ตอนที่ 2 เรื่องราว
ตอนที่ 2
ปลายยามเฉิน (09.00) ร่างบางที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนุ่ม เริ่มขยับรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แพขนตางอนขยับเปิดขึ้น กระนั้นก็ยังไม่อยากที่จะขยับเขยื้อนร่างกายมาก เพราะช่วงล่างนั้นปวดรวดร้าวจนเกินคำบรรยาย
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนถาโถมเข้าสู่ห้วงมโนสำนึกอีกครั้ง
บุรุษใบหน้าหล่อเหลาแต่จิตใจกลับชั่วช้าเลวทราม ข่มขืนสตรีที่ไม่เต็มใจหลับนอนได้อย่างเลือดเย็น ไม่สนแม้ว่าหยดน้ำตาของนางจะรินไหลออกมา
“ไอ้เลวเอ๊ย อย่าให้เจออีกนะ ได้ตายกันไปข้างหนึ่งแน่”
เสียงหวานคำรามอยู่ในลำคอ สองมือกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น ดวงตาหงส์ขึ้งเคียด ยามคิดถึงใบหน้าของบุรุษใจทรามผู้นั้น
จังหวะเดียวกันนั้น บานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของสตรีวัยแรกรุ่นสองนาง เดินถืออ่างใส่น้ำพร้อมกับผ้าสะอาดเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะพากันมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงกว้าง
“องค์หญิงของชิงชิงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ”
เด็กสาววัยสิบห้าหนาว รูปร่างค่อนข้างเจ้าเนื้อ ใบหน้ากลม ผิวคล้ำ เอ่ยปากถามผู้เป็นนาย ดวงตาเล็กยิบหยีกวาดมองผิวขาวเนียน ที่แดงก่ำเต็มไปด้วยรอยฝ่ามือและรอยริมฝีปากของคุณชายอวี้ อีกทั้งสภาพองค์หญิงของพวกนางก็ดูไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัว ช่างน่าสงสารมากเหลือเกิน
“เจ้าก็เห็นสภาพขององค์หญิงแล้วยังจะถามอีก” เด็กสาวในวัยเดียวกัน แต่มีรูปร่างที่สมส่วน มีใบหน้าที่น่ารักน่ามองเอ่ยเสียงดุ ก่อนจะนั่งลง หยิบผ้าสะอาดลงไปจุ่มชุบน้ำในอ่างแล้วบิดให้หมาด ๆ ปากก็ก่นด่าผู้ที่ทำเกินกว่าเหตุ “คุณชายนะคุณชาย ทำอะไรไม่เกรงพระทัยฝ่าบาทบ้างเลย ถือว่าตนเองมีความชอบต่อบ้านเมืองมากหรืออย่างไร คอยดูนะข้าหมดความอดทนเมื่อใด จะนำเรื่องนี้ไปทูลฟ้องฝ่าบาทกับฮองเฮา”
มือที่ถือผ้าชุบน้ำขยับเข้าไปใกล้ดวงหน้างามที่ผินมามองหมายจะเช็ดหน้าให้ผู้เป็นนายรู้สึกสดชื่นก่อน แต่ยังขยับไปไม่ถึง ร่างของคนบนเตียงก็ดีดพึงขยับลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับกระชับผ้าห่มให้ขึ้นมาปกปิดร่างกายให้มิดชิด
“พวกเธอเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน”
ท่าทางแปลกประหลาดมาพร้อมกับคำพูดที่ฟังยากจะเข้าใจ ทำให้สาวใช้ทั้งสองต้องลอบมองสบสายตากัน ก่อนจะหันมาจ้องหน้าผู้เป็นนายอีกครั้ง
คนบนเตียงเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยคำถามของเด็กสาวทั้งสองก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ที่เธอยังไม่ได้คำตอบ ว่าตกลงเธอมาอยู่ในห้องนอนที่ตกแต่งเหมือนยุคโบราณได้อย่างไร
จังหวะที่จะอ้าปากพูดนั้น ภาพความทรงจำก็ถูกฉายขึ้นมาในหัวสมอง เสมือนภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีตัวของเธอเป็นผู้ดำเนินเรื่อง
เธอมีชื่อว่า แก้วตา หญิงสาววัยยี่สิบห้า เป็นคนโคราช และเป็นเด็กบ้านนอก ที่ไม่อยากห่างบ้านไปไหน เพราะต้องการอยู่ดูแลพ่อแม่ที่มีเธอเป็นลูกเพียงคนเดียว
การที่ไม่ออกไปหางานทำ ก็ใช่ว่าแก้วตาจะเป็นคนขี้เกียจ เพราะยามหน้าทำนา เธอก็จะช่วยพ่อทำนาปลูกข้าว ยามเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็จะหันมาทำไร่ทำสวนปลูกผักขาย
นอกจากนี้เธอยังมีอาชีพนักเขียนเป็นรายได้เสริม พอที่จะมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยภายในครอบครัว
แล้วยังมีอีกหนึ่งอย่างที่แก้วตาชื่นชอบ คือ การเข้าครัวทำอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวาน เธอทำได้หมด และทำอร่อยเสียด้วย ดูได้จาก ไม่ว่าจะงานบุญหรืองานขาวดำ ชาวบ้านก็มักจะมาหาแก้วตาให้ไปเป็นแม่ครัวใหญ่ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธ
ในช่วงเช้าของวันหนึ่ง เธอเข้าครัวทำกับข้าวเสร็จ ก็ตามด้วยบัวลอยไข่หวานที่พ่อบ่นว่าอยากกิน หลังจากทำเสร็จ เธอก็ตักขึ้นมาชิมหนึ่งคำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เม็ดแป้งก้อนกลม ๆ ดันติดอยู่ที่คอ ทำอย่างไรก็ไม่ออก
จังหวะนั้นพ่อแม่ก็ไม่อยู่ข้างในตัวบ้าน เธอพยายามดิ้นรนออกไปหาคนช่วยเหลือ แต่หลังจากเดินออกจากห้องครัวมาได้ไม่กี่ก้าว อาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกก็ทวีความรุนแรงขึ้น ท้ายที่สุดเธอก็ทรุดลงนอนคว่ำหน้า ตาเหลือกตาถลนอยู่บนพื้น
นอกจากแก้วตาจะมองเห็นภาพการตายอันน่าเวทนาของตัวเองแล้ว เธอยังได้รับความทรงจำของใครคนหนึ่ง ที่วิญญาณของเธอเกิดจับพลัดจับผลูเข้ามาอาศัยร่างด้วย
ร่างที่วิญญาณของแก้วตาสิงสถิตอยู่นี้ มีชื่อว่า หม่าหนิงเซียน เป็นองค์หญิงของฮ่องเต้แคว้นฉิน ที่เกิดจากฮองเฮา และเป็นน้องสาวมารดาคนเดียวกันกับองค์รัชทายาท
ด้วยชาติกำเนิดที่สูงส่ง และการเลี้ยงดูแบบตามใจของฮองเฮา ทำให้องค์หญิงหนิงเซียน เป็นคนนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ หยิบจับทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง หนำซ้ำยังจิตใจโหดเหี้ยมชอบลงโทษนางกำนัลที่ชอบขัดใจอยู่เป็นประจำ และยังไม่เห็นหัวผู้ใด เพราะคิดว่าตนเป็นธิดาของโอรสสวรรค์
จึงไม่แปลกที่คนภายในวังหลวงและนอกวังหลวงจะพากันเกลียดชัง ถึงขนาดที่ไม่มีบุรุษคนใดหรือแม่สามีคนไหน อยากได้นางเข้าไปเป็นลูกสะใภ้
สร้างความกลัดกลุ้มพระทัยให้แก่ฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทรงสั่งสอนให้องค์หญิงหนิงเซียนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรก็ไม่เป็นผล ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ คงได้อยู่คนเดียวแบบนี้ไปจนแก่ชราแน่
ครั้นจะยกให้ไปอภิเษกกับองค์ชายแคว้นอื่น ก็เป็นห่วงกลัวว่าจะได้รับความลำบาก
ระหว่างที่ฮ่องเต้ทรงคิดหาทางออกอยู่นั้น แม่ทัพหนุ่มของแคว้น ได้รับชัยชนะจากการรบ นำทัพกลับมาที่เมืองหลวงพอดี
โอรสสวรรค์จึงปูนบำเหน็จรางวัล ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ที่ดินทำกิน รวมไปถึงมอบองค์หญิงหนิงเซียนให้เป็นรางวัลในครั้งนี้ด้วย
องค์หญิงหนิงเซียนนั้น เดิมทีแอบมีพระทัยพึงพอใจในตัวของแม่ทัพผู้นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงรู้สึกยินดีที่จะได้ออกเรือน ผิดกลับแม่ทัพหนุ่มอวี้โม่โฉว ที่ไม่ได้รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย เพราะเขานั้นมีนางอันเป็นที่รักอยู่แล้ว และอีกอย่างในสายตาของเขาองค์หญิงผู้นี้ไร้ค่า นิสัยไม่ดี ไม่อยากอยู่ใกล้ให้สกุลอวี้ต้องมัวหมอง
แต่ทว่าไม่อาจขัดรับสั่งของฝ่าบาทได้ งานอภิเษกจึงถูกจัดขึ้น ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา
เมื่อองค์หญิงได้แต่งงานกับแม่ทัพโม่โฉว ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในฐานะฮูหยินรองเท่านั้น เพราะแม่ทัพหนุ่มอยากเก็บตำแหน่งฮูหยินเอกเอาไว้ให้หญิงคนรัก
สร้างความไม่พอใจให้กับองค์หญิงเป็นอย่างมาก แต่นางก็จำต้องอดทน เพราะต้องการอยู่ใกล้สามี และมั่นใจว่า ความงดงามอันโดดเด่น จะต้องทำให้สามีลุ่มหลงจนลืมคนรักเก่าได้แน่
ทว่านางคิดผิด เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา สามีไม่เคยแตะต้องหรือเหยียบย่างมาที่เรือนรอง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของเรือนใหญ่เลยแม้แต่ครั้งเดียว เอาแต่ไปคลุกอยู่ที่เรือนเล็กของบรรดาอนุ
องค์หญิงหนิงเซียนจึงจัดการอาละวาด ก่อกวนหาเรื่องบรรดาอนุได้ไม่เว้นวัน ทำให้จวนที่เคยสงบสุข ไม่สงบสุขอีกต่อไป
ทั้งแม่ทัพโม่โฉว ทั้งอวี้ฮูหยิน ต่างไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นธิดาของโอรสสวรรค์กับมารดาของแผ่นดิน
วันหนึ่งแม่ทัพหนุ่มนำข่าวดีมาแจ้งให้ทุกคนในจวนทราบ เรื่องที่จะตกแต่งนางอันเป็นที่รัก ให้เข้ามาอยู่ในฐานะฮูหยินเอก ซึ่งทุกคนยินดีเป็นอย่างมาก
แต่นี้กลับเป็นข่าวร้ายขององค์หญิง หากสตรีนางนั้นเข้ามาอยู่ในจวนจริง ๆ สามีก็จะยิ่งห่างเหินนางมากขึ้นไปอีก
นางจึงได้จัดการให้สาวใช้คนสนิท ออกไปหายาปลุกกำหนัด แล้วนำไปใส่ในน้ำชา ก่อนจะจ้างวานให้บ่าวในเรือน นำชานี้ไปให้ท่านแม่ทัพหนุ่มดื่ม
หลังจากนั้นองค์หญิงก็จัดการหลอกล่อให้ชายหนุ่มมาหาที่เรือน จนได้มีความสัมพันธ์กัน แต่ว่าด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่รุนแรง บวกกับความโมโหดุดันของท่านแม่ทัพ องค์หญิงที่ถูกเคี่ยวกรำมาครึ่งคืน เกิดอาการหายใจไม่ทัน เหนื่อยเพลีย และช็อกตายไปในที่สุด
ผลกรรมจึงมาตกที่วิญญาณของแก้วตา ที่ได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างขององค์หญิงแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ และถูกบุรุษแกร่งย่ำยีอีกครึ่งคืนที่เหลือ
“องค์หญิง คุณชายอวี้รังแกพระองค์จนพูดจาไม่รู้เรื่องเลยหรือเจ้าคะ”
คราวนี้สาวใช้ทั้งสองกล่าวประโยคเหมือนกันขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าแววตาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“หม่อมฉันจะไปตามหมอหลวง” สาวใช้ร่างผอมวางผ้าลงบนขอบอ่าง ตั้งท่าจะลุกขึ้นไปทำตามอย่างที่พูด
“ไม่ต้อง ฉัน...เอ่อ...ข้าไม่เป็นอันใดมาก ไม่ต้องไปรบกวนหมอหลวงหรอก”
แก้วตาพยายามเรียนรู้วิธีการพูดของคนในยุคสมัยนี้จากความทรงจำที่ได้รับให้ได้มากที่สุด และพยายามตั้งสติคิดทบทวน ถึงเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับชีวิต...