ตอนที่ 3 สามีเปลี่ยนไป
อำนาจส่ายหัวแล้วเดินขึ้นเรือน นิตยาก็เตรียมกับข้าวไว้รอแล้ว เขาเดินออกไปทางฝั่งครัวแล้วนั่งลงเบา ๆ แบบที่ไม่เคยเป็น
นิตยาสังเกตท่วงท่าของสามีที่ดูเปลี่ยนไป ปกติเขาเดินลงส้นเท้าหนักจนเรือนสะเทือนไปทั้งหลัง แต่ครั้งนี้เบากว่าครั้งไหน ๆ มาก เขารู้จักย่องเท้าเบาเป็นด้วยหรือ
สายตามองอาหารตรงหน้าแล้วก็ต้องอึ้งไปสักพัก เมื่อเห็น ไข่เป็ดต้ม ผักลวกและปลาร้าสับหรือแจ่วบองที่เขาก็รู้จัก เพราะตอนทำงานอยู่กรุงเทพฯก็มีลูกน้องที่เป็นคนอีสาน และพ่อกับแม่ของเขาก็ชอบทาน
“เอาน่ำปลาให่อ้ายแหน่” (เอาน้ำปลาให้พี่หน่อย)
“บองปลาแดกเค็มบ่อพอเบาะ” (ปลาร้าสับเค็มไม่พอเหรอ)
นิตยาสงสัยว่าทำไมเขาถึงอยากได้น้ำปลาอีก
“บ่อแมน มื่อนี่อ้ายบ่ออยากบองปลาแดก” (ไม่ใช่ วันนี้พี่ไม่อยากกินปลาร้าสับ)
เขาขอเวลาทำใจอีกสักหน่อย ปลาร้าต้มสุกใส่ส้มตำหรือใส่แกงเขาพอกินได้ แต่ปลาร้าดิบมาเป็นตัว ๆ แบบนี้เขาสู้ไม่ไหว
นิตยาทำหน้างงเพราะปกติผู้ชายคนนี้ไม่เคยปฏิเสธเรื่องอาหารการกิน มีอะไรกินจนเรียบทุกอย่าง แต่ก็ยอมลุกไปหยิบน้ำปลามาให้เขา
มาวินปอกไข่ต้มใส่ถ้วยใช้มือบิครึ่งให้ไข่แดงยางมะตูมไหลออกมาแล้วเหยาะน้ำปลาใส่ จากนั้นปั้นข้าวเหนียวมาจิ้ม แบบนี้เขาคงลดน้ำหนักได้ไม่ยาก แต่อาจจะตายก่อนเพราะไม่มีแรง แต่แบบนี้ก็อร่อยไปอีกแบบ
นิตยาสังเกตสามีกินข้าวอย่างเงียบ ๆ เขากินแค่ผักลวกกับไข่ต้มจริง ๆ ไม่แตะปลาร้าสับแม้แต้คำเดียว ปกติเห็นฉีกปลาร้ากินเป็นตัว ๆ แถมท่าทางกินยังสงบเสงี่ยมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่เคี้ยวเสียงดัง ไม่มุมมาม ข้าวเหนียวที่เคยกินคำเท่ากำปั้นก็ลดลงมาเหลือคำเล็กเท่าไข่นกกระทา
มาวินกินข้าวอิ่มก่อนภรรยา เสร็จแล้วเขาเดินไปล้างมือไม่ได้ล้างลงข้างตัวเหมือนเช่นทุกครั้ง
จากนั้นเดินลงไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ด้านล่างตรงนั้นมีแคร่ไม้ไผ่ค่อนข้างเก่าวางอยู่ ทุกย่างก้าวของเขานิตยามองตามด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เขาไม่สูบบุหรี่หลังรับประทานอาหารเสร็จทันที ไม่ขากถุยเหมือนที่เคยทำ พูดเพราะกว่าเดิมหลายเท่า
“คือเปลี่ยนไปหลายแท่วะ” (ทำไมเปลี่ยนไปเยอะจัง) เก็บถ้วยชามเสร็จจึงเดินลงเรือนตามสามีไป
เธอใช้ผ้าคลุมหน้าแล้วสวมหมวกปีกทับ จากนั้นเดินไปถือเอาจอบเดินตรงไปยังแปลงดินที่เจ้าตัวขุดค้างไว้
มาวินมองภรรยาจำเป็นแล้วถอนหายใจ เขาจะทำอย่างไรดี คิดไปคิดมาจึงตัดสินใจเดินไปหยิบจอบเล่มใหญ่ที่สอดไว้ใต้ถุนบ้านแล้วเดินตามภรรยาไป เขารู้ว่าร่างเดิมของผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำอะไรเลยไม่รู้ว่าเขากล้านอนเอาเปรียบผู้หญิงขนาดนี้ได้อย่างไร
“อ้ายขุดซอย” (พี่ขุดช่วย)
“ฮะ! เจ้าว่าอิหยังนะ” (ฮะ! พี่ว่าอะไรนะ) นิตยาถามด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้เขาดูแปลกไปจากเดิมมาก หรือเขาจะคิดได้แล้วจริง ๆ แต่มันไม่เร็วไปหน่อยหรือ
“อ้ายสิขุดซอย” (พี่จะช่วยขุด)
เขาย้ำอีกครั้ง
นิตยาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วเอ่ยขึ้น “ฝนกะบ่อตกเด้ล่ะ” (ฝนก็ไม่ตกนี่นา) ตั้งแต่อยู่กับเขามาร่วมปีอำนาจไม่เคยลุกขึ้นมาช่วยเธอทำงานเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่เธอยอมทนอยู่ด้วยเพราะอย่างน้อยก็มีเขาอยู่เป็นเพื่อนไม่ต้องนอนกลัวผีเหมือนสี่ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะแต่งงานกับเขา
มาวินไม่ได้สนใจกับคำที่เธอพูด ตั้งหน้าตั้งตาขุดดินทั้งที่เขายังใช้จอบไม่ค่อยถนัดนัก เกิดมาจนอายุสามสิบแล้วเคยใช้จอบที่ไหน
“เอาหมวกไปใส่” (เอาหมวกไปใส่)
นิตยาถอดหมวกของตนยื่นให้เขา เพราะสงสารคนตัวอ้วน ยืนตากแดดไม่ทันไรเหงื่อก็ไหลท่วมตัว
“นิดใส่โลด” (นิดใส่เถอะ)
“ข่อยมีผ้าด้ามอยู่” (ฉันมีผ้าขาวม้าอยู่)
มาวินปรายตามองเธอแวบหนึ่งแล้วรับหมวกปีกจากเธอมาสวมแล้วทำงานต่อ