าวละแค้นใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่คุณหนูแต่งเข้ามาก่อน และเป็นถึงพระธิดาของฝ่าบาท กลับเป็นได้เพียงฮูหยินรอง แต่แม่นางสกุลเฉินที่ไม่มีอะไรสู้คุณหนูได้เลย กลับได้ตำแหน่งฮูหยินใหญ่และหัวใจของคุณชายไปครอง”

ชิงชิงรู้สึกเจ็บแค้นแทนผู้เป็นนาย ที่คงเศร้าและเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นแน่

“ใครบอกว่าข้าเสียใจ ข้ากลับดีใจเสียอีก”

“หา!” สาวใช้ทั้งสองถึงกลับอ้าปากค้าง ที่ได้ยินประโยคนั้นของผู้เป็นนาย

“แล้ว...แล้วที่คุณหนูตะโกนว่าจะไม่ทนอีกแล้ว แล้ว...แล้วก็ถอนหายใจ นั่งหน้าบึ้ง ไม่ใช่เพราะเรื่องที่คุณชายแต่งงานกับหญิงอื่นหรือเจ้าคะ” เด็กสาวร่างผอมละล่ำละลักถามด้วยความงุนงงไปหมด

“คนละเรื่องกันเลย ข้ากำลังคิดถึงอาหารรสชาติอร่อยกลมกล่อมที่เคยกิน แล้วก็พาลเบื่ออาหารรสชาติแย่ ๆ ไม่ถูกปากพวกนี้ต่างหากเล่า”

หม่าหนิงเซียนเฉลยข้อข้องใจของบ่าวไพร่ทั้งสอง ว่าตัวนางนั้นไม่เคยคิดกลุ้มใจเรื่องของบุรุษที่ไม่เคยมองเห็นค่าผู้นั้นแม้แต่นิดเดียว

แต่ดูเหมือนสาวใช้ทั้งสองจะไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่นางพูดเลยแม้แต่น้อย ก็จะเชื่อง่าย ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อก่อนองค์หญิงของพวกนาง ทรงรักและหลงแม่ทัพหนุ่มมากเพียงใด ถึงขนาดยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้หัวใจของเขามาครอง แล้วเพียงไม่กี่วันมานี้ องค์หญิงจะปล่อยวางความรักลงได้ง่าย ๆ เช่นไร

“พวกเจ้าทั้งสองไม่เชื่อข้า”

สาวใช้ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมเพรียงกัน บอกว่าไม่เชื่อในคำพูดของผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย

“ไม่เชื่อก็เรื่องของพวกเจ้า ข้านั่งฝันถึงอาหารรสเลิศของข้าต่อดีกว่า”

แล้วหนิงเซียนก็ไม่สนใจสาวใช้ทั้งสองอีก นั่งดวงตาเหม่อลอย ปล่อยความคิดไปอยู่กับอาหารไทยที่เคยกินและชอบกิน เสียจนน้ำลายสอไปทั่วทั้งปาก

สาวใช้ทั้งสองเห็นดังนั้น ก็ไม่อยากกวนใจผู้เป็นนายให้เกิดอารมณ์ร้ายอีก จึงปล่อยให้องค์หญิงของพวกนาง นั่งใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนั้น ส่วนพวกนางก็ค่อย ๆ ย่องออกจากห้อง ไปทำงานในหน้าที่ของพวกตนต่อให้เรียบร้อย

‘ทำไมกันนะ สวรรค์ไม่เมตตาเหมือนในหนังสือนิยายที่เคยอ่านเลย นางเอกพระเอกบางคนก็ทะลุมิติมาพร้อมกับระบบที่คอยช่วยเหลือ’

‘ถ้าเลือกได้นะ ขอเป็นระบบที่สามารถเลือกซื้อวัตถุดิบ เครื่องปรุง เครื่องครัวจากโลกปัจจุบันได้นะ คงจะดีไม่น้อย’

พอหม่าหนิงเซียนคิดมาถึงตรงนี้ อยู่ ๆ ก็มีเสียงเตือน พร้อมกับเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังแว่วขึ้นอยู่ภายในโสตประสาท

...ติ้ง...

‘ยินดีต้อนรับสู่ระบบซูเปอร์มาเกตและตลาดสดขอรับ’

หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้อง รีบถลาลุกขึ้นหมุนมองรอบกาย ว่าเสียงที่ได้ยินดังมาจากทิศทางไหน และใครเป็นคนเอื้อนเอ่ยออกมา ในเมื่อภายในโถงรับรองนี้ มีแต่นางอยู่เพียงลำพังเท่านั้น

“เสียงใคร แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

‘ไม่ต้องเหลียวมองหาหรอกขอรับ ผมเป็นเพียงระบบที่ไร้ตัวตน และมีเพียงคุณแก้วตาเท่านั้นที่จะได้ยินเสียงของผม’

‘ล้อเล่นนา’ หญิงสาวคิดในใจต่อเหตุการณ์ที่เหลือจะเชื่อ

‘เรื่องจริงขอรับ’

“นี้นายได้ยินกระทั่งความคิดของข้าหรือ” คราวนี้หนิงเซียนเปล่งเสียงออกมา แต่พยายามไม่ให้ดังมากนัก...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel