2 แม่เลี้ยงใจร้าย
2
แม่เลี้ยงใจร้าย
“เจ้าหยุดตื่นกลัวเถิด ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้แม้ว่าจะโกรธที่นางคอยตบตีเรา แต่ข้าก็ไม่เคยคิดอยากให้เรื่องมันเกิดขึ้นเช่นนี้สักหน่อย” เด็กชายได้ปลอบน้องสาวของตน
“เฮือก! .” เสียงหายใจเฮือกใหญ่ทำให้ทั้งสองพี่น้องต้องหันไปมองด้วยความเร็ว
“ท่านพี่นางฟื้นแล้ว”
“เดี๋ยวข้าจะไปตามท่านพ่อเจ้าอยู่ที่นี่” เด็กชายได้เอ่ยบอกน้องสาวของตนแล้ววิ่งออกไป เด็กหญิงตัวเล็กจ้องมองร่างที่นอนอยู่บนเตียง
จิวฉิงลืมตาขึ้นมากวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ที่ตัวเองอยู่ในตอนนี้นัก จำได้ว่าตัวเองนั้นตกลงสู่แม่น้ำหรือที่นี่คือสวรรค์ แต่แล้วเธอก็หันไปสบตากับเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนจ้องเธออยู่ข้างเตียง
“นี่หนู ที่นี่ที่ไหน” จิวฉิงได้เอ่ยถามเด็กคนนั้นพร้อมลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน เด็กน้อยที่กลัวแม่เลี้ยงผู้นี้อยู่แล้วรีบตอบกลับมาอย่างสั่นกลัว
“ท่านแม่ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจท่านแม่อย่าลงโทษท่านพี่นะเจ้าคะข้าเป็นคนทำทั้งหมด” เด็กหญิงตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ราวกับว่านางไปทำอันใดให้เด็กคนนี้หวาดกลัวกัน จิวฉิงเลยลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้มือจับที่แขนของเด็กหญิง
“ทำไมต้องกลัวฉันด้วยล่ะ ฉันแค่ถามเท่านั้นแต่หนูทำเหมือนฉันเป็นนางยักษ์ไปได้” แต่ทว่าเด็กกลัวเธอมาก ๆ จนน้ำตาใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมโต
“เจ้าจะทำอันใดลู่เอ๋อร์ปล่อยนางเดี๋ยวนี้” เสียงเย็นยะเยือกได้เอ่ยขึ้นมาทำให้จิวฉิงรีบหันไปมองผู้ที่กำลังย่างกรายเข้ามา แววตาดำสนิทราวกับหมึกดำแผ่ซ่านความอำมหิต เธอก็รีบปล่อยมือจากเด็กนั้นทันที
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าเองก็คิดว่าเจ้าเป็นสหายที่ดีของซู่ซ่าน และรักเอ็นดูลูก ๆ ของข้าแต่ทว่าเจ้ากลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมรังแกบุตรของข้าเสมอมา ต่อจากนี้ข้าจะไม่ใยดีกับเจ้า และไม่เกรงกลัวแม้ว่าเจ้าตระกูลของเจ้าจะมีอำนาจเพียงใดหากเจ้ากล้าลงมือกับบุตรทั้งสองของข้าอีกข้าจะอยู่เฉย ๆ แน่ ลู่เอ๋อร์ เลี่ยงเฟิงกลับไปที่ห้องของพวกเจ้าหากนางรักแกเจ้าอีกแจ้งข้าทันที” ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าจิวฉิงได้ต่อว่านางและหันไปบอกกับลูกให้กลับห้องของตน
“เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฉันแค่ถามเท่านั้นเองว่าที่นี่ที่ไหน” จิวฉิงรีบอธิบายให้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ฟัง
“เจ้าจะเสแสร้งอันใดอีกข้าจะไม่หลงกลเจ้าอีกต่อไป” เขาพูดจบก็ได้ออกไปปล่อยให้จิวฉิงงงงวยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจำได้ว่าเธอตกลงสู่แม่น้ำแล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่เคยมาเช่นนี้
เมื่อทั้งหมดออกไปด้านนอกจิวฉิงเองก็ได้รีบหาคันฉ่องมาดูใบหน้าของตนเองตอนนี้ พบว่านี่ไม่ใช่ตัวของเธอแถมร่างนี้ช่างสวยงามอย่างมาก จิวฉิงตกใจจนทำให้คันฉ่องหล่นลงจากมือตนเองลงบนพื้นทำให้สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกรีบเข้ามาดู
“คุณหนูเกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ” เข่อซิงหญิงสาวใช้ที่ติดตามเจ้าของร่างนี้มาตั้งแต่เด็กได้เข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน ฉันจะกลับบ้านพาฉันกลับบ้านที” จิวฉิงเริ่มกลัวจนเกิดความประหม่าที่ไม่รู้ว่าที่ตัวเองอยู่ตอนนี้คือที่ไหน
“โธ่! คุณหนูท่านตกน้ำทำให้ความทรงจำของท่านหายไปเลยหรือเจ้าคะ คุณหนูเป็นบุตรสาวของท่านเสนาบดีห่าวอู่นามว่าหานเสี่ยว์ และตอนนี้คุณหนูก็ได้มาเป็นฮูหยินของคุณชายเหิงเยว์เจ้าค่ะ” เข่อซิงอธิบายให้จิวฉิงฟัง
“แล้วเด็กทั้งสองเป็นลูกของฉันด้วยเหรอ” จิวฉิงพยายามลำดับเหตุการณ์เด็กทั้งสองเมื่อครู่เรียกตนเองว่าท่านแม่หรือว่าจะเป็นลูกของเจ้าของร่างนี้
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เด็กสองคนนั้นเป็นบุตรของสหายของท่านอย่างไรเจ้าคะ หรือว่าคุณหนูจำอันใดไม่ได้เลยงั้นหรือ ข้าจะไปตามท่านหมอมาตรวจดูอาการของท่านนะเจ้าคะ" เข่อซิงเงยหน้ามองเจ้านายของตนอย่างสงสัย
"ไม่ต้องข้าไม่ได้เป็นอะไรอาจจะแค่ความทรงจำขาดหายชั่วคราวไม่นานความทรงจำอาจจะกลับมาในเร็ววัน"จิวฉิงรีบบอกกับสาวใช้ เข่อซิงจึงได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับร่างนี้ให้ฟัง ทำให้จิวฉิงถึงกับเอามือทาบอกไม่คิดเลยว่าคนที่มีหน้าตางดงามเพียงนี้ถึงได้ใจร้ายเช่นนี้ ไม่แปลกที่ชายคนนั้นถึงได้โกรธเคืองร่างนี้ถึงเพียงนี้
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างนี้นี่เอง อย่างนั้นวิญญาณของฉันกับเจ้าของร่างนี้คงได้ทะลุมิติสลับกันสินะ แม้จะสุขสบายที่ไม่ได้ทำงานอะไรแต่ฉันก็เป็นห่วงคุณย่าเหลือเกิน คงต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาทางกลับไปยังโลกเดิมให้ได้ ต่อจากนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ต้องทำตัวดี ๆ สะแล้วไม่อย่างนั้นคงได้ถูกคุณชายอะไรนั้นตัดคอแน่ ๆ แค่เห็นแววตาก็น่ากลัวมาก ๆ แล้ว ฉันต้องเปลี่ยนแปลงการพูดก่อนสินะ” จิวฉิงได้ยืนขึ้นไปหันมองไปทางหน้าต่างก่อนจะพึมพำอย่างเบา ๆ เพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน
“ว่าแต่คุณชายอะไรนั้นได้ชอบหานเสี่ยว์หรือไม่” จิวฉิงอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงได้เอ่ยถามเข่อซิง
“มีเพียงคุณหนูเท่านั้นเจ้าค่ะที่ชอบคุณชายเหิงเยว์ฝ่ายเดียว ตั้งแต่มาอยู่ที่เรือนนี้คุณชายไม่เคยมานอนกับคุณหนูที่ห้องเลย ข้าเองก็แปลกใจเหตุใดคุณหนูถึงไม่หย่ากับคุณชายเหิงเยว์แล้วไปหาคุณชายตระกูลอื่นแทน ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าของคุณหนูก็งดงามไม่รองจากผู้ใด แถมยังต้องมาเลี้ยงเด็กแฝดทั้งสองนี่อีกด้วย ข้าเข้าใจคุณหนูนะเจ้าคะที่มักจะรังแกเด็ก ๆ เพราะเห็นเด็กนั้นเป็นขวากหนามคอยทิ่มแทงอก แม้บางครั้งข้าไม่เห็นด้วยก็เถิด” เข่อซิงได้เอ่ยออกมาด้วยความอยากรู้ความคิดของนายหญิงตนเอง
“นั้นสิ แล้วทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วยทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รักตัวเองเลย แต่ก็ช่างเถิดในเมื่อเป็นเช่นนี้จากนี้ข้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่แต่ตอนนี้ข้าต้องกินอะไรก่อนถึงจะมีแรงเจ้าไปหาอะไรอร่อยมาให้ข้ากินที “เข่อซิงมองนายหญิงของจนจนคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปนำอาหารมาให้คุณหนูโปรดรอสักครู่” เข่อซิงเดินออกไปด้านนอกเพื่อไปนำอาหารมาให้นางกิน จิวฉิงได้เดินดูเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องใช้แต่งกายต่าง ๆ มากสะจนเลือกไม่ถูกว่าจะใส่ชิ้นไหน
“เฮ้อ! โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับฉันกัน ให้ฉันกลับไปเหน็ดเหนื่อยเหมือนเดิมจะดีกว่า คุณย่ารอฉันอยู่ฉันจะกลับไปให้ได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยนนิสัย ฉันจะต้องทำดีกับเด็กให้มาก ๆ เอาล่ะหานเสี่ยว์ฉันจะขอเปลี่ยนนิสัยเธอต่อจากนี้เธอต้องเป็นแม่เลี้ยงที่ดีให้ได้” จิวฉิงนั่งรอไม่นานเข่อซิงก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคนที่ยกสำรับเข้ามา จัดแจงวางไว้บนโต๊ะอาหาร สาวใช้ที่เดินเข้ามาก็ไม่ต่างจากเด็กหญิงที่เธอเจอเมื่อตอนที่ฟื้นเลย หานเสี่ยว์ต้องโหดร้ายแค่ไหนถึงทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ขนาดนี้
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงได้บอกกับจิวฉิงที่ตอนนี้กำลังครุ่นคิดอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง