4 อย่างไรข้าก็ไม่มีทางชอบสตรีเช่นเจ้า
บทที่ 4 อย่างไรข้าก็ไม่มีทางชอบสตรีเช่นเจ้า
จิวฉิงได้บอกให้เข่อซิงไปสั่งพ่อครัวของที่นี่จัดอาหารมาให้ทั้งสามได้กินด้วยกัน ผ่านไปสักระยะก็มีสาวใช้ได้ยกสำรับมาจัดวางอยู่บนโต๊ะจนเต็มไปหมด จิวฉิงมองดูเด็กทั้งสองยังคงกลัวว่านางมีแผนร้ายเมื่ออาหารมาวางตรงหน้าจิวฉิงก็ได้นำตะเกียบคีบทุกอย่างเข้าปากอย่างละนิดอย่างละน้อยจนทำให้เด็กมั่นใจว่านางไม่ได้วางยาพิษ
“เห็นมั้ยว่าข้าไม่คิดจะทำอันใดพวกเจ้าหากข้าใส่ยาพิษปานนี้ข้าคงโดนพิษไปแล้ว กินเถิดตอนที่ทุกอย่างยังร้อน ๆ หากเย็นแล้วจะไม่อร่อย ” เด็กทั้งสองมองหน้ากันก่อนผู้เป็นพี่ได้พยักหน้าให้น้องสาวกินอาหารที่อยู่ตรงหน้า
จิวฉิงมองดูทั้งสองอย่างเอ็นดู ทั้งสามคนก็ได้กินอาหารอย่างอร่อย ๆ จิวฉิงได้พูดคุยอย่างที่เจ้าของร่างไม่เคยทำมาก่อน
“เจ้าทั้งสองได้ร่ำเรียนหนังสือหรือไม่ ?”
“ตัวของข้าท่านพ่อให้อ่านตำราอยู่ที่เรือนเสียก่อนเพราะท่านอาจารย์ยังไม่รับข้าเป็นศิษย์”
“อย่างนี้นี่เอง แล้วลู่เอ๋อร์เล่า ?”
“ท่านแม่ข้าเป็นสตรีหน้าที่ของข้าคือการเรียนรู้การเย็บปักถักร้อยเจ้าค่ะ แต่ข้ายังเด็กนักท่านพ่อให้ข้าเรียนรู้กิริยาเท่านั้นเจ้าค่ะ” ลู่เอ๋อร์เริ่มกล้าที่จะพูดกับหานเสี่ยว์
“เช่นนั้นก็ดีต่อจากนี้ไปลู่เอ๋อร์เจ้าต้องมาหาที่ห้องของข้าหลังจากที่เจ้ากินอาหารเช้าเสร็จข้าจะพาเจ้าทำเรื่องสนุก ๆ เองส่วนกิริยามารยาทนั้นข้าว่าเจ้ามีเพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว ”
จิวฉิงยิ้มอย่างดีใจที่เด็ก ๆ กล้าที่จะพูดกับนางแล้ว
เหิงเยว์ที่กลับมาจากด้านนอก ห้องของเขาต้องเดินผ่านห้องโถงใหญ่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะกัน เขาเลยเดินเข้าไปดูก็พบว่าหานเสี่ยว์กำลังนั่งกินอาหารกับเด็ก ๆ อยู่ เขารีบเข้าไปห้ามเด็ก ๆ ไม่ให้กินอาหารกับนาง หานเสี่ยว์ต้องมีแผนร้ายแน่ ๆ นางคงจะจัดการกับลูกของเขาที่ทำให้นางตกลงในบึงน้ำ ไม่เช่นนั้นสตรีที่ใจโหดเหี้ยมเช่นนางคงไม่มาทำเช่นนี้กับเด็ก ๆได้
“นี่เจ้าทำอันใดลูกของข้า เลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์วางตะเกียบเดี๋ยวนี้ นางบังคับพวกเจ้าอีกแล้วหรือ” น้ำเสียงเข้มขรึมได้เอ่ยขึ้นมาทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหันไปมองเป็นทางเดียว แววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงย่างเท้าเข้ามาด้วยความเร่งรีบดึงลูกทั้งสองออกมาจากเก้าอี้
“นี่ท่านเด็ก ๆ ยังไม่อิ่มท่านมาทำเช่นนี้ทำไมกัน ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเด็กทั้งสองสักนิด” เขาจ้องมองหน้าเธอด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“สตรีเช่นเจ้า ข้าไม่มีทางไว้ใจว่าเจ้าไม่มีแผนอันใด เจ้าอาจจะใส่ยาพิษลงไปในอาหารก็ได้ นี่พวกเจ้าไปตามท่านหมอมาตรวจดูร่างกายของลูกข้าเดี๋ยวนี้” เหิงเยว์ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเขายังมองว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าเป็นสตรีที่เสแสร้งริษยาที่จะคอยรังแกลูก ๆ ของเขา
“ดีเช่นนั้นก็ให้ท่านหมอมาตรวจข้าด้วยเพราะข้าเองก็กินอาหารที่อยู่บนโต๊ะนี่ทุกอย่างและข้าก็กินก่อนเด็ก ๆ ด้วยซ้ำ พ่อกับลูกช่างเหมือนกันเสียจริงเห็นข้าเป็นนางมารหรือไง ไปสิรีบไปตามท่านหมอมา หากว่าร่างกายของเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ไม่มีพิษแม้แต่นิดเดียวท่านต้องขอโทษที่กล่าวหาข้าด้วย” แม้ว่าจิวฉิงจะหวั่นกลัวชายที่อยู่ตรงหน้าแต่เธอจะไม่ยอมให้เขามาต่อว่าได้อีกต่อไป
“ท่านพ่อ ข้ากับท่านพี่กินอาหารพวกนี้กับท่านแม่ไม่มียาพิษหรอกเจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าต่อว่าท่านแม่เลย ข้าขอบคุณท่านแม่มากนะเจ้าคะวันนี้ข้ากินอาหารเยอะเลยตอนนี้อิ่มแล้วต้องขอตัวกลับห้องก่อน แล้วพรุ้งนี้ข้าจะไปหาท่านแม่นะเจ้าคะ”ลู่เอ๋อร์เริ่มเปิดใจให้หานเสี่ยว์เพราะนางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ และไม่อยากให้ท่านพ่อกับนางต้องมาทะเลาะกันลู่เอ๋อร์จึงได้บอกแก่ท่านพ่อของตน
“เห็นมั้ย ว่าข้าไม่ได้ทำใดเลย " เหิงเยว์ยังคงมองนางไม่ละสายตาเขายังคงไม่เชื่อว่านางจะทำตัวดีกับลูก ๆ ของเขา
“หากเจ้าอิ่มแล้วก็กลับห้องเถิด เลี่ยงเฟิงเจ้าเองก็กลับไปพร้อมลู่เอ๋อร์เถิด” เขาหันไปบอกเด็ก ๆ อย่างอ่อนโยนแตกต่างจากมองจิวฉิงเมื่อครู่ยิ่งนัก
“ได้ขอรับท่านพ่อ ลู่เอ๋อร์เราไปกันเถิด” เด็กทั้งสองได้จับมือกันเดินออกไป เมื่อไม่มีเด็ก ๆ แล้วเหิงเยว์ก็ได้กวักมือไล่ให้สาวใช้ออกไปด้านนอกเขามีเรื่องที่จะพูดกับหานเสี่ยว์เพียงลำพัง
เข่อซิงเมื่อเห็นสัญญาณก็ได้เดินออกไปรอด้านนอก
“นี่เข่อซิงเจ้าไปไหน รอข้าด้วย ” จิวฉิงรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเหิงเยว์นางก็ไม่อยากอยู่ที่นี่กับเขาเพียงสองคนจึงลุกขึ้นจะเดินตามเข่อซิงออกไป แต่แล้วก็ต้องถูกเหิงเยว์ขว้างหน้าเอาไว้ก่อน
“จะรีบไปที่ใด "
“ตอนนี้ก็มืดแล้วข้าก็ต้องกลับห้องนะสิ ท่านหลีกทางข้าหน่อยสิ”
“ตอนนี้ในห้องมีเพียงเจ้ากับข้าเลิกเสแสร้งเสียที เจ้ามีแผนอันใดถึงทำดีกับลูกของข้า ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วใช่หรือไม่หากเจ้ากล้ารังแกลูกของข้าอีกข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ”
เหิงเยว์เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนจิวฉิงเดินถอยหลังนั่งลงที่เก้าอี้ แม้ร่างเดิมจะไม่เกรงกลัวแถมยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งแตกต่างจากจิวฉิงยิ่งนัก เธอก็เป็นแค่หญิงสาวที่ถูกต่อว่าข่มเหงเรื่อยมาเมื่อเจอเช่นนี้ก็ทำให้นางเกรงกลัวชายตรงหน้าเช่นกัน
“ขะ.. ข้าไม่มีแผนอันใดเลย ข้าแค่อยากให้เด็ก ๆ มีความสุขเท่านั้น”นางได้เอ่ยออกมาเสียงสั่น
“เจ้าโกหก เมื่อก่อนเจ้าไม่เห็นเคยหลบตาข้าแต่ตอนนี้แม้กระทั่งหน้าของข้าเจ้ายังไม่กล้ามอง เจ้ามีแผนอันใดบอกข้ามาเดี๋ยวนี้” เหิงเยว์ตะโกนใส่จิวฉิงจนนางตกใจเงยหน้ามองเขาที่กำลังจ้องนางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่แล้วนางก็ต้องตกตะลึงใบหน้าที่เข้ารูปหล่อเหลานัยษ์ตาสีน้ำตาลแวววาวเป็นประกายของเหิงเยว์ทำให้จิวฉิงเข้าใจแล้วทำไมหานเสี่ยว์ถึงได้ตกหลุมรักชายผู้นี้ถึงขั้นยอมเป็นแม่เลี้ยงของเด็ก ๆ
“ว่าแล้วทำไมถึงได้ยอมถึงขนาดนี้เพราะหล่อมาก ๆ อย่างนี้นี่เอง” จิวฉิงเผลอตัวใช้มือจับหน้าของเหิงเยว์อย่างลืมตัว
“ทำบ้าอะไรของเจ้า ” เขาได้ปัดมือของนางออกอย่างไม่ยั้งมือ ทำให้จิวฉิงได้สติ
“โอ๊ย เจ็บนะ! "
“อย่าทำเช่นนี้อีก อย่างไรข้าก็ไม่มีทางชอบสตรีเช่นเจ้า และไม่มีวันชอบเจ้า หากเจ้าอยากจะหย่าข้าก็พร้อมที่จะหย่าให้เจ้า”