บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ทำใจยอมรับ

หลังรับประทานอาหารเย็นกับไข่ต้มเสร็จมาวินจึงเดินลงไปยืนรับลมเย็น ๆ ด้านล่าง มองวิวทิวทัศน์อยู่ใต้ต้นประดู่ข้างเรือน เสียงจักจั่นเรไรร้องสนั่นก้องไปทั่วราวกับมีเป็นแสนตัวทั้งที่บ้านหลังนี้มีต้นไม้อยู่สองต้น มันไม่สูงมากนักแต่ก็พอเป็นร่มเงาได้อย่างสบาย ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้าไปได้ไม่นาน มันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก บ้านหลังเล็กอยู่ท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำ แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็น่ากลัวไม่น้อย คิดมาแล้วก็รู้สึกสงสารนิตยา เธออยู่คนเดียวมาได้อย่างไรตั้งหลายปี พอแต่งงานก็ต้องมาแบกรับภาระกับผัวขี้เกียจคนนี้อีก

แล้วเขาล่ะจะอยู่ที่นี่ได้จริง ๆ หรือ หนุ่มวิศวะมีท่าทีคิดไม่ตก

จากที่เคยอยู่สุขสบายต้องมาอยู่ในพื้นที่ชนบท ไม่ใช่ชนบทธรรมดาเขาย้อนเวลามาในปีพอศอสองพันห้าร้อยยี่สิบแปด ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ ดูแล้วฐานะของนิตยากับสามีคนเก่าก็ไม่ได้ดีนักจะว่าขัดสนก็ได้ เพราะเขากินอาหารมาสองมื้อก็เห็นแต่ไข่ต้ม ยอดผักตบชวาลวก และปลาร้าสับถ้วยเดิมที่เหลือจากเมื่อตอนกลางวัน แล้วเขาจะไปจากที่นี่ได้อย่างไร เงินก็ไม่มี รถก็ไม่มี ที่เขาเห็นมีเพียงจักรยานคันใหญ่ที่พิงไว้ข้างเสาเรือน เขาไม่ได้อยากรวยแต่ขอให้มีแบบไม่ขัดสนเท่าตอนนี้ก็พอ

ถึงตอนอยู่กรุงเทพฯจะงานหนักแต่เงินก็มากด้วย อยู่ที่นี่เขาต้องกินไข่ต้มทุกวันเลยเหรอ ถ้าจะขอพ่อแม่กินพวกเขาก็คงไม่ให้เพราะถือว่าออกเรือนแล้ว ญาติฝั่งเมียยิ่งยากจนเข้าไปอีกคงไม่มีใครแบ่งใคร ถ้าอย่างนั้นคงไม่ให้เธอออกมาอยู่คนเดียวในพื้นที่เปลี่ยวตั้งแต่อายุสิบห้าปีเช่นนี้หรอก

เฮ้อ! เขาลอบถอนหายใจรอบที่เก้าสิบเก้า เอาวะ! อยู่ก็อยู่ นิตยาอายุแค่ยี่สิบยังอยู่ได้ แล้วเขาทำไมจะอยู่ไม่ได้ เธอกินอะไรเขาก็ต้องกินสิ่งนั้น

มาวินรู้สึกอึดอัดช่วงเอวจึงใช้มือลูบคลำแล้วลองขยับ จะว่าเป็นขอบกางเกงม่อฮ่อมก็ไม่ใช่ มันเหมือนเส้นอะไรสักอย่าง ดวงตาคมก้มลงมองพุงตัวเองจึงเห็นของบางอย่าง มันคือตะกรุดคาดเอวสามดอก เขาลืมไปได้อย่างไรว่าร่างนี้มีตะกรุดคาดเอว เขาค่อย ๆ ถอดออกมาแล้วม้วนเป็นวงกลม พิศมองด้วยความใคร่รู้

ทันใดนั้นมาวินก็เห็นเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้างอยู่ในนั้นเต็มไปหมด

มาวินมองดูด้วยแววตาประหลาดใจแล้วหยิบเครื่องมือออกมาหนึ่งอัน “เป็นไปได้จั่งได๋วะ” (เป็นไปได้ยังไงวะ) เขาทึ่งกับสิ่งที่เห็น แบบนี้เขาก็ไม่อดตายแล้วสิ อย่างน้อยก็พอหาทางซ่อมบ้านหลังเล็กนี้ได้ มาวินมองซ้ายแลขวาเมื่อนิตยาไม่เห็นเขาจึงคาดตะกรุดไว้ที่เอวเช่นเดิม ตื่นเต้นที่ตัวเองมีของวิเศษ

มาวินรู้สึกสบายใจขึ้นมาก รับลมเย็นจนพอใจจึงเดินขึ้นบนเรือน ภรรยาเด็กของเขากางมุ้งไว้รอแล้ว บ้านของเธออยู่ห่างจากหมู่บ้านเกือบสามกิโลเมตร ในป่าแบบนี้จึงไม่มีไฟฟ้าใช้

มาวินคลานเข้ามุ้งที่นิตยาจัดที่นอนไว้คนละฝั่งเหมือนเช่นทุกวัน เธอเปิดประตูฝั่งครัวไว้ให้ลมโกรก ไม่เช่นนั้นถ้าปิดทุกด้านคงร้อนตับแตกแน่ ตับเขานี่แหละจะแตกก่อนเธอ ผนังเป็นสังกะสี ดวงอาทิตย์ก็เพิ่งลาฟ้าไม่นาน ไอร้อนคงยังไม่ระเหยออกจากสังกะสีได้หมด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้นอนเร็วในรอบเจ็ดปีหลังจากเรียนจบ

ทั้งสองหันศีรษะไปทางทิศเหนือ มาวินเห็นนิตยานอนไกลจนชิดผนังอีกฝั่งก็รู้สึกแปลกใจ

“ย่านอ้ายเบาะ” (กลัวพี่เหรอ)

“บ่อ เจ้าบ่อให้ข่อยนอนใกล้ต๊ะเก่าเด้ล่ะ” (เปล่า ปกติพี่ก็ไม่ให้ฉันนอนใกล้นะ)

“เอ้อ อ้ายลืม หยับมาอีกอ้ายบ่อวาดอก นอนใกล้สังกะสีดึกมามันสิหนาว” (เออ พี่ลืม ขยับมาอีกพี่ไม่ว่าหรอก นอนใกล้สังกะสีดึกมามันจะหนาว)

ไอ้นาจคนก่อนนี่มันสุดจริง แค่นอนใกล้ก็ยังไม่ได้ อากาศช่วงกลางดึกค่อนข้างหนาว เดี๋ยวสังกะสีก็ควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำอีก มันไม่สงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เลยหรือไง

นิตยาขยับกายออกห่างผนังสังกะสีตามที่เขาบอก

หลายนาทีต่อมา มาวินนอนเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผาก สักพักก็พลิกกายไปมาอยู่หลายครั้ง ร้อนด้วย คิดไม่ตกด้วย

“อ้ายนอนบ่อหลับเบาะ” (พี่นอนไม่หลับเหรอ)

ถึงเขาจะไม่ได้พลิกกายแรงแต่เธอก็รู้สึกได้ เพราะเรือนก็หลังแค่นี้

“อื้อ” (ครับ)

“เป็นหยัง เฮ็ดเวียกเมื่อยเบาะ” (เป็นอะไร ทำงานเหนื่อยเหรอ) เขาเพิ่งทำงานวันแรกอาจจะปวดเมื่อยตามร่างกายจนนอนไม่หลับ

“หึ” (ไม่) เขาคิดเรื่องนี้มาทั้งวัน คิดว่าพูดกับเธอดีกว่าเก็บมันไว้ ว่าแล้วก็เอ่ยถามเธอ “นิดอยากเลิกกับอ้ายบ่อ” (นิดอยากเลิกกับพี่ไหม)
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel