ตอนที่ 3 ทำไมรสชาติแย่อย่างนี้
ตอนที่ 3
องค์หญิงไร้ค่า องค์หญิงร้ายกาจ หรือองค์หญิงผู้ไม่เอาไหน ที่ผู้คนพากันกล่าวขานและเกลียดชัง แต่ตอนนี้ดวงวิญญาณที่ได้เป็นเจ้าของร่าง ไม่ใช่องค์หญิงนิสัยไม่ดีผู้นั้นแล้ว แต่เป็นแก้วตาหญิงสาวชาวไทย คนธรรมดาที่ตายเพราะบัวลอยติดคอตาย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางจะไม่ยอมเป็นองค์หญิงที่ขึ้นชื่อว่าไร้ค่าอีก และจะไม่งอนง้อบุรุษที่ไม่มีใจให้ ในเมื่อเขาไม่รัก ก็ปล่อยเขาไป ใช้ชีวิตใหม่ที่ได้มา อย่างมีความสุขจะดีกว่า
“ชิงชิง ฉิงฉวน ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกข้าว่าองค์หญิงอีกแล้ว องค์หญิงไร้ค่าผู้นั้นได้ตายไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คือ หนิงเซียน หญิงสาวธรรมดา ที่จะแสวงหาความสุขให้ชีวิตก็เท่านั้น” หลังจากคิดทบทวนไตร่ตรองดีแล้ว หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน จึงหันมากล่าวกับสาวใช้ทั้งสอง ที่จำชื่อได้จากในความทรงจำ
“ได้อย่างไรเพคะ อย่างไรองค์หญิงก็เป็นองค์หญิงอยู่วันยังค่ำ” ฉิงฉวนแย้งอย่างไม่เข้าใจในตัวของผู้เป็นนาย
“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าข้าให้พวกเจ้าเลือก พวกเจ้าอยากได้เจ้านายแบบไหน แบบเดิมที่ทำอะไรก็ไม่เป็น วัน ๆ ดีแต่หาเรื่องคนอื่น ชอบทำร้ายร่างกายพวกเจ้าในยามที่ถูกขัดใจ หรือเจ้านายคนใหม่ ที่พร้อมจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม จะดีกับพวกเจ้าทุกอย่าง จะทำให้ผู้คนรอบข้างมองไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ถูกมองว่าไร้ค่าอีก”
แก้วตาหรือหม่าหนิงเซียนเสนอทางเลือกให้ผู้ติดตามทั้งสองได้ตัดสินใจ ไม่ว่าอย่างไรร่างนี้ก็แต่งงานออกมาอยู่พ้นรั้ววังหลวงแล้ว ตำแหน่งองค์หญิงก็ไม่จำเป็นอีก แล้วหากอนาคตได้หย่าขาดจากสามี นางก็จะไม่กลับเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยกฎเกรนแน่ สู้หาหนทางทำมาหากินเลี้ยงดูตัวเองไม่ดีกว่าหรือ
“เอาอย่างไรดีฉิงฉวน ข้าก็จงรักภักดีกับองค์หญิงหรอกนะ แต่ก็ไม่ชอบตอนถูกองค์หญิงตบตีบ่อย ๆ”
เด็กสาวร่างท้วมหันไปปรึกษากับสาวใช้ด้วยกัน ด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าผู้เป็นนายจะไม่ได้ยิน แต่มันก็ดังกว่าเสียงกระซิบมากอยู่ดี
“ชิงชิงคนซื่อเอ๊ย” เด็กสาวร่างผอมส่ายหน้าไปมา พลางหันไปมองคนบนเตียง ว่าจะโกรธเคืองกับคำพูดของสหายหรือไม่ แต่ภาพที่เห็น ก็ทำให้นางต้องตกตะลึง เพราะนอกจากองค์หญิงจะไม่โกรธ สั่งลงโทษพวกตนอีก ยังยิ้มกว้างและสายตาที่จ้องมองพวกนาง ยังเต็มไปด้วยความเอ็นดูอีก
หรือว่าเรื่องเมื่อคืน จะเปลี่ยนความคิดขององค์หญิงจริง ๆ แล้วแบบนี้พวกนางควรจะเลือกทางไหนดี
“ว่าอย่างไร พวกเจ้าอยากให้ข้าเป็นแบบไหนกันแน่” หนิงเซียนเร่งเร้า ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม ลืมอาการปวดระบมช่วงล่างไปชั่วขณะ
“หม่อมฉัน อยากเห็นองค์หญิงเป็นคนใหม่เพคะ” ฉิงฉวนหลับตากัดฟันตอบออกมา ซึ่งมันตรงกับความคิดของเด็กสาวร่างท้วมพอดี
“หม่อมฉันก็เหมือนกันเพคะ” ชิงชิงรีบเออออเห็นด้วย
“ดี ต่อไปก็เรียกข้าว่าคุณหนูก็พอ และไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์อีก” หนิงเซียนกล่าวอย่างยินดีที่การเจรจาสำเร็จไปได้ดังใจหวัง จนเผลอขยับกายเข้ามาประชิดขอบเตียงเร็วเกินไป ทำให้กลับมารับรู้ถึงความปวดระบมของช่วงล่างอีกครั้ง “โอ๊ย”
“องค์หญิง...ไม่ใช่...คุณหนู อยู่นิ่ง ๆ ดีกว่าเจ้าค่ะ ให้พวกหม่อมฉัน...ไม่ใช่...ให้พวกบ่าวปรนนิบัติเอง” ชิงชิงพูดผิดพูดถูก
หม่าหนิงเซียนเองก็เห็นด้วย ไม่อยากจะขยับเขยื้อนไปไหนให้ความปวดเล่นงานเช่นกัน นางจึงนั่งนิ่งให้สาวใช้ทั้งสอง ช่วยกันเช็ดตัวทำความสะอาดและทายาบริเวณนั้นให้
หลังจากเช็ดตัวทายาเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ท้องของหญิงสาวก็ร้องเสียงดังขึ้นมาอย่างน่าเกลียด
“แหะ ๆ ท้องไม่รักดีคงหิวแล้ว”
สาวใช้พากันอมยิ้ม ให้กับองค์หญิงที่ไม่ทันไรก็ทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู ต่างจากองค์หญิงคนเดิม ราวกับเป็นคนละคน ปกติหากพวกนางปล่อยให้องค์หญิงหิวขนาดนี้ คงถูกสั่งโบยหลังลายไปแล้ว
“คุณหนูรอสักครู่ บ่าวจะไปยกสำรับเข้ามาให้เจ้าค่ะ”
ฉิงฉวนยกอ่างน้ำออกไปเก็บ แล้วยกสำรับที่ทางโรงครัวจัดส่งมา นำเข้าไปจัดวางบนโต๊ะตัวกลมภายในห้องนอนของผู้เป็นนาย จะได้ไม่ต้องขยับเขยื้อนไปไหนมาก
ทางด้านหญิงสาวจากยุคปัจจุบัน ที่ตั้งตาเฝ้ารอจะได้ชิมอาหารของยุคสมัยนี้ ถูกเด็กสาวร่างท้วมเข้ามาช่วยพยุงให้ลงจากเตียงมานั่งลงบนโต๊ะ
หลังจากอาหารถูกจัดวางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนิงเซียนนางก็ตักอาหาร ที่ส่วนมากจะประกอบไปด้วยผักเสียส่วนใหญ่ ขึ้นมาใส่ปากจนเต็มคำ
พอปลายลิ้นสัมผัสรับรสของอาหารที่กินเท่านั้นแหละ ก็แทบจะพุ่งเอาสิ่งที่เข้าปากไปออกมาคืนทันที ดีแต่ยั้งปากเอาไว้ได้ก่อน
ด้วยความที่เสียดายไม่อยากทิ้งอาหาร จึงพยายามเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากแล้วกล้ำกลืนลงคอไปอย่างยากลำบาก
“เอ่อ...คือว่าปกติอาหารของที่นี่ก็รสชาติแย่อย่างนี้หรือ” หนิงเซียนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
“เจ้าค่ะ” เด็กสาวร่างท้วมรับคำอย่างเข้าใจ เพราะอาหารที่พ่อครัวของสกุลอวี้ทำ อร่อยไม่ได้ครึ่งของทางพ่อครัวแม่ครัวหลวงในวังหลวงเลย นางเองท่าไม่กลัวหิว คงไม่ทนกินอาหารพวกนี้หรอก
“กินกันเข้าไปได้อย่างไร จืดชืดไร้รสชาติ” หญิงงามบ่นหน้าหงิกงอ ที่ความหิวยังไม่ถูกเติมเต็ม
“แต่ปกติคุณหนูก็กินได้นี้เจ้าค่ะ” ฉิงฉวนตั้งข้อสังเกตหรี่ตาลงอย่างนึกสงสัย ที่ผู้เป็นนายทำตัวแปลกไป
หม่าหนิงเซียนเห็นท่าทางจับผิดของเด็กสาวร่างผอม รีบสงบปากสงบคำตักสิ่งที่เหมือนเป็นน้ำแกงขึ้นมายกซด คราวนี้นางไม่อาจสะกดกลั้นรสชาติที่เหมือนทำมาจากน้ำทะเลได้อีก พ่นสำลักออกมากระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณโต๊ะตัวกลม
“แหวะ อันนั้นจืด แต่อันนี้กลับเค็มราวกับรถขนเกลือคว่ำใส่”
รถขนเกลือ...สาวใช้ทั้งสองหันมาสบสายตากันอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่ารถขนเกลือคืออะไร แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมามาก
“ข้ากินไม่ลงหรอก พวกเจ้าเอาไปกินหรือเททิ้งก็ได้”
หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน หมดความกระหายหิวอยากชิมอาหารในยุคสมัยโบราณนี้ทันที
“แต่คุณหนูกินไปได้เพียงสองคำเองนะเจ้าคะ” ชิงชิงกล่าวอย่างเป็นห่วง แต่สายตากลับจับจ้องอาหารที่องค์หญิงมอบให้ไม่วางตา
ร่างสมส่วนลุกจากเก้าอี้ เดินกลับไปนั่งลงบนเตียงตามเดิม แม้ยามนี้จะหิวมากเพียงไหน ก็ไม่สามารถกล้ำกลืนฝืนกินอาหารรสชาติแย่เข้าไปได้
“ข้าไม่นึกว่าสกุลอวี้จะให้ข้ากินอาหารรสชาติแย่ขนาดนี้ หรือว่าพวกเขาจงใจแกล้งเฉพาะเรือนรองของเราหรือเปล่า” ใบหน้างามหันไปปรึกษากับสาวใช้ทั้งสอง เพราะคนในจวนอวี้ต่างไม่ชอบขี้หน้าขององค์หญิงไร้ค่าผู้นี้อยู่แล้ว คงอยากหาทางขับไล่นางออกไปให้พ้นจวน โดยให้พ่อครัวแม่ครัว ทำอาหารแบบส่งเดชก็เป็นไปได้
“คงไม่เจ้าค่ะ” ชิงชิงคิดว่าคงไม่มีใครกล้าคิดทำร้ายองค์หญิงแน่
“ไม่แน่เหมือนกันนะเจ้าคะ” ฉิงฉวนที่ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเริ่มคิดตามคำพูดของเจ้านาย
เพราะตั้งแต่คุณหนูย้ายเข้ามาอยู่ในจวนอวี้ คุณหนูไม่เคยไปนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับสามีหรือแม่สามีที่เรือนใหญ่เลย ปกติจะมีคนจากทางโรงครัวจัดส่งมาให้ จึงไม่รู้ว่าอาหารที่ส่งไปเรือนอื่นรสชาติแย่เช่นนี้หรือเปล่า
“แบบนี้ต้องพิสูจน์”
แก้วตาก็อยากจะพิสูจน์ว่า หนิงเซียนเป็นถึงพระธิดาของฮ่องเต้ คนในจวนนี้จะกล้ารังแกถึงขนาดให้กินแต่อาหารรสชาติแย่เพียงนี้หรือ ถึงแม้ว่านางจะเป็นองค์หญิงที่ไม่ได้เรื่องนิสัยไม่ดีก็เถอะ
“พิสูจน์อย่างไรเจ้าคะ หรือว่าคุณหนูจะไปร่วมรับประทานอาหารกับคุณชายหรือไม่ก็กับอวี้ฮูหยิน” ชิงชิงเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะปกติองค์หญิงของพวกนาง ไม่ยอมลดเกียรติไปร่วมโต๊ะอาหารกับแม่สามีแน่
“ไม่...ข้ายังไม่พร้อมเจอหน้าสองคนนั้น ไปเรือนของอนุหลินดีกว่า”
ในที่สุดหม่าหนิงเซียนก็ตัดสินใจไปหาอนุลำดับที่สองจากสามนาง โดยเลือกจากความทรงจำของร่างเดิม ว่าอนุหลินผู้นี้ดูจะหัวอ่อนและหวาดกลัวนางมากที่สุด
“องค์หญิง เสด็จมาที่เรือนหม่อมฉัน ทรงต้องการให้หม่อมฉันทำสิ่งใดถวายเพคะ” อนุหลินยอบกายทำความเคารพ ก้มหน้านิ่ง ร่างทั้งร่างสั่นเป็นลูกนกที่ตกน้ำ
“ข้าอยากมาร่วมกินข้าวกับเจ้านะ”
โชคดีที่อนุหลินกำลังจะลงมือกินอาหารพอดี นางจึงต้อนรับฮูหยินรองผู้สูงศักดิ์แบบงุนงงและหวาดกลัว จนไม่กล้าที่จะตักอาหารเข้าปากเลยแม้แต่คำเดียว
“อาหารในแต่ละมื้อรสชาติแย่แบบนี้ทุกวันเลยหรือ” หลังจากได้ลองชิมแล้ว หนิงเซียนก็พบว่าอาหารที่เรือนของอนุนี้ก็มีรสชาติแย่ไม่ต่างที่เรือนรองของนาง
“เพคะ” อนุหลินยังคงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบสายตากับองค์ห
“ขอบใจเจ้ามาก” องค์หญิงกล่าวจบก็ขอตัวกลับเรือนรองไป ไม่ได้อยู่กินข้าวต่อแต่อย่างใด...