บทที่ 4
จือหลินนางยังไม่คิดจะนำไก่ป่ากับกระต่ายป่าที่หามาได้นำไปขาย เพราะมารดาของนางและร่างนี้ของนางไม่ได้รับสารอาหารที่พอเพียงมาเป็นระยะเวลานานนางจึงจะเก็บไว้กินเอง
ก่อนที่จะไปล้างตัว จือหลินนางยังไปจัดการกับเนื้อสัตว์ที่ได้มาเพื่อจะเก็บไว้ได้กินในมือต่อไป เครื่องปรุงในเรือนแทบจะไม่มีนางจึงทำได้แต่แช่เนื้อไว้ในโอ่งน้ำก่อนเพื่อเก็บรักษาไม่ให้เน่าเสีย
พรุ่งนี้นางคิดจะขึ้นเขาเพื่อหาดินโป่งที่มีความเค็มเพื่อนำมาสกัดเป็นเกลือเก็บไว้ใช้กินในเรือนแต่หากนางโชคดีของได้พบดินเค็มแทนก็ได้
จือหลินเดินไปดูลี่อินที่ห้องของนางก่อนที่นางจะกลับห้องของตนเอง ก็พบว่ามารดาของนางนั้นนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว จือหลินจึงกลับห้องไปพักผ่อน
ลี่อินที่นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางเห็นจือหลินที่กำลังยกอาหารขึ้นตั้งโต๊ะเสร็จก็กำลังจะออกจากเรือนเพื่อขึ้นเขา
“กินข้าวแล้วหรือหลินเออร์” ลี่อินร้องถามบุตรสาวที่กำลังจะเดินออกจากเรือน
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่มื้อกลางวันข้าเตรียมให้แล้ว ท่านอย่าได้ลืมกินเสียเล่า” เพราะทุกครั้งสองแม่ลูกจะกินข้าวแค่มื้อเช้ากับเย็นเท่านั้น
จือหลินอยากจะบำรุงร่างกายของลี่อินให้ฟื้นกำลังได้เร็วขึ้นจึงได้เตรียมอาหารให้นางได้กินวันละสามมื้อ
จือหลินนำอาหารในส่วนของนางขึ้นเขาไปด้วยจะได้ไม่เสียเวลาจัดหาอาหารให้ยุ่งยากอีก ในครั้งจือหลินพบเจอชาวบ้านที่ออกมาหาของป่าหลายคนแล้ว
แต่ละคนก็เข้ามาสอบถามนางด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้มารดาของจือหลินจะทำเรื่องที่น่าอับอายพอเวลาผ่านไปชาวบ้านก็แปรเปลี่ยนมาเห็นใจสองแม่ลูกที่ใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก
ยิ่งตัวของจือหลินด้วยแล้ว ทุกคนกลับรู้สึกเอ็นดูนาง เพราะนางเป็นเด็กดีคอยดูแลมารดาที่เจ็บป่วยบ่อยครั้ง หากเรือนไหนที่ได้อาหารมาจากป่ามากก็มักจะนำมาแบ่งปันให้สองแม่ลูกอย่างใจกว้าง ทั้งคู่จึงผ่านมาได้จนทุกวันนี้
จือหลินนางก็ตอบกลับทุกคนอย่างไม่นึกรำคาญ ก่อนจะขอตัวเดินขึ้นเขาไป ชาวบ้านยังเตือนนางไม่ให้เดินเข้าไปลึกนัก นางก็ตอบรับอย่างยินดี
แต่คนอย่างจือหลินจะเชื่อได้อย่างไร หากไม่เดินเข้าไปในป่าลึกนางจะเจอสิ่งที่ต้องการได้อย่างไรเล่า
ครั้งนี้จือหลินเดินเข้าไปไกลจากจุดที่นางหาของป่าเมื่อวานนับว่ามากนัก แต่ก็ทำให้นางนึกยินดี เมื่อเจอโป่งดินที่สัตว์ป่ามักลงมากินโป่งใหญ่
จือหลินวางตะกร้าที่นางแบกมาด้วยลง ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ โป่งดิน หากนำส่วนที่เป็นโป่งดินกลับไปความเค็มที่นางต้องการคงสกัดเป็นเกลือออกมาได้อยาก
หากหาไม่เจอนางคงต้องขุดดินโป่งกลับไปแทนเพื่อนำไปรมควันเก็บไว้ให้มารดาได้กินเพื่อเสริมธาตุเหล็ก แต่การทำกว่าจะได้ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ซึ่งจือหลินนางขี้เกียจรอ
ยังนับว่าโชคยังพอมี เมื่อนางสำรวจไปเจอดินไม่ไกลจากดินโป่ง บนผิวดินคราบขาวของกลืออยู่ด้านบนของดิน
จือหลินจึงวิ่งกลับไปเอาตะกร้าของนางกลับมาขุดดินขึ้นมาจนเต็มตะกร้า ก่อนที่จะแบกลงจากเขาไป เมื่อลงมาด้านล่างฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว จือหลินนางต้องเดินไปพักไปตลอดทาง เพราะน้ำหนักดินที่อยู่บนหลังของนางมากเกินกว่าที่เด็กตัวเล็กจะแบกมาตลอดทางได้ไหว
เมื่อถึงเรือนจือหลินวางตะกร้าลงแล้วนอนแผ่อยู่บนพื้นอย่างหมดแรง ลี่อินรีบออกมาดูบุตรสาวก็ต้องแปลกใจที่ครั้งนี้เห็นนางแบกดินกลับมาเสียเต็มตะกร้า
“ดื่มน้ำเสียก่อน” ลี่อินประคองจือหลินให้ลุกขึ้นมาดื่มน้ำ
เมื่อจือหลินหายเหนื่อยแล้วนางกับมารดาก็ช่วยกันยกตะกร้าไปที่หลังเรือน จือหลินนางเทดินให้อ่างใบใหญ่เท่าที่นางจะหาได้ แล้วเติมน้ำลงไปให้เต็มก่อนที่นางจะหาไม้มากวนในอ่าง แล้วทิ้งไว้ครึ่งชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง) เพื่อให้ดินที่นางกวนตกตะกอน เหลือเพียงแต่น้ำที่ด้านบน
จือหลินไปอาบน้ำล้างตัวแล้วพักผ่อนเพื่อรอเวลา ตลอดเวลาลี่อินนางก็อยู่เป็นเพื่อนบุตรสาวเผื่อมีสิ่งใดที่นางจะช่วยหยิบจับได้บ้าง แต่ก็ถูกจือหลินไล่กลับห้องเพื่อให้นางได้ไปพักผ่อน
“ท่านแม่ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ช่วยข้าเจ้าค่ะ เมื่อท่านหายดีข้าจะให้ท่านช่วยหยิบจับให้เต็มกำลัง” เมื่อฟังสิ่งที่บุตรสาวพูดลี่อินก็กลับไปที่ห้องของนางอย่างเข้าใจ
ยิ่งนางบำรุงร่างกายจนสามารถดีขึ้นได้เร็วเพียงใด บุตรสาวตัวน้อยของนางก็จะได้มีนางคอยช่วยทำงานเรือนได้แล้ว
จือหลินเห็นว่าเพียงครึ่งชั่วยามน้ำยังขุ่นมากนัก ดินที่กวนไว้ก็ยังไม่ตกตะกอนดี จือหลินจึงกลับห้องไปนอนพรุ่งนี้นางค่อยมาจัดการเรื่องที่เหลือต่อ เพราะตอนนี้นางก็เหนื่อยล้าจนตาแทบจะปิดลงแล้ว
จือหลินที่นอนหลับสนิทนางจึงไม่รู้ว่าระบบมิติของนางส่งสัญญาณเตือนกลับมาหานางได้แล้ว แต่ไม่นานสัญญาณก็ขาดหายไป
รุ่งเช้าจือหลินตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาก็พบว่าน้ำที่ทิ้งไว้เมื่อคืน ใสจนสามารถนำมาต้มได้แล้ว
จือหลินค่อยๆ ตักน้ำออกจากอ่างอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้ติดดินขึ้นมาด้วย เมื่อนำไปต้มสีของเกลือจะดูไม่น่ากิน
ลี่อินที่อยากจะช่วยบุตรสาวทำงาน จือหลินจึงให้มารดาไปเตรียมผ้าสะอาดมาไว้เพื่อกรองน้ำอีกครั้ง เมื่อนางตักน้ำออกจนหมดก็เติมน้ำอีกครั้งเพราะความเค็มที่อยู่ในดินยังไม่หมดไป
จือหลินส่งน้ำที่นางตักขึ้นมาได้ส่งให้มารดาเพื่อนำไปกรอง นางก็ปลีกตัวออกไปก่อไฟเพื่อจะเตรียมต้มน้ำเกลือ