บทที่6 บ้านของเราตอนปลาย
เรือนเล็กสองหลังสร้างจากไม้ช่างหลี่คิดหลังละยี่สิบตำลึงค่าล้อมรั้วห้าตำลึงเงิน ค่ารับเหมาช่างหลี่คิดยี่สิบตำลึงเงิน ค่าแรงคนงานยี่สิบห้าคนคนละแปดร้อยอีแปะหลินฮวาปัดเศษอีกสองร้อยอีแปะให้ไปคนละหนึ่งตำลึงเงิน
แต่ขอให้พวกเขาช่วยขุดบ่อน้ำให้ด้วย ซึ่งพวกคนงานก็เต็มใจแค่ขุดบ่อน้ำได้เพิ่มอีกสองร้อยอีแปะใครจะไม่เอาล่ะ
หลินฮวากลับเข้าเมืองเมื่อถึงโรงเตี้ยมหลังกินอาหารเย็นเสร็จ จึงนำกระดาษออกมาจดข้าวของที่ต้องซื้อเข้าบ้านตอนนี้เหลือเงินสองร้อยสิบตำลึงเงิน ต้องจ่ายค่าอาหารให้โรงเตี้ยมประมาณยี่สิบตำลึงเงิน
ซื้อเครื่องเรือนซื้อเสื้อผ้าอีก ตอนออกจากเมืองหลวงหลินฮวาขายเสื้อผ้าหรูหราไปแล้วตอนนี้พวกนางใส่ชุดผ้าหยาบ
หลินฮวาปลายตามองจางซูเม่ยแล้วคิดว่าต้องซื้อผ้าฝ้ายให้จางซูเม่ยตัดเสื้อผ้าใส่หลังคลอด
“ อืม เสื้อผ้าเจ้าตัวเล็กอีกซื้อแพะตัวเมียด้วย อืม“
หลินฮวาเขียนทุกอย่างที่ต้องซื้อพลางพูดงึมงำกับตนเองว่าต้องซื้ออะไรบ้าง
จางซูเม่ยเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด เพราะนางถูกหย่าและถูกขับไล่จากตระกูลลู่ ทำให้อดีตสาวใช้ตัวน้อยของนางต้องมาลำบากคอยดูแลนาง
จางซูเม่ย “ ฮวาฮวาลำบากเจ้าแล้วขอบคุณมากนะ ”
หลินฮวาชะงักไปชั่วครู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“ อีกห้าวันพวกเราจะย้ายไปอยู่บ้านของเรากัน ”
จางซูเม่ยน้ำตาคลอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ บ้านของเรา? ”
หลินฮวา “ ใช่บ้านของเรา เจ้าอย่าร้องไห้เป็นแม่คนแล้วต้องเข้มแข็ง ”
“ อืม ” จางซูเม่ยตอบรับแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่หางตา ตั้งแต่ตระกูลจางถูกประหารนางก็ไม่มีบ้านให้กลับ ถึงแม้ตอนนั้นนางจะอยู่บ้านลู่แต่นางก็อยู่แบบอึดอัดใจ
พ่อแม่สามีรังเกียจนางที่นางไม่มีบ้านเดิมหนุนหลังเป็นลูกขุนนางกบฏ สามีที่ตอนไปสู่ขอนางรับปากนางไว้ว่าจะรักและดูแลนางอย่างดีไม่ทำให้นางเสียใจ
แต่แต่งงานได้เพียงปีเดียวหลังบิดาต้องโทษถูกประหาร เขาก็เปลี่ยนไปรับสาวงามมาเป็นฮูหยินรอง เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้น้ำตาจึงไหลออกมา
หลินฮวาได้ยินเสียงสะอื้นจึงปรายตามองจางซูเม่ยแล้วถามขึ้น
“ เจ้าเป็นอะไรเดี๋ยวข้าจะหาสามีใหม่ที่ดีให้เจ้าเองหยุดเศร้าได้แล้ว ”
จางซูเม่ย “ ข้าดีใจที่อีกไม่กี่วันจะได้เข้าไปอยู่ที่บ้านของเรา ”
หลินฮวามองจางซูเม่ยด้วยสายตาที่อ่อนโยนแล้วเอ่ยน้ำเสียงห้วนๆ
“ ดึกแล้วไปนอนได้แล้วไม่ต้องรอข้า ”
ถึงหลินฮวาจะใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง แต่จางซูเม่ยรู้สึกถึงความห่วงใยที่หลินฮวามีให้ นางจึงล้มตัวลงนอนไม่นานก็ผลอยหลับไป
หลินฮวาซื้อเครื่องเรือนข้าวสารเครื่องปรุงรสซื้อของทุกอย่างที่นางจดเอาไว้
พวกเครื่องเรือนนางให้เจ้าของร้านไปส่งที่หมู่บ้านหยู่เปิงส่วนของอื่นๆนางนำไปเอง
ใช้เวลาสามวันในการจัดข้าวของในบ้าน เรือนเล็กสองหลังหลินฮวาก็จัดเสร็จแล้วเตียงนอนที่นอนมีครบถ้วนก่อนกลับเข้าเมืองหลินฮวาล็อคกุญแจบ้าน แล้วจึงถือสุราหนึ่งไหเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน
หลินฮวา “ ท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าจะมาในอีกสองวัน ระหว่างนี้รบกวนฝากท่านช่วยดูแลบ้านข้าด้วยนะเจ้าคะ ”
หัวหน้าหมู่บ้านรับสุรามาแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม
“ นางหนูหลินเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหมู่บ้านเราไม่เคยมีขโมย ข้าจะช่วยดูแลบ้านเจ้าอย่างดี ”
หลินฮวา“ ขอบคุณเจ้าค่ะ ”
หลังนำรถม้าเข้าจอดในโรงเตี้ยมแล้วหลินฮวาเห็นว่ายังมีเวลาเดินเล่นอีกหนึ่งชั่วยามก่อนที่ฟ้าจะมืดจึงชวนจางซูเม่ยไปเดินเล่น
จางซูเม่ยดีใจมากช่วงที่หลินฮวายุ่งอยู่กับการหาสร้างบ้าน นางอยู่แต่ในห้องพักในโรงเตี้ยมพอได้ออกมาเดินเล่นจึงรู้สึกมีความสุข
เมื่อเดินผ่านร้านเครื่องหอมจางซูเม่ยอยากซื้อเครื่องหอม จึงมองเข้าไปในร้านแต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะรู้ดีว่าเงินเหลือไม่มากแล้ว
ขณะที่จางซูเม่ยจะก้าวเดินผ่านร้านขายเครื่องหอมหลินฮวาจับมือนางแล้วจูงมือนางเข้าไปในร้าน
ถึงแม้ทั้งสองคนจะใส่ชุดผ้าหยาบแต่ผิวพรรณของทั้งสองคนก็ขาวดังหิมะ หลงจู๊จึงไม่กล้าดูถูกพวกนางเขาเข้าไปต้อนรับอย่างดี
หลินฮวาให้จางซูเม่ยเลือกซื้อเครื่องหอม จางซูเม่ยไม่ซื้อหลินฮวาจึงถามหลงจู๊ว่ามีสบู่ขายไหมหลงจู๊รีบแนะนำสินค้า
หลงจู๊ “ มีสบู่เหลวกลิ่นเหนิงเหมิง(มะนาว)ขอรับและยังมีแชมพูสมุนไพรด้วยขอรับ “
หลินฮวารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ยุคนี้มีสบู่เหลวด้วย หรือว่าจะมีคนทะลุมิติมา แต่ก็ปัดความคิดนี้ออกไปนางคิดว่าใครจะทะลุมิติมาหรือไม่ก็ช่างไม่เกี่ยวกับนาง
หลินฮวา “ ขายยังไง ”
หลงจู๊ “ สบู่เหลวและแชมพูสมุนไพรนี้เถ้าแก่ของข้าน้อยซื้อมาจากแคว้นโจวราคาสบู่เหลวและแชมพูสมุนไพรอยู่ที่ขวดละสองตำลึงเงินขอรับ ”
หลินฮวาจึงซื้อมาอย่างละห้าขวดเมื่อจ่ายเงินยี่สิบตำลึงเงินแล้วทั้งสองคนจึงออกจากร้าน
หลินฮวาจับถุงเงินที่เหลือน้อยลงทุกที่แล้วจึงคิดว่าเมื่อย้ายเข้าบ้าน จะต้องไปสำรวจบนภูเขาสักหน่อยว่ามีอะไรมาขายได้บ้าง
เมื่อคืนห้องและจ่ายค่าอาหารของโรงเตี้ยมเรียบร้อย หลินฮวาให้จางซูเม่ยนั่งรออยู่ที่ชั้นล่างของโรงเตี้ยม
ส่วนตัวนางไปตลาดค้าทาส เมื่อไปถึงตลาดค้าทาสหลินฮวาเลือกทาสชายสองคนที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน
ทั้งสองอายุยี่สิบปี ชื่อสืออีกับสืออู่ทั้งสองคนขายตนเองเป็นทาสเพราะนำเงินไปซื้อโลงศพให้มารดา ส่วนเงินที่เหลือก็นำไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมารักษามารดา
หลินฮวาซื้อทาสหญิงคนนึงคนนี้ชื่อป้าหวังอายุสามสิบปีมีฝีมือทำครัวและทำงานเย็บปักได้
หลินฮวาซื้อสาวใช้อายุสิบเจ็ดปีอีกคนนึงชื่อจูเพ่ยคนนี้พอสามีเสียชีวิตจึงถูกครอบครัวสามีนำมาขาย จูเพ่ยทำงานบ้านได้ทุกอย่างซึ่งหลินฮวาพอใจในจุดนี้เพราะจะให้หลินฮวาทำงานบ้านเองนั่นก็ฝันไปเถิด
ซื้อทาสสี่คนเป็นจำนวนเงินรวมทั้งหมดยี่สิบสามตำลึงเงิน หลินฮวาซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้พวกบ่าวอีกคนละสองชุดซื้อซาลาเปาหมูสับอีกสามสิบลูก
จากนั้นจึงไปรับจางซูเม่ยที่โรงเตี้ยม ทั้งหมดเดินทางมาถึงหมู่บ้านหยู่เปิงในยามโหย่ว หลินฮวาให้บ่าวเอาของไปเก็บแล้วพักผ่อนซะพรุ่งนี้นางจะบอกว่าใครมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
อาหารเย็นวันนี้ทั้งนายและบ่าวทุกคนกินซาลาเปาหมูสับที่หลินฮวาซื้อมาจากตลาดในเมืองคนละสามลูก สืออีสืออู่น่าจะกินจุหลินฮวาจึงให้ไปคนละห้าลูก
พวกบ่าวต่างขอบคุณหลินฮวาพวกเขาไม่ได้กินเนื้อนานแล้วซาลาเปาหมูสับนี่อร่อยมากๆเลย
ยามซวี่จางซูเม่ยหอบหมอนกับผ้าห่มมาเคาะประตูห้องหลินฮวาขอนอนด้วยอ้างว่ายังไม่ชิน
หลินฮวาจึงพูดด้วยเสียงเย็นขา
“เข้าไปนอนด้านใน”
จางซูเม่ยดีใจที่หลินฮวายอมให้นอนด้วย นางรีบขึ้นไปนอนชิดด้านในแล้วตบที่นอนเรียกหลินฮวามานอน
หลินฮวาแค่นเสียง “ หึ ” แต่ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆจางซูเม่ยแต่โดยดี