ตอนที่2 ข้าต้องการสินสอด
หลังจากที่อิ่มท้องเรียบร้อยแล้ว เฟิงอวี้เลือกที่จะหาที่นอนกลางวัน หากกลับบ้านไปในตอนนี้อย่างไรแล้วก็ไม่มีทางที่จะได้พักผ่อนร่างกาย ยิ่งก่อนหน้านี้นางยิ่งสร้างความไม่พอใจกับ แม่เลี้ยงมากถึงขนาดนั้นถึงกลับไปก็ต้องถูกรบกวนไม่ให้พักผ่อน
จู่ๆ เสียงระบบก็ดังขึ้นมา
"เรียนนายท่าน หากนายท่านจะพักผ่อน ระบบสามารถคุ้มครองนายท่านตอนหลับได้ เพราะฉะนั้นนายท่านไม่ต้องกังวล"
"อืม"
เมื่อได้ยินดังนั้นถึงได้เบาใจว่าการนอนหลับพักผ่อนในวันนี้ ย่อมไร้สิ่งต่างๆ ที่มารบกวน เฟิงอวี้นอนพักผ่อนจนเป็นเวลาใกล้มืดถึงจะกลับบ้านไป ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอจัดการกับอาหารในส่วนของตนเองเรียบร้อยไปแล้ว คงไม่ดีถ้าหากกลับไปแล้วคนที่บ้านลงโทษไม่ให้กินอะไรอีกครั้ง ซึ่งนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่สนุกเลย
"ท่านพี่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ"
เดิมทีร่างเดิมไม่ใช่คนที่กล้าจะพูดอะไรกับบิดามากเท่าไหร่ ไม่ว่ามารดาเลี้ยงจะพูดอะไรกับพ่อ หรือจะใส่ร้ายอย่างไรร่างเดิมก็ไม่เคยแก้ต่างให้ตนเองรอดพ้นความผิดสักครั้ง
"อวี้เอ๋อกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ต้องจัดการนะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นต่อไปลูกของท่าน ต้องทำเรื่องแบบนี้อีก"
คนเป็นพ่อไม่ได้ฟังในสิ่งที่ภรรยาพูดมากเท่าไหร่ เลือกที่จะให้ลูกสาวคนโตพูดออกมาดีกว่า ว่ามีปัญหาอะไรถึงเพิ่งจะกลับมาถึงบ้านเอาเสียตอนนี้
"ท่านแม่กำลังทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ หรือว่าก่อนหน้านี้ท่านกำลังแต่งเรื่องใส่ร้ายข้าขึ้นมาอีก ก็ท่านไม่ใช่หรือที่บอกให้ข้าเข้าไปหาผักป่าในป่าลึก หากไม่ได้ของก็ไม่ต้องออกมานี่เจ้าคะ"
ระบบจอมปราชญ์กำลังสแกนพ่อของร่างเดิมตามคำสั่ง ก่อนที่จะรายงานออกมาเสียงดัง ซึ่งแน่นอนว่ามีแต่เจ้าของระบบเท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่ระบบจอมปราชญ์รายงานออกมา
"เฟิงเหว่ย เป็นคนนิสัยสื่อๆ รักครอบครัวมาก มีความขยันขันแข็งตั้งใจทำมาหากิน"
เฟิงอวี้พอใจ อย่างน้อยร่างเดิมก็มีพ่อที่จะรักนางอยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับลูกบ้างเลย
จางเซินมองใบหน้าสามีเหมือนคนระแวงหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้นางไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ มีแต่เฟิงอวี้เท่านั้นที่ บอกว่าต่อไปนี้จะไม่ทำอะไรอีกแล้ว
"ไยเจ้าต้องมาใส่ร้ายมารดาแบบข้า มารดาอย่างข้านี่น่ะหรือกล้าจะใช้เจ้าออกไปในป่าที่มีสัตว์อันตรายขนาดนั้น"
"ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ ในเมื่อท่านแม่แค่ใช้ให้ท่านพี่มาทำอาหารให้ข้ากับน้องเล็กเท่านั้น นอกจากท่านพี่ไม่ทำแล้วยังเดินหนีออกไปอีก"
เพราะเฟิงเซียนพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา ทำให้คนเป็นแม่ยื่นมือมาหยิกแขนนางที่ทำเอาเรื่องแตกขึ้นมาแล้ว หลังจากนี้นอกจากจัดการลูกเลี้ยงไม่ได้ ยังจะถูกคนที่เป็นสามีจัดการเอาเสียอีก
"โอ๊ยท่านแม่ ท่านมาบิดเนื้อข้าเยี่ยงนี้ทำไมกัน"
ตอนนี้นอกจากจัดการลูกเลี้ยงแล้ว จางเซินอยากจะจัดการลูกสาวของตนเองให้รู้แล้วรู้รอด นอกจากไม่รู้อะไรยังโง่เขลายิ่งกว่าลาโง่อีก
"ลูกใหญ่เกิดอะไรขึ้นเจ้ามาเล่าพ่อให้หมด ไม่ต้องกลัวว่าท่านแม่ของเจ้าจะทำอะไรทั้งนั้น"
ถึงเวลาที่เฟิงอวี้การละครจะได้เข้าฉายแล้ว นอกจากทำหน้าตาน่าสงสารแล้ว ยังแสร้งบีบน้ำตาที่สั่งได้ออกมา การกระทำของนายท่าน ทำให้ระบบถึงกับต้องอุทานออกมา
"ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าสามารถพูดได้ใช่หรือเปล่า"
น้ำเสียงที่เสียใจปานจะตายของลูกสาวคนโต ทำให้คนเป็นพ่อที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องหยุมหยิมในครอบครัวมาก่อน ต้องกลับมาพิจารณา เรื่องที่เกิดขึ้น
"อวี้เอ๋อ ลูกสามารถที่จะพูดมันออกมาได้ทั้งหมดทุกสิ่งอย่าง ขอเพียงเจ้าพูดมาเท่านั้น บิดาคนนี้จะทวงความยุติธรรมทุกอย่างให้เจ้าเอง"
"ข้าจะยอมแต่งกับชายพิการตาบอดคนนั้นก็ได้ แต่สินสอดที่ได้มานั้นท่านโปรดให้ข้านำกลับไปเป็นสินเดิมเถอะเจ้าค่ะ หากแต่ว่าท่านพ่อต้องการให้ข้าอดตายเท่านั้นถึงจะเลือกเก็บสินสอดของข้าไว้ให้น้องรองในอนาคต"
เมื่อพูดถึงตอนนี้ ถึงได้รู้ว่าการที่ภรรยาของตนต้องการที่จะให้ลูกสาวคนโตแต่งออกไป เพียงเพราะต้องการสินสอดมาเก็บเอาไว้ให้ลูกรองเท่านั้น คนเป็นพ่ออดรู้สึกที่จะเจ็บปวดไม่ได้
"ได้ๆ สินสอดวันแต่งทั้งหมดพ่อจะยกให้เจ้าทั้งหมด"
จางเซินรอยามที่จะรับสินสอดก่อนนั้นมีนาน มีหรือที่นางจะคิดยอม อย่างไรแล้วสินสอดก้อนนั้นก็จ้องต้องมาเป็นสินเดิมของลูกสาวนาง ไม่ใช่ตัวไร้ประโยชน์เยี่ยงเฟิงอวี้
"ไม่ได้นะเจ้าคะ มีอย่างที่ไหนที่บ้านเดิมจะคืนสินสอดให้ทางเจ้าสาวไปจนหมด อย่างน้อยก็ถือว่านั่นเป็นค่าเลี้ยงดูจากบ้านเฟิง"
ยิ่งภรรยาพูดออกมา ยิ่งเป็นสิ่งที่ไปกระตุ้นให้สามีไม่พอใจมากยิ่งขึ้น สีหน้าที่ใจดีตลอดเวลาของสามี ตอนนี้กลายเป็นสีหน้าดำทะมึนมากขึ้นกว่าเดิม
"หากข้าจะยกให้อวี้เอ๋อแล้วใครจะทำไม"
"แล้วสินเดิมของข้าล่ะ"
เฟิงเซียนพูดขึ้นมาอย่างไม่ได้ดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่ท่านแม่บอกเสมอ สินสอดของพี่สาวอย่างไรก็ต้องเป็นของน้องสาวในอนาคต
"เซียนเอ๋อ หรือว่าน้องจะต้องการให้ข้าตายจริงๆ "
จู่ๆ พี่สาวก็เอ่ยคล้ายกับว่าน้องสาวอย่างเซียนเอ๋อต้องการบีบบังคับพี่สาวแบบนั้นจริงๆ ดวงตารูปหงส์ มองน้องสาวทั้งสองคนไปจนถึงมารดาเลี้ยงอย่างแสนเจ็บปวด
"หากเจ้าไม่ต้องการแต่งงานในยามนี้ ก็ไม่ต้องแต่ง"
"มิเป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ อีกอย่างมิใช่ว่าท่านแม่รับปากกับทางแม่สื่อไปแล้วหรือ ข้าคงอยากให้น้องสาวทั้งสองแต่งกับผู้ชายดีๆ หากแม้ข้าจะแต่งกับชายพิการ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ข้ายอมจำนนได้เพื่อน้องสาวทั้งสองได้"
ตอนนี้เฟิงอวี้ยิ่งกลายเป็นคนที่เสียสละในสายตาบิดา อย่างไรแล้วมารดาเลี้ยงก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือมาทำอะไรมากนักในระหว่างนี้
"หากเจ้ายืนยันที่จะแต่ง สินสอดที่ได้มาทั้งหมดพ่อจะยกให้เจ้าทั้งหมด แล้วนี่เจ้ากินอะไรมาหรือยัง"
"ตั้งแต่เช้าข้ายังมิได้มีอะไรตกถึงท้องเลยเจ้าค่ะ ท่านพ่อดูสิเจ้าคะ ว่าเนื้อหนังผิวพรรณของข้าดีเท่าเฟิงเซียน กับน้องเล็กหรือไม่"
ระบบกำลังรู้สึกว่านายท่านจะแสดงละครเก่งมากเกินไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายท่านเพิ่งจะกินมันเผาเข้าไปจำนวนมาก หรือว่าแท้จริงร่างกายของนายท่านจะมีความสามารถในการจุอาหารได้มากกว่านั้น หลังจากที่ระบบประเมินร่างกายของเฟิงอวี้ ถึงเห็นสมควรว่านายท่านควรที่จะกินเข้าไปให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย เพราะว่าร่างกาย ผ่านการอดอาหารมานานเกินไป
"เซินเซิน เจ้าไปทำน้ำแกงปลาที่ได้มาวันนี้เพื่อบำรุงอวี้เอ๋อเร็วสิ หรือเจ้าจะเก็บเอาไว้ให้ลูกรองและลูกเล็กเท่านั้น"
"ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ข้าจะไปทำน้ำแกงเดี๋ยวนี้"
"อย่าเลยเจ้าค่ะ"
ทันทีที่เฟิงอวี้ห้ามเอาไว้ มุมปากของจางเซินก็กระตุกยิ้มอย่างดีใจ คิดว่าลูกเลี้ยงคงจะไม่กล้ากินปลาตัวนั้น เป็นเช่นนั้นก็ดี เพราะปลาตัวนั้นนางต้องการที่จะเก็บเอาไว้ให้ลูกของตัวเอง
"เจ้าไม่ต้องการกินปลาหรือ อวี้เอ๋อ"
"ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่ไม่อยากรบกวนท่านแม่ให้มากไปกว่านี้ อีกอย่างข้าทำเองน่าจะดีกว่า"
เอ่ยจบเฟิงอวี้ก็เดินตรงเข้าไปหลังครัว ปลาในถังตัวใหญ่ประมาณสามชั่งน่าจะได้ เห็นทีว่าวันนี้คงได้กินเนื้อปลาที่อร่อยๆ จนหนำใจ
"นายท่าน ปลาชนิดนี้เป็นเนื้อที่มีโปรตีนมากๆ มีสารอาหารที่ทำให้ร่างกายนี้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"
"ดีเลย ข้าจะกินปลา"
เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนในบ้านได้กินอาหารมื้อเย็นไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นปลาตัวนี้เฟิงอวี้จะกินมันคนเดียวให้หมด เธอเลือกที่จะย่างปลาคลุกกับเกลือที่แม่เลี้ยงหวงนักหวงหนานั่นให้จุใจ
น้องสาวคนเล็กที่ชื่อว่าเฟิงซู วิ่งมาดู ก่อนที่จะวิ่งไปฟ้องมารดา ว่าพี่สาวคนโตใช้เกลือแทบจะหมดโหล แม่ลูกช่างไม่แตกต่างกันเลยจริงๆ