บท
ตั้งค่า

ตอนที่1 ทะลุมิติมาพร้อมระบบจอมปราชญ์

ร่างกายที่จมกองฟางสะดุ้งเฮือกขึ้นมา ก่อนที่จะกอบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร่งรีบ เมื่อครู่ไป๋อวี้เพิ่งจะวิ่งผ่านกลุ่มการก่อจลาจลในเมือง นอกจากเสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดติด นั่นเป็นความจำสุดท้ายก่อนที่เธอจะไม่รับรู้อะไรอีกเลย

แต่ไม่ทันที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโวยวายมาจากด้านใน ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาอย่างมึนงง ไป๋อวี้ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ การทะลุมิติมาในยุคที่ไร้ซึ่งความเจริญมากมายขนาดนี้มันจะมีความเป็นไปได้อย่างไรกัน 

ร่างนี้ชื่อเฟิงอวี้ เดิมที เป็นเด็กสาวในหมู่บ้าน แน่นอนว่านางมีมารดาเลี้ยง ที่แต่งงานเข้ามาใหม่เมื่อหลายปีก่อน ยามนี้มารดาเลี้ยงกำลังจะพยายามให้เฟิงอวี้แต่งออกไปกับชาย ท้ายหมู่บ้าน นามว่าโจวเฉินซึ่งเขาไม่ใช่ชายที่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก แต่จะให้ร่างนี้ทำอะไรได้ ในเมื่อคนเป็นบิดาก็เห็นดีดเห็นงามกับผู้เป็นภรรยาไปด้วยเอาเสียแบบนั้น

"เฟิงอวี้ เจ้าหายไปไหนน้องของเจ้ากำลังหิว รีบมาทำอาหารให้น้องของเจ้าเร็วสิ"

มารดาเลี้ยงตะโกนมาจากในตัวบ้าน ที่สร้างมาจากดิน และมีหลังคาที่ทำมาจากใบไม้บางอย่าง ที่เฟิ่งอวี้ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกมันว่าใบอะไร

จางเซินมารดาเลี้ยง เดินออกมามองหาลูกเลี้ยง ที่ตอนนี้สมควรที่จะถอนวัชพืชอยู่ในแปลงผักเล็กๆ ใกล้บ้าน ยิ่งเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ เหมือนว่าจะยิ่งสิ้นเปลืองมากขึ้นเท่านั้น สู้ให้แต่งออกไปยิ่งมีประโยชน์ต่อตัวนางกับลูกมากกว่า

ปีนี้เฟิงอวี้มีอายุสิบหกปี เห็นสมควรว่าควรที่จะแต่งออกไป แล้วเอาสินสอดที่ได้มา เตรียมเอาไว้เป็นสินเดิมของลูกสาวนางในอนาคต อย่างไรแล้วการที่ผู้หญิงมีสินเดิม มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ครอบครัวของสามี มีความเกรงใจมากขึ้นเท่านั้น

เฟิงเซียน น้องสาวคนรองที่มีอายุสิบสี่แล้ว หลังจาก ถึงวัยปักปิ่น ก็เริ่มให้แม่สื่อหาครอบครัวสามีที่พอจะมีฐานะให้ลูกสาว ถึงตอนนั้น คงไม่ต้องคิดหรอกว่าลูกสาวของนางจะสุขสบายขนาดไหน คนเป็นแม่อย่างไรแล้วก็ต้องการให้ลูกของตนเองได้ดีกว่าลูกของคนอื่น ที่สำคัญแล้วต้องได้ดีมากไปกว่าลูกติอดของสามีผู้นี้

เฟิงอวี้ ทำไมถึงได้โง่งมขนาดนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนพวกนั้นจ้องจะเอาเปรียบ ยังก้มหน้าก้มตาทำงาน และยอมให้คนพวกนั้นเอาเปรียบอยู่ได้ง่ายๆ บิดาของนางก็ช่างเป็นผู้ชายที่โง่งม ไม่ต่างจากบุตรสาวคนนี้เลยแม้แต่น้อย

ถึงตอนนี้ก็ยังคงเข้าป่าไปล่าสัตว์มาขาย ด้วยความคิดที่ว่าอยากให้บุตรทั้งสามคนอยู่กินกันอย่างสุขสบาย หารู้เลยว่าภรรยาใหม่ของเขา เอาเปรียบและรังแกลูกสาวคนโตของตนเองอยู่เสมอ

เฟิงอวี้เดินออกมาจากกองฟางก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป ร่างเดิมทั้งผอม ผิวพรรณหยาบกร้านอะไรได้มากขนาดนี้ จางเซินผู้เป็นแม่เลี้ยงยืนกอดอก มองหน้าลูกเลี้ยงอย่างใช้คำสั่ง

"กว่าจะออกมาได้ เพราะเจ้าขี้เกียจแบบนี้อย่างไรเล่า แม่ถึงต้องให้เจ้าขยันทำงานมากขึ้น" บอกแล้วว่าร่างเดิมเป็นสตรีที่โง่เขลา เชื่อไปได้อย่างไรกว่าการกระทำพวกนี้คือการกระทำที่สื่อออกมาว่าห่วงใย

"เช่นนั้นท่านแม่ก็ให้น้องรองกับน้องเล็กทำอาหารกินเองบ้างสิเจ้าคะ ท่านเอาแต่ห่วงใยข้าอยู่แบบนี้ น้องๆ ทั้งสองคนจะน้อยใจเอาได้ อีกอย่าง ในเมื่อไม่นานข้าจะแต่งออกไปแล้ว น้องสองคนจะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไรกัน ไม่ใช่ว่าหลังจากที่ข้ามีครอบครัวไปแล้ว น้องทั้งสองคนจะอดตายหรอกนะเจ้าคะ"

จางเซินไม่คิดว่านี่ จะเป็นสิ่งที่ออกมาจากเด็กสาวที่หัวอ่อนที่สุด ที่จริงแล้วเฟิงอวี้ไม่ใช่คนที่จะฉลาดพูดได้มากถึงขนาดนี้

"ไม่ได้ เจ้าต้องไปทำอาหารเดี๋ยวนี้ จะให้น้องๆ มาเหนื่อยแบบเจ้าได้อย่างไรกัน"

เฟิงอวี้อยากจะหัวเราะออกมาให้ฟันหัก สตรีคนนี้ช่างพูดจริงๆ บอกกับนางว่าหวังดี แต่ทว่ากลับไม่ให้หวังดีกับลูกในไส้ของตนเอง นั่นคงจะเป็นเรื่องที่น่าขันจนเกินไปแล้ว

ดรุณีน้อยเมินหน้าหนีมารดาเลี้ยง ก่อนที่จะพูดบางอย่าง ที่คนเป็นแม่เลี้ยงจะต้องตกใจ

"ข้าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น อีกไม่กี่วันข้าจะแต่งออกไปแล้ว ดูน้องๆ ของข้าสิ แต่ละคนล้วนมีผิวที่สวยงาม มีเนื้อหนัง แต่ตัวข้าเองกลับผอมแห้งและผิวหยาบกร้าน หลังจากนี้ข้าจะไม่ทำอะไร จนกว่าที่จะแต่งออกไป"

กว่าจะค้นหาคำพูดอะไรออกมา ก็เห็นว่าลูกเลี้ยงสาวเดินออกไปจากบ้านแล้ว

"ตึ๊ง ปลดล๊อคระบบจอมปราชญ์ สวัสดีนายท่าน"

เฟิงอวี้สะดุ้งจนตัวโก่ง เมื่อจู่ๆ กลับมีเสียงอะไรดังในขึ้นสมอง

"เสียงอะไรกัน"

"นายท่าน ข้าคือระบบจอมปราชญ์ หลังจากนี้ท่านจะมีสกิลประเมินสิ่งของและมูลค่าของทรัพย์สินต่างๆ รวมถึงประเมินความคิดของคนอีกด้วย"

ระบบจอมปราชญ์อย่างนั้นหรือ อย่างน้อยในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดีๆ  น่าเสียดายที่ไม่มีมิติเหมือนในนิยายย้อนเวลา ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงอิ่มท้องไปแล้ว

"ในเมื่อไม่มีอาหาร นายท่านก็แค่ออกไปหาอาหารแค่นั้น ท่านอย่าคาดหวังเรื่องมิติแบบนั้นเลย"

"นี่ท่านได้ยินความคิดของข้าอย่างนั้นหรือ"

"มันเป็นเรื่องปกตินี่นายท่าน เพราะต่อไปท่านก็ต้องสื่อสารกับข้าทางความคิดอยู่แล้ว"

อย่างน้อยก็มีตัวช่วย ไม่รู้ว่าจะดีขนาดไหน แต่ดีกว่าไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยตอนนี้ก็อุ่นใจว่าไม่ได้ทะลุมิติมาที่นี่ และต้องอยู่เพียงลำพัง

"นายท่าน ด้านหน้ามีแหล่งอาหาร"

สายตาของเฟิงอวี้มองไปยังจุดที่เป็นวงกลมสีแดงในสายตา ระบบนี่ช่างทำงานได้อย่างมืออาชีพจริงๆ ต้นมันฝรั่งอย่างนั้นหรือ หรือว่าระบบนักปราชญ์จะให้นางขุดมันฝรั่งขึ้นมาทำอาหาร

"เป็นมันฝรั่ง แต่เราจะกินมันอย่างไร ในเมื่อตอนนี้ข้าติดไฟไม่เป็น"

"ไม่ยากเลย"

หลังจากที่ระบบจอมปราชญ์บอกวิธีจุดไฟแบบง่ายๆ เฟิงอวี้ก็สามารถติดไฟได้อย่างรวดเร็ว ระบบจอมปราชญ์มันดีอะไรขนาดนี้กัน มันฝรั่งที่ถูกขุดขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ถูกโยนใส่กองไฟ ที่ผ่านการเขี่ยออกมาเหลือแค่เพียงถ่านแดงๆ ท้องน้อยๆ ร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีคนอยู่บริเวณนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่ออกจะน่าอายยิ่งนัก

เพียงผ่านไปหนึ่งก้านธูป มันฝรั่งเผาก็เริ่มจะกินได้แล้ว เหมือนว่าร่างเดิมจะไม่ค่อยได้กินอาหารมากมายเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่กินมันฝรั่งไปได้แค่สองหัว ร่างกายนี้ก็รู้สึกอิ่มแน่นไปหมด

อย่างน้อยๆ ตอนนี้เฟิงอวี้ก็ไม่ต้องอดทนต่อความหิวอีกต่อไป หลังจากอิ่มท้องก็เริ่มเดินหาของกินที่น่าจะเก็บเอาไว้กินได้  เพราะมีระบบจอมปราชญ์ ทำให้ตอนนี้ในมือของนางมีของกินจนเต็มมือไปหมด

นางไม่ได้วางแผนที่จะเอาของกินพวกนี้กลับบ้านไป เพราะขืนทำแบบนั้น น้องจอมตะกละทั้งสองคน คงเขมือบอาหารพวกนี้ลงท้องไปจนหมด แม้ว่าร่างเดิมไม่ต้องการที่จะแต่งกับผู้ชายคนนั้น แต่มันไม่ใช่ความคิดของไป๋อวี้

การแต่งงานกับโจวเฉิน ไม่ใช่เรื่องที่แย่นัก นอกจากผู้ชายคนนั้นตาบอดข้างหนึ่ง ในส่วนอื่นๆ ของผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้มีอะไรที่แย่เกินไปนัก อย่างน้อยเขาก็มีบ้านที่แข็งแรงกว่าบ้านเดิมหลังจากที่แต่งงานออกไปแล้ว ถ้าหากเขาปฏิบัติกับนางไม่ดีนัก ก็แค่หย่าเท่านั้นเอง ไม่เห็นว่าต้องคิดเรื่องนี้ให้มากจนหนักหัวเกินไป

"ระบบ ข้าควรที่จะแต่งงานกับโจวเฉินผู้นั้นดีหรือไม่"

"เรียนนายท่าน โจวเฉินผู้นี้ ไม่ใช่บุคคลธรรมดาเลย ถ้าแต่งงานกับเขา ในอนาคตนายท่านจะมีชีวิตที่ดีจนคาดไม่ถึง"

ไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นก็เท่ากับว่านางกำลังจะตกถังข้าวสาร ผู้ชายคนนั้นตั้งใจปกปิดตัวตนเพื่อสิ่งใดกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel