จวนเหมยฮัว : [2]
"เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องแค่นี้ มา ๆ ขึ้นมานั่งข้างข้าบนเตียงนี่มา"
ฝ่ามือแน่งน้อยตบลงบนพื้นที่ว่างข้างกายนางเพื่อเป็นการออกคำสั่งให้สาวใช้ของเฟิงเยว่ซินตัวจริงมานั่งข้างนาง
หากแม้แต่เสี่ยวโหรวก็ไม่กล้ามานั่งตรงนี้เพราะนางเป็นขี้ข้า ก็คงไม่ต่างจากจินเยว่ที่ไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ ไม่ควรอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำไป
"ไม่ได้เจ้าค่ะ หากใครมาเห็นเข้าจะตำหนิได้"
"ช่างคนอื่นสิ เจ้าเป็นคนของข้า ข้าจะให้เจ้านั่งตรงไหนใครจะกล้าว่า"
หลันจินเยว่เอื้อมมือไปฉุดร่างเล็กดูนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอมขึ้นมานั่งข้างกายอีกครั้ง
เสี่ยวโหรวไม่กล้าขัดคำสั่งเป็นหนที่สอง ได้แต่นั่งข้างคุณหนูนางอย่างเกร็ง ๆ
"ทำตัวผ่อนคลายหน่อย ทำอย่างกับว่านั่งข้างข้าแล้วจะถูกตัดหัว"
ก็ไม่ถึงขั้นตัดหัว อย่างมากก็ถูกโบยจนหลังลายเพื่อให้จำใส่สมองเอาไว้ว่าเป็นขี้ข้าต้องไม่ทำตัวเสมอนาย
"คุณหนูให้บ่าวนั่งด้านล่างเถอะนะเจ้าคะ" แม้ไม่อยากขัดคำสั่ง แต่เสี่ยวโหรวถูกอบรมมาดีรู้ที่ต่ำที่สูงจึงได้แต่ห่วงพะวงกลัวใครจะเข้ามาเจอสถานการณ์เช่นนี้
"ถ้าเจ้าต่อต้านข้าอีก ข้าจะหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย!"
จินเยว่ขู่ฟ่อ ๆ ทำเอาคนถูกขู่กลัวจนส่ายหน้าไม่กล้าดื้อรั้นอีกต่อไป
"ดีมาก เจ้านี่ก็หน้าตาน่ารักดีเหมือนกันนะ ถ้าให้เดา เราสองคนน่าจะอายุห่างกันไม่เยอะ"
ในยุคปัจจุบันหลันจินเยว่อายุยี่สิบสามปีพอดี ทว่ากับเจ้าของร่างกายที่ดวงจิตนางมาสิงสู่อายุเพียงแค่สิบเก้าปีเท่านั้น ส่วนเสี่ยวโหรวถูกตระกูลเฟิงรับมาเลี้ยงตอนนางอายุห้าขวบ ให้เป็นเพื่อนเล่นกับเฟิงเยว่ซินที่โตกว่าสองปี
"เจ้าค่ะ ปีนี้ข้าครบสิบเจ็ดปีพอดี"
หากนางผู้นี้อายุเพียงแค่นี้ คุณหนูของนางจะอายุเท่าไรกันนะ
"แล้วข้าล่ะ ปีนี้ข้าอายุเท่าไหร่?"
เสี่ยวโหรวคิ้วขมวดอีกครั้ง เมื่อไรคุณหนูจะกลับมาเป็นคุณหนูที่จดจำทุกอย่างได้กัน
"คุณหนูอายุสิบเก้าเจ้าค่ะ"
"อ้อ สิบเก้าเองเหรอ"
ดวงตาคู่สวยกวาดสายตาเพื่อมองหาคันฉ่องภายในห้องนอน จินเยว่อยากรู้ว่าตอนนี้นางหน้าตาเป็นเช่นไร
พึ่บ!
ทันทีที่มองเห็นสิ่งที่ต้องการหลันจินเยว่รีบลุกขึ้นก้าวตรงดิ่งมายังคันฉ่องที่เคลือบด้วยทองเหลืองตามสไตล์ของยุคโบราณที่มีเครื่องไส้เครื่องมือไม่ทันสมัยเท่ายุคปัจจุบัน
"เหมือนในซีรีส์เลยกระจกพวกนี้มองยังไงก็ไม่ชัดแจ๋วเหมือนโลกเราเลย"
แม้จะสะท้อนภาพคนที่ส่องกลับมาเหมือนกระจกเงายุคปัจจุบัน ทว่าความคมชัดกลับมีเพียงเจ็ดในสิบส่วนของกระจกเงาที่ตนเคยส่อง
"คุณหนูพึมพำอะไรรึเจ้าคะ"
เสี่ยวโหรวได้ยินทุกอย่างแต่นางกลับไม่เข้าใจในบางคำศัพท์ที่ไม่คุ้นหู
"ไม่มีอะไร คุณหนูเจ้าก็สวยใช้ได้เลยนะ"
คุณหนูเจ้า?
ทำไมคุณหนูยังพูดจาแปลกประหลาดราวกับว่าไม่ใช่เจ้าของร่างนี้
"ทำไมมองข้าแบบนั้นล่ะ" ครั้นหันมาสบตาสาวใช้ข้างกายจึงเห็นว่าเสี่ยวโหรวมองตนด้วยแววตาประหลาดใจ
"บ่าว... คือบ่าว"
"ช่างเถอะ ๆ ต่อไปข้าจะเริ่มถามคำถามเจ้าเพื่อฟื้นความทรงจำแล้วนะ อาจจะจุกจิกหน่อย แต่เพื่อความทรงจำที่หายไป เจ้ายินดีช่วยข้าใช่ไหม?"
หลันจินเยว่เผลอใช้สายตาปิ๊ง ๆ กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนที่เคยใช้อ้อนศาสตราจารย์ในโลกของนาง ทำเอาเสี่ยวโหรวที่เพิ่งเคยเจอท่าทางแบบนี้ที่ออกมาจากคุณหนูของนางครั้งแรกเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสายตา
"นี่คุณหนูไปจดจำสายตาของคนในหอคณิกามาตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ"
สาวใช้ผู้จิ้มลิ้มรีบหันหน้าหันหลังมองไปยังประตูว่ามีใครผ่านมาเห็นกริยาเช่นเมื่อครู่หรือเปล่า
"หอคณิกา ข้าเคยไปที่แบบนั้นด้วยเหรอ?"
ว้าว! เฟิงเยว่ซินผู้นี้ไม่ธรรมดานะเนี่ย หอคณิกาเป็นที่แบบไหนทำไมนางจะไม่รู้
"คุณหนูจะเคยไปสถานที่แบบนั้นได้อย่างไร ห้ามคุณหนูแพร่งพรายให้ผู้อื่นได้ยินเด็ดขาดนะเจ้าคะ"
เสี่ยวโหรวรีบกำชับนายหญิงด้วยความเป็นห่วง
"งั้นข้าเริ่มคำถามแรกเลยแล้วกัน"
หลันจินเยว่เริ่มเรียบเรียงสิ่งที่อยากรู้ไว้ในหัว จากนั้นก็เริ่มถามคำถามทีละคำถาม
"คำถามแรก ข้าไม่มีพันธะกับชายใดใช่หรือไม่"
"ใช่เจ้าค่ะ นายท่านยังไม่ทันได้เรียกใช้เหล่าแม่สื่อก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน"
นึกถึงแล้วก็หดหู่กับชะตานายหญิงของตนยิ่งนัก
"งั้นก็ถือเป็นเรื่องดี ข้อสอง..."
จินเยว่ทำท่าครุ่นคิดจะถามอะไรต่อดีจนบังเกิดสิ่งที่อยากรู้ขึ้น
"ทำไมข้ากับเจ้าถึงอยู่ในคุกแค่สองคน พี่สาวข้าอยู่ที่ไหน หรือว่า..."
"ไม่ใช่อย่างที่คุณหนูคิดนะเจ้าคะ คุณหนูใหญ่เดิมทีเป็นคนสนิทขององค์หญิงสามอยู่แล้ว พระองค์จึงใช้อำนาจขององค์หญิงพาตัวคุณหนูใหญ่ไปอยู่ที่ตำหนักในเจ้าค่ะ"
หึ! หนีเอาตัวรอดคนเดียวสิไม่ว่า
แต่ก็อย่างว่า เฟิงเยว่ซินนางเป็นเพียงบุตรีของอนุภรรยา ใครจะยอมเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงกับลูกกบฎแถมเป็นลูกเมียรองเช่นนี้
"เอาตัวรอดเป็นยอดคน"
"..?"
"งั้นคำถามต่อไป"
"คุณหนูยังมีคำถามอีกหรือเจ้าคะ"
นี่เป็นเรื่องราวพื้น ๆ ของนางอยู่แล้ว ถ้าหากแค่นี้ยังจำไม่ได้ เกรงว่าคืนนี้ทั้งคืนคงมีคำถามเป็นร้อยเป็นพันให้เสี่ยวโหรวคนนี้ตอบเป็นแน่
"คำถามสุดท้ายแล้ว"
ได้ยินเช่นนี้ค่อยสบายใจหน่อย
"ที่นี่ที่ไหนเหรอ?"
รู้แค่ว่าตื่นขึ้นมาอีกที จากคุกมืด ๆ กลายเป็นห้องหับที่กว้างขวางสะอาดสะอ้าน ตกแต่งสวยงามไปเสียแล้ว
"นี่คือจวนเหมยฮัวของท่านอ๋องสี่เจ้าค่ะ"
จวนเหมยฮัว?
เหมยฮัวที่แปลว่าดอกบ๊วยหรือเปล่านะ
"จะว่าไปแล้ว ข้ายังไม่เคยเจอท่านอ๋องที่ว่าเลย เจ้าพาข้าไปเจอหน่อยได้ไหม"
เสี่ยวโหรวรีบส่ายหัวทันที
"ท่านอ๋องใช่ว่าผู้ใดจะเข้าพบได้นะเจ้าคะ ยิ่งบ่าวเป็นเหมือนฝุ่นละออง ไม่มีอำนาจพาคุณหนูเข้าพบได้หรอกเจ้าค่ะ"
"แต่พวกเราอยู่ที่จวนของท่านอ๋องแล้วนี่ แค่แอบดูห่าง ๆ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง"
แววตาจินเยว่บ่งบอกว่านางอยากเจอหน้าคนผู้นี้มาก ความตื่นเต้น ความลุ้นต่าง ๆ นานา แสดงออกมาชัดจนเสี่ยวโหรวทำใจลำบาก
"นะ ๆ โหรวโหรว เจ้าใจดีกับข้าที่สุดไม่ใช่หรือไง"
หลันจินเยว่ใช้น้ำเสียงออดอ้อนแถมเป็นน้ำเสียงที่เฟิงเยว่ซินตัวจริงเคยแสดงออกทำให้สาวใช้อย่างเสี่ยวโหรวยิ้มออกมาพร้อมในใจที่คิดว่าอีกไม่นานความทรงจำคุณหนูต้องกลับมาแน่
"บ่าวเองก็เพิ่งจะเข้ามาเยือนที่นี่ครั้งแรก แต่ตอนที่เข้ามาพอจะเดาทางได้อยู่บ้างว่าส่วนไหนที่ท่านอ๋องน่าจะประทับอยู่"
"งั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว เรารีบไปแอบดูท่านอ๋องกัน"
"ค...คุณหนู! รอก่อนสิเจ้าคะ"
เฮอ... ทำไมคุณหนูที่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ถึงได้กลายเป็นแก่นแก้วดูต่างจากเมื่อก่อนคนละโยชน์เช่นนี้