บท
ตั้งค่า

เนื้อในมื้ออาหาร

ชาวบ้านมองพวกเด็กสองคน ที่วันนี้แตกต่างจากเวลาปกติที่พวกเขาเห็นกัน มีน้อยมากนักที่ผู้หญิงอย่างหยูเจี้ยนจะพาลูกออกมาเดินเล่นตามหมู่บ้านแบบนี้ และถ้าเหมือนว่าตาไม่ได้ฝาดไปเหมือนว่าเด็กๆ พวกนั้นจะสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ไม่มีผิด หรือว่าสามีของหยูเจี้ยนกำลังจะกลับมา เรื่องราวมันมักจะเป็นแบบนั้น เมื่อไหร่ที่สามีจะกลับมาเด็กๆ สองคนนั้นถึงได้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่และดูดี ไม่รู้ว่าอิ้นหยวนจะรู้ความจริงบ้างหรือเปล่า ว่าลับหลังสายตาของเขาแล้ว ภรรยาปฏิบัติเลวร้ายกับลูกๆ

หยูเจี้ยนคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ประหลาด ที่จะมีชาวบ้านมองและวิจารณ์บางอย่างมาที่เธอ มันช่วยไม่ได้ที่ร่างเดิมเป็นคนที่มีนิสัยแย่มากจริงๆ หากจะปรับให้ชาวบ้านเห็นว่าเธอได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ช่วยไม่ได้ที่มันต้องใช้เวลาเหมือนกับการเอาชนะใจที่มืดมนของลูกๆ 

ทันทีที่ถึงสหกรณ์หยูเจี้ยนเลือกที่จะซื้อข้าวขาวสิบหกชั่ง เกลืออีกหนึ่งชั่ง น้ำมันพืชอีกสองชั่ง ไข่ไก่อีกสองชั่ง พนักงานขายไม่คิดว่าจะมีชาวบ้านที่กล้าที่จะซื้อข้าวของครั้งละมากมายขนาดนี้ แต่ขายของได้มันก็ดีแล้ว

เพราะข้าวหนักกว่าสิ่งอื่น หยูเจี้ยนจึงเป็นคนถือ ส่วนลูกสาวกับลูกชายคนเล็กถือเกลือและน้ำมัน ไข่ไก่ที่บอบบางเป็นเธอที่ถืออีกมือหนึ่งเท่านั้น

พนักงานร้านเห็นว่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ขนของกลับไปเองคงไม่ดีนัก เธอเดินออกมาพร้อมอาสาที่จะเข็นรถเข็นไปส่งที่บ้าน อย่างไรแล้วระหว่างนี้คงไม่มีใครมาซื้อของ ที่จริงบางวันสหกรณ์แทบจะขายสินค้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป

"ให้ฉันเข็นใส่รถเข็นไปส่งที่บ้านเถอะค่ะ ฉันกังวลว่ามันจะเสียหายก่อนที่จะถึงบ้าน"

เห็นแบบนั้นแล้วหยูเจี้ยนก็ไม่ปฏิเสธ อีกอย่างเด็กๆ จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยอีกด้วย หลังจากที่รถเข็นของสหกรณ์มาถึงหน้าบ้าน สะใภ้รองมองหยูเจี้ยนด้วยสายตาน่าเกลียด ข้าวของที่อยู่บนรถเข็นนั่นมีทั้งข้าวขาวเกลือน้ำมันและไข่ไก่ เป็นแบบนี้เท่ากับว่าคนพวกนั้นกำลังได้กินอาหารดีๆ ในทุกวัน ทั้งที่บ้านของพวกเธอแทบจะได้กินกับแค่แป้งจี่และผักกาดดองเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะยอมรับว่า หยูเจี้ยนกับเด็กที่น่ารังเกียจสองคนนั้นมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่าบ้านเธอ แถมเหมือนว่าเสื้อผ้าใหม่บนตัวอิ้นผิงและอิ้นเหมาจะเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่อีกด้วย หยูเจี้ยนผีเข้าหรือไง ถึงลุกขึ้นมาทำดีกับเด็กไร้ประโยชน์พวกนั้นเอาได้

หลังจากจัดเก็บของเรียบร้อยแล้ว หยูเจี้ยนเดินไปที่บ้านเด็กหนุ่มที่รับจ้างตัดฟืน เธอจงใจซื้อฟืนมากหน่อย อย่างไรแล้วสิ่งของพวกนี้นับว่ามันเป็นสิ่งของที่จำเป็นที่ต้องใช้ในทุกวันอยู่แล้ว เด็กๆ ถูกคนเป็นแม่ไล่ไปอาบน้ำและไปนอนกลางวัน ซึ่งปกติแล้วเล็กๆ ไม่เคยได้รับอนุญาตให้นอนระหว่างวันเลยสักครั้ง

อิ้นผิงได้สวมใส่กระโปรงเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกว่าเธอชื่นชอบการสวมใส่กระโปรงแบบนี้มากกว่ากางเกงมากจริงๆ สัญญากับตัวเองว่าจะถนอมเสื้อผ้าพวกนี้ เพื่อเก็บไว้ใช้ให้นานที่สุด ให้ได้

หยูเจี้ยนเดินกลับมาถึงบ้านเด็กก็หลับกันหมดแล้ว เธอเดินเข้าห้องครัว ก่อนที่จะคิดว่าถ้ามีเนื้อกับผักบ้างมันจะวิเศษมากขนาดไหน พวกเด็กๆ คงไม่เคยกินเนื้อกันมาก่อน หลังจากที่ดูนิสัยของคนเป็นแม่แล้ว

กระดิ่งสั่นจนได้ยินเสียงเบาๆ ไม่นานก็มีเนื้อหมูสามชั้นประมาณสี่ชั่ง และผักสดอีกหลายชนิดอีกหนึ่งตะกร้า เธอไม่รู้ว่าสามารถขออาหารได้ด้วย แต่หลังจากที่เรียนรู้วิธีการใช้งานได้ เธอเชื่อว่าเธอจะสร้างผลประโยชน์กับกระดิ่งวิเศษได้มากพอสมควร เนื้อสี่ช่างไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ 

เธอตัดสินใจขอพวกแป้งซาลาเปาและแป้งเกี๊ยวจากกระดิ่งอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ครั้งนี้มันจะมีแค่ความว่างเปล่า ตอนนี้เธอรู้ข้อจำกัดของกระดิ่งวิเศษแล้ว ในหนึ่งวันเธอสามารถขอของจากกระดิ่งได้เพียงสามครั้งเท่านั้น แต่แค่นั้นมันก็มากเกินไปแล้ว

สำหรับเนื้อสี่ชั่งนั้นเธอคิดว่าจะเอาไปผัดจับฉ่าย ใส่ผักหลายอย่างที่มีอยู่ในตะกร้า และไม่ลืมที่จะแบ่งเอาไปทำหมูสามรส รสชาติฉ่ำๆ

คงมีเนื้อเหลืออยู่มากอยู่ดี หยูเจี้ยนวางแผนที่จะเก็บเอาไว้ทำไส้ซาลาเปา อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากเกินไปแล้ว การทำซาลาเปาเก็บเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำไม่ได้ อีกอย่างจะได้เอาไปฝากแม่สามีด้วย ถึงอย่างไรนี่ก็ถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูแทนสามี ที่สะใภ้อย่างเธอควรที่จะทำมาตั้งนานแล้ว

เธอเปิดประตูมองเด็กๆ ที่หลบอยู่ ไม่ลืมที่จะเก็บเนื้อเอาไว้ในที่มิดชิด ก่อนที่จะเดินไปที่สหกรณ์อีกครั้งเพื่อซื้อแป้งทำซาลาเปาไส้เนื้อผสมกะหล่ำปลีในช่วงค่ำๆ ช่วงเช้าจะได้ตื่นขึ้นมาอุ่นอีกครั้ง และสามารถทานได้เลยในตอนที่ร้อนๆ 

เธอได้แป้งซาลาเปาไปสามชั่ง พร้อมกับเงินและคูปองที่หมดไปส่วนหนึ่ง  ก่อนที่กอดถุงแป้งกลับบ้านอย่างเร่งรีบ อย่างไรแล้วเธอไม่ต้องการทิ้งลูกให้อยู่กันตามลำพังนานนัก

หลังจากเก็บแป้งเอาไว้เรียบร้อย ไม่นานเจ้าหนุ่มน้อยก็ลากรถเข็นมาส่งฟืน นั่นเป็นไม้ฟืนที่คงเหลืออยู่ที่บ้านเท่านั้น แต่พี่สาวหยูเจี้ยนต้องการไม้ฟืนมากถึงห้ารถเข็น เขาจึงจำเป็นต้องทยอยขนมาให้

"ทำไมถึงมาส่งเร็วแบบนี้"

หยูเจี้ยนถามหนุ่มน้อยอย่างสงสัย เพราะเธอเพิ่งจะไปสั่งไม่นานนี่เอง แต่การได้ฟืนมาก่อนแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี

"พอดีว่าที่บ้านมีฟืนอยู่หนึ่งรถเท่านั้น ผมเห็นว่าทยอยเอามาให้พี่สาวก่อนน่าจะดีกว่า ที่เหลือผมจะทยอยเอามาส่งให้พี่สาวอีก"

หยูเจี้ยนควักเงินให้หนุ่มน้อยไปจำนวนเท่าราคาที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มกลับไปแล้ว ส่วนเธกลับเข้าบ้านเไปเพื่อที่จะหันกลับไปหั่นเนื้อหมูสามชั้นเป็นชิ้นพอดีคำ และหั่นผักเพื่อที่จะทำต้มจับฉ่ายสำหรับเป็นอาหารมื้อเย็นของวันนี้ จับจ่ายที่มีผักหลากหลายแบบนี้ เป็นต้มจับฉ่ายที่ดีมากจริงๆ ยิ่งคิดคนที่ไม่ได้กินผักและเนื้อเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ชวนน้ำลายสอออกมา

หมูสามชั้นถูกใส่ลงไปผัดกับน้ำมัน พอให้เนื้อเด้งและคายน้ำมันออกมาเล็กน้อย ก็ใส่ผักลงไปผัด ผักที่ว่ามีทั้งแครอทหัวไชเท้า ต้นขึ้นฉ่าย กะหล่ำปลี  หลังจากผักเหี่ยวลงปรุงรสและใส่น้ำลงไปตุ๋น ใช้เวลาพอสมควรในการที่ทำให้ทุกอย่างเปื่อยและนุ่ม ยกหม้อลงและเริ่มตั้งกระทะทำผัดเปรี้ยวหวานหมูสามชั้นต่อ กลิ่นหอมๆ โชยฟุ้งจนเจ้าหัวผักกาดที่ได้กลิ่นหอมๆ ตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมๆ 

"พี่ครับ นั่นไม่ใช่กลิ่นเนื้อหรือ แม่กำลังจะทำอะไรอยู่หรือครับ"

"น่าจะใช่กลิ่นเนื้อ แต่เนื้อพวกนั้นแม่เอามันมาจากไหน"

แม้จะแปลกใจแต่ก็พาน้องชายออกไปล้างหน้า และพาเข้ามาในครัว เผื่อว่าจะช่วยอะไรแม่ได้บ้าง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในวันนี้ แม่ยังไม่ได้พักเลย สิ่งที่แม่บอกว่าจะเปลี่ยนแปลงเห็นทีว่ามันคงจะเป็นในทิศทางนั้น

"แม่คะมีอะไรให้หนูช่วยหรือเปล่า"

หยูเจี้ยนหันหน้ามองหน้าเด็กๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องทำต่อแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ใกล้ถึงมื้อเย็นแล้ว สิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำต่อนั่นคือหุงข้าวและเตรียมหมักแป้ง และไส้ซาลาเปา

"คืนนี้แม่จะห่อซาลาเปา ถึงตอนนี้แม่จะให้อาผิงกับอาเหมาช่วยแม่ดีหรือเปล่า ส่วนตอนนี้ลูกสองคนแค่รออาหารเย็นเท่านั้น และก็ขอบใจลูกมาก ที่อยากช่วยแม่"

หยูเจี้ยนลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู อิ้นผิงอยู่ในชุดกระโปรงแบบนี้ น่ารักกว่าใส่กางเกงเหมือนเด็กผู้ชายเป็นไหนๆ  หรือว่าต่อไปเธอจะหาชุดกระโปรงให้อิ้นผิงมากกว่านี้ ชีวิตก่อนเธอมีความฝันอยากมีลูกสาวมากที่สุด เพราะจะได้จับแต่งตัวให้น่ารักเหมือนตุ๊กตา อิ้นผิงสานฝันคนอยากมีลูกสาวอย่างเธอแล้ว

"แม่จะหุงข้าวก่อน ถ้าข้าวสุกและแม่จะเรียกลูกมากินข้าวเย็น วันนี้มีเนื้อเปรี้ยวหวาน ลูกๆ ต้องชอบกันแน่"

"นะ เนื้อหรือครับ"

อิ้นเหมาตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินแม่บอกว่าวันนี้มีอาหารจานเนื้อ ไม่มีใครคิดฝันมาก่อนว่าจะได้กินเนื้อในช่วงนี้ แม้แต่บ้านย่าก็ยังคงไม่มีใครกินเนื้อได้ในช่วงนี้ แม่ช่างวิเศษมากเกินไปแล้วจริงๆ

"ใช่จะ แต่ตอนนี้ลูกทั้งสองคนต้องไปนั่งรอแม่ก่อนเข้าใจหรือเปล่า"

เด็กๆ สองคนรับปากอย่างหนักแน่น ก่อนที่จะเดินออกไปนั่งหน้าบ้าน อาเหมาไม่กล้าที่จะเล่นดินเหมือนทุกครั้ง เพราะเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อยู่บนร่างกาย อีกอย่างเขาก็ยังคงกังวลกลัวว่าแม่จะทำโทษถ้าหากทำเสื้อผ้าเปื้อน หรือว่าเสียหายอีก 

เขายังคงจำสภาพกางเกงที่ขาดได้ ถ้าหากเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ในตอนนี้พังเสียหายเหมือนกับกางเกงตัวนั้น เขาคงรู้สึกว่ามันน่าเสียดายมากเกินไป ทางที่ดีก็คือระมัดระวังก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกจะดีกว่า

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ก็คือเนื้อหมูสามชั้นผัดสามรส แล้วต้มเนื้อหมูสามชั้นใส่ผักหลายอย่าง แม่แบ่งต้มที่เรียกว่าต้มจับฉ่ายใส่ชามเล็กๆ ให้พวกเขาคนละชาม เพื่อที่สะดวกในการกิน ส่วนเนื้อสามชั้นก็ถูกคีบใสชามคนละสามชิ้น

ไม่ใช่แค่ได้กินเนื้อ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังได้กินเนื้อที่มันเยิ้มๆ จนอิ่มเชียวล่ะ การเปลี่ยนแปลงของแม่ครั้งนี้มันช่างดีกับชีวิตของเขาสองพี่น้องมากจริงๆ

"อร่อยหรือเปล่า"

"อร่อยมากๆ ค่ะแม่"

"ใช่ครับ โดยเฉพาะต้มจับฉ่ายนี่ มีผักตั้งหลายอย่างแถมยังอร่อยมากๆ "

เหมือนว่าสิ่งที่เด็กๆ น่าจะชอบที่สุดน่าจะเป็นต้มจับฉ่าย แต่เนื้อหมูผัดเปรี้ยวหวานก็ถูกกวาดลงท้องหมดไปเหมือนกัน หลังจากที่กินอิ่มแล้ว เด็กๆ รับรู้ได้ว่าอิ่มจนท้องจะระเบิดมันหมายความว่าอย่างไร ถ้าในอนาคตแม่ยังเลี้ยงพวกเขาแบบนี้เชื่อเถอะว่าเธอกับน้องชายต้องอ้วนเป็นหมูอย่างแน่นอน

คนเป็นแม่ไปล้างชามเก็บเข้าที่ ก่อนที่จะเริ่มเตรียมผสมแป้งสำหรับการทำซาลาเปา เธอต้องใช้เวลาในการนวดและใส่กะละมังปิดผ้าขาวเอาไว้ ก่อนที่หันมาหมักไส้ซาลาเปาต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel