ตื่นขึ้นมาพร้อมโลกใบใหม่ : [2]
"โอ๊ยเจ็บ!"
"คุณหนู! บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวผิดเอง คุณหนูอย่าทำร้ายตนเองเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ถ้าจะตี ๆ ที่เสี่ยวโหรวเถอะเจ้าค่ะ"
เสี่ยวโหรวคิดว่าที่คุณหนูนางหยิกตัวเองเพราะประชด ตนจึงรีบนั่งคุกเข่าโขกหัวลงพื้นเป็นการลงโทษตนเอง
"เฮ้ย! เธอทำอะไรน่ะ พอแล้วลุกขึ้น ๆ"
หลันจินเยว่รีบเข้าไปห้ามคนตรงหน้าเพราะกลัวเธอจะหัวร้างข้างแตกเอา
"ฮือ ๆ คุณหนูเยว่ซินของบ่าวยกโทษให้เสี่ยวโหรวคนนี้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ"
คนตรงหน้ายังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจนกว่าจะได้ยินคำว่าให้อภัยจากผู้เป็นนาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จินเยว่จึงเริ่มเรียบเรียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะตามน้ำไปเพราะตอนนี้ตนเองก็สับสนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่โดนรถชนในตอนนั้น
"ข...ข้า ยกโทษให้ ยกโทษแล้ว ลุกขึ้นเถอะ"
บัดนี้คงต้องเปลี่ยนวิธีพูดด้วยแล้วสิจะได้ดูกลมกลืนกับอีกคนเผื่อนางน้อยใจในสิ่งที่เธอยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุโขกหัวตัวเองอีกจะรู้สึกผิดเอา
"คุณหนู ต่อไปเสี่ยวโหรวจะทำทุกอย่างตามคำสั่งไม่ว่าทางข้างหน้าจะมีขวากหนามหรืออุปสรรคใหญ่หลวงแค่ไหนก็ตาม"
ทั้งพูดทั้งสะอื้น ทำเอาคนที่มาอยู่ในร่างคนอื่นแต่ยังไม่รู้ตัวรู้สึกปวดหน่วงที่อกเมื่อเห็นน้ำตาและความจริงใจของนางผู้นี้
"ช่างเถอะ เมื่อกี้ที่เจ้าพูดถึงนายท่าน ตกลงนายท่านที่ว่าหมายถึงใคร?"
เสี่ยวโหรวที่เพิ่งดีใจได้แค่นิดเดียวรีบเบะปากทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง
"นี่! เจ้าห้ามร้องนะ ถ้าเจ้าร้องข้าจะ ข้าจะ..."
จะอะไรดี ดูท่าแล้วนางผู้นี้คงเด็กกว่าตนอยู่หลายปี นิสัยเลยยังดูเด็ก ๆ อยู่
"ข้าจะไม่รักเจ้า!"
จินเยว่สังเกตคนที่เรียกแทนตัวเองว่าบ่าวมาสักพักแล้ว ดูเธอคนนี้จะรักคุณหนูที่เข้าใจผิดว่าคือตนเองมาก เลยข่มขู่เช่นนั้นออกไป
"เจ้าค่ะ เสี่ยวโหรวจะไม่ร้องแล้วเจ้าค่ะ"
รีบปาดน้ำตาออกทั้งสองแก้ม หายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วค่อย ๆ ยิ้มออกมาให้คุณหนูของนางได้เห็น
"ดี ๆ งั้นเจ้าช่วยเล่าเรื่องของคุณหนูเจ้าให้ข้าฟังหน่อยสิ"
"..?" คนถูกขอร้องทำหน้าไม่เข้าใจ
เหตุใดคุณหนูจะต้องให้นางเล่าเรื่องราวของตนเองให้ฟังด้วย
"คือ... ข้าสลบไปใช่ไหม สงสัยสมองจะขาดออกซิเจนนานจนลืมเรื่องของตัวเองไปน่ะ"
รีบหาข้อแก้ตัวให้ดูสมเหตุสมผล
"อะ...ออก อะไรนะเจ้าคะ?"
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินศัพท์ประหลาดเลยออกเสียงไม่ถูก
"ช่างเรื่องนั้นเถอะ เจ้าช่วยเล่าทุกอย่างของที่นี่รวมถึงตัวนาง เอ้ย! ตัวข้าให้ข้าฟังอย่างละเอียดเลยนะ"
มือบางตีเข้าที่หน้าอกตัวเองเบา ๆ ทำให้เสี่ยวโหรวเข้าใจว่าคุณหนูของนางคงเสียใจที่บิดาเพิ่งจากไปอย่างมิได้ล่ำลาจนกลายเป็นคนแปลกประหลาดแบบนี้
"โธ่ คุณหนูของเสี่ยวโหรว"
ต้องกลั้นความเสียใจไว้มากเพียงใดกันนะถึงได้ไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้ได้เห็นหลังจากฟื้นขึ้นมาเลย
หลังจากเสี่ยวโหรวเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟังแล้วทำเอาคนได้ฟังถึงกับนั่งนิ่งอ้าปากค้างตาลอยอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่พบเจอ
นอกจากจะเคราะห์ร้ายตายแล้วแต่ดันมาเกิดใหม่เป็นลูกสาวกบฎเนี่ยนะ!
"คุณหนูพอจะจำอะไรได้ไหมเจ้าคะ" สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มถามขึ้น
หากไม่มีใครบอกว่าเสี่ยวโหรวเป็นสาวใช้ของเฟิงเยว่ซินคงจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเสี่ยวโหรวเป็นบุตรสาวคนมีชาติตระกูลเช่นเฟิงเยว่ซินเป็นแน่ เพราะนอกจากหน้าตานางจะออกแนวน่ารักแล้ว ผิวพรรณยังดูดีแม้จะน้อยกว่าเฟิงเยว่ซินอยู่ก็ตาม
"ท่านพ่อก็สิ้นแล้ว ตอนนี้ยังต้องมารอราชโองการว่าจะเป็นหรือตาย ตกลงว่าข้าจะซวยไปถึงเมื่อไรกัน ฮือ ๆ"
เสียงสะอื้นเสียใจดังก้องขึ้น เสี่ยวโหรวรีบเข้าไปกอดคุณหนูของนางพร้อมลูบแผ่นหลังปลอบใจ
เรานี่ก็แสดงละครเก่งเหมือนกันนะ เอาเถอะ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ต่อไปคงต้องเห็นช้างขี้ขี้ตามช้างด้วย ชีวิตในภพนี้จะได้สงบสุข
"คุณหนูยังเหลือคุณหนูใหญ่แล้วก็เสี่ยวโหรวคนนี้นะเจ้าคะ"
ใช่! นางเหลือคนที่ว่าจริง แต่คนที่ว่ากลับเป็นใครก็ไม่รู้เพราะหนึ่งคนที่สาวน้อยคนนี้เอ่ยชื่อมาก็เพิ่งพบเจอ ส่วนอีกหนึ่งคนที่บอกว่าเป็นคุณหนูใหญ่ จินเยว่ยังไม่เคยเห็นแม้หน้าตา ไม่รู้จะร้ายหรือจะดีกับเจ้าของร่างนี้อีก
"โหรวโหรว เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังอีกได้ไหม คุณหนูใหญ่ของเจ้าน่ะ นิสัยเป็นเช่นไร"
"นี่คุณหนูคงไม่ได้ลืมแม้กระทั่งเรื่องราวของคุณหนูใหญ่ใช่ไหมเจ้าคะ"
"ก็... เอาเถอะ ๆ ช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่านางผู้นั้นนิสัยเช่นไร ความสัมพันธ์ของพวกเราสองพี่น้องด้วย"
เสี่ยวโหรวขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าคุณหนูที่เริ่มถามแปลก ๆ อีกแล้ว
"คุณหนูใหญ่เป็นคนค่อนข้างจิตใจดีเจ้าค่ะ แต่นางมักจะต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ"
เป็นที่หนึ่งเสมอ หมายความว่า นางผู้นี้ชอบชิงดีชิงเด่นสินะ รู้สึกได้กลิ่นหายนะลอยมาแต่ไกล
"แล้วนางดีกับคุณหนูเจ้า เอ่อ... หมายถึง ข้าน่ะ นางดีกับข้าหรือเปล่า"
"ทำไมคุณหนูยังจำอะไรไม่ได้อีกเจ้าคะ เสี่ยวโหรวอุตส่าห์เล่าทุกอย่างให้ฟังแล้ว"
ครั้งนี้คนที่จะร้องไห้ไม่ใช่คนที่ข้ามภพข้ามชาติมา แต่เป็นสาวใช้ที่เริ่มหน้าเสียปากคว่ำน้ำตาคลอเพราะเล่าอะไรไปคุณหนูของนางยิ่งจำไม่ได้
"เอาน่า ๆ ข้าแค่กำลังจะฟื้นความจำ เจ้าช่วยบอกข้าทีว่าพี่สาวข้าดีกับข้าหรือไม่"
เสี่ยวโหรวรีบเช็ดน้ำตาที่ปริ่มออกมาพร้อมพยักหน้าแล้วเปิดปากเล่าเรื่องของคุณหนูใหญ่ให้ฟังอีกครั้ง
"แต่แรกเริ่มคุณหนูใหญ่เยว่ซูเป็นลูกภรรยาหลวงของนายท่าน อายุห่างคุณหนูอยู่เก้าปี แต่ถึงแม้คุณหนูจะเป็นลูกภรรยานอกสมรสแต่คุณหนูใหญ่ก็ดีกับท่าน ถึงจะมีบ้างที่ชอบแกล้งท่านในเวลาที่นางไม่พอใจหรืออารมณ์ไม่ดี"
"ตกลงนางดีกับข้าหรือไม่ดีกันแน่?"
คนได้ฟังเริ่มสับสน ทำเอาเสี่ยวโหรวเองก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้เพราะบางครั้งนางก็ไม่เข้าใจการกระทำของคุณหนูใหญ่ที่ว่าเช่นกัน
"เอาเป็นว่า คุณหนูใหญ่ของเจ้ากึ่งดีกึ่งร้ายแล้วกัน"
เสี่ยวโหรวเห็นด้วยจึงพยักหน้าตาม
"แล้วท่านพ่อของข้าตายแล้วจริง ๆ หรือ"
แม้จะไม่ใช่พ่อของตนเองจริง ๆ ทว่าตอนนี้เธอมาอยู่ในร่างนี้แล้วก็มีรู้สึกหดหู่เศร้าเสียใจตามเหตุการณ์ไปบ้าง
"เจ้าค่ะ เสี่ยวโหรวได้ยินทหารยามพูดคุยกัน"
หมายความว่าเธอไม่เห็นกับตา หรือบางทีพ่อของแม่นางผู้นี้อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
"แล้วพวกเราไม่มีโอกาสที่จะรอดจากคุกนี้เลยหรือ"
ยิ่งมองบรรยากาศมืดมัวในคุกนี้แล้วนางยิ่งรู้สึกขนกายลุกชัน ไม่รู้ว่าเชื้อโรคหรือวิญญาณคนตายในนี้สิ่งไหนจะมีมากกว่ากัน
"ตอนนี้ท่านรองแม่ทัพกำลังหาทางช่วยพวกเราอยู่เจ้าค่ะ"
รองแม่ทัพ?
เริ่มมีตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ว ทำไมเราถึงได้มาโผล่ที่ยุคนี้ด้วยนะ ยุคจีนโบราณที่ออกเสียงชื่อแซ่ยากเย็นเช่นนี้
"ใครคือรองแม่ทัพ?"
"..?"
เสี่ยวโหรวคนรับใช้ที่สนิทเริ่มทำหน้าเหยเกอีกครั้ง
เหตุใดแค่สลบไปข้ามคืนคุณหนูถึงได้ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้ หรือว่าเพราะจิตใจถูกกระทบกระเทือนเรื่องนายท่านมากเกินไป คงใช่แล้ว คุณหนูเยว่ซินของนางทั้งอ่อนโยนขนาดนั้นคงทนรับไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ผู้ใดกันแกล้งทำเมินไม่รู้จักข้า"
ทว่ายังไม่ทันได้อธิบายว่า 'รองแม่ทัพ' ที่ว่าคือใคร เขาผู้นั้นก็ปรากฎกายมาให้เห็นพอดี