บทที่ 2 แท่งหยกของข้าไม่เล็ก!
บทที่ 2
แท่งหยกของข้าไม่เล็ก!
นางจงใจด้อยค่าข้า
จู่ๆ โหวซือหม่าก็มองกราดไปรอบๆ โรงตีเหล็ก ช่างตีเหล็กกว่าสิบชีวิตที่พากันยืนฟังอ้าปากค้าง ตกตะลึงคำกล่าวดั่งกินในที่ลับไขในที่แจ้งของคุณหนูอวี้ ทั้งหมดถึงกับรีบหันหลังแล้วยกค้อนตีเหล็กมือเป็นระวิง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
“พวกเจ้าทุกคนมานี่!”
คำสั่งของผู้เป็นนายเหนือหัวทำให้เหล่าชายฉกรรจ์จำต้องวางค้อนลงแล้วเดินไปยืนเรียงแถวหน้ากระดานต่อหน้าโหวซือหม่าด้วยความงุนงง
“ถอดกางเกงออกเดี๋ยวนี้”
“อะ...อะไรนะขอรับท่านโหว”
ช่างฝึกหัดอายุน้อยที่สุดถึงกับเอ่ยถามด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายแผ่พลังปราณดุดันออกมา เขาจึงต้องรีบถอดกางเกงด้วยรักตัวกลัวตาย
ช่างฝีมือสิบสองชีวิตยืนเปลือยท่อนล่างโดยมีกางเกงกองอยู่ที่ข้อเท้า ใบหน้าเหยเกพิพักพิพ่วนเหลือทน พ่อบ้านเห็นดังนั้นก็ทำท่าจะถอดกางเกงด้วยทว่าโหวหนุ่มกลับรีบสั่งห้าม
“พ่อบ้านไม่ต้อง เจ้าแก่แล้ว...”
“ขะ...ขอรับ”
พ่อบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยไม่เข้าใจจุดประสงค์ของผู้เป็นนาย แล้วความแก่ของเขามันเกี่ยวอะไรกับการถอดกางเกงเล่า
โหวซือหม่าเหลือบมองแกนกลางกายของลูกน้องทีละคนด้วยใบหน้าเคียดขึงราวกับกำลังคิดวิเคราะห์
บางคนเล็กสั้น
บางคนเล็กแต่ยาว
บางคนใหญ่แต่สั้น
บางคนทั้งใหญ่ทั้งยาว
บางคนเอียงซ้าย
บางคนเอียงขวา
บางคนสีชมพู
บางคนดำคล้ำ
บางคนมีขนรุงรัง
โหวหนุ่มถอนหายใจเมื่อพบว่าขนาดของแกนกลางกายของเขาใหญ่กว่าลูกน้องทุกคน
‘แท่งหยกของข้าหาใช่เล็กจ้อย มันมีขนาดใหญ่ยาวกว่ามาตรฐานของบุรุษทั่วไปเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีสีชมพูผุดผ่อง ตรงไหนกันที่ทำให้อวี้อ้ายฉิงรู้สึกราวกับอ้าขาให้ลมพัดผ่าน’
ยิ่งคิดคิ้วเข้มก็ยิ่งขมวดเข้าหากันจนแทบผูกเป็นปม ใบหน้าขึ้งเคียดของเจ้านายทำให้ทุกคนได้แต่ยืนนิ่ง ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยวาจาใดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
‘หรือว่านางจงใจด้อยค่าข้า จงใจทำให้ข้าอับอาย จงใจทำให้ข้าหมดความเชื่อมั่นในตนเอง นางคงโกรธแค้นที่ข้าขับไล่นางออกจากจวนดั่งหมูหมาข้างถนน คงอับอายที่ใช้เล่ห์กลสาไถหมายมัดใจข้าด้วยร่างกาย แต่ข้าก็ยังเกลียดชังนาง หึ! วิธีเด็กๆ เช่นนี้คิดหรือว่าจะกระตุกหนวดของข้าได้ ไม่มีวัน!’
คิดพลางเดินออกไปจากโรงตีเหล็กด้วยความหงุดหงิด ทิ้งให้ช่างตีเหล็กทั้งสิบสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายจึงสั่งให้พวกตนถอดกางเกง!
“ให้ตาย!”
ซือหม่าตงหยางอาบน้ำชำระล้างคราบเหงื่อไคลจากการตีเหล็กจนหมดสิ้นแล้ว เขาสวมอาภรณ์สีม่วงอ่อน ปล่อยผมสีเงินยวงยาวสยายจดเอวสอบ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งจัดการงานเอกสารที่คั่งค้าง ทว่าถ้อยคำของอวี้อ้ายฉิงกลับวนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความคิดจนน่าหงุดหงิด
เขาวางพู่กันลง เอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้านหลัง ใช้ปลายนิ้วบีบแรงๆ ที่สันจมูกดโด่งเพื่อเรียกสติ
ทว่า...
‘ดั่งนอนอ้าขาให้ลมเย็นพัดผ่าน’
‘ดั่งนอนอ้าขาให้ลมเย็นพัดผ่าน’
‘ดั่งนอนอ้าขาให้ลมเย็นพัดผ่าน’
กลับดังขึ้นซ้ำๆ ราวกับหลอกหลอน
ปั้ง!
“บัดซบ”
กำปั้นหนักๆ ทุบลงบนโต๊ะไม้เนื้อแข็งจนบุบลงไป เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนจากนั้นจึงสาวเท้ายาวๆ ก้าววนไปมาภายในห้อง
‘ข้าควรจัดการกับไอ้ความรู้สึกบ้าๆ ที่กำลังกวนใจอย่างไรดีเล่า!’
ย้อนถามตัวเอง แน่นอนว่าชายหนุ่มหาได้รับคำตอบ มีเพียงความคิดวุ่นวายวกวนอยู่ในห้วงแห่งความคิด
เป็นเพราะเขาถูกลูบคม หมิ่นเกียรติ และเย้ยหยันจากสตรีที่คอยตามตื๊องั้นหรือ เขาจึงรับไม่ได้ เสียดาย หรือว่าอาลัยอาวรณ์นางงั้นหรือ
ไม่มีทาง!
การที่อวี้อ้ายฉิงออกไปจากชีวิตของเขาคือความหวังสูงสุด นั่นเพราะเขารังเกียจนาง สะอิดสะเอียนสายตาของนางยามจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงอย่างเปิดเผย ไม่ว่าเขาจะไปงานเลี้ยงที่ใด จะต้องมีนางคอยมาเดินตามตอแยดั่งเงา เขาออกปากไล่ ด่าทอ บางครั้งรำคาญมากๆ ก็ถึงกับเอามีดสั้นจ่อคอหมายข่มขู่ให้นางหวาดกลัว
แต่ทว่าอวี้อ้ายฉิงเป็นสตรีแพศยาไร้ยางอาย นอกจากนางจะไม่สะทกสะท้านแล้วนางยังคอยกีดกันสตรีทุกคนไม่ให้เข้าใกล้เขา แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาอย่างโจ่งแจ้ง หนักสุดถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตีจางซีฮันจนบอบช้ำ
ห้าปีมานี้ไม่มีวันไหนที่เขาไม่เหน็ดเหนื่อยกับนาง นางเป็นดั่งฝันร้ายที่คุกคามชีวิตอันแสนสงบสุขของเขา
‘อวี้อ้ายฉิงเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ หรือนี่เป็นวิธีเรียกร้องความสนใจจากข้า’
สตรีไร้ยางอายผู้นี้ทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา นางเคยแกล้งผูกคอตาย แกล้งกระโดดน้ำจะฆ่าตัวตาย แกล้งดื่มยาพิษ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้เขาสงสารและเห็นใจในความรักของนางที่มีต่อเขา
‘ใช่แล้ว! นี่ต้องเป็นหนึ่งในแผนการเรียกร้องความสนใจจากหญิงแพศยาอวี้อ้ายฉิงเป็นแน่!’
คิดพลางกัดฟันกรอด ผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวยาวๆ ออกจากห้องทำงาน จุดหมายปลายทางคือจวนนายอำเภออวี้ เขาต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าอวี้อ้ายฉิงสตรีแพศยาคิดวางแผนอะไรอยู่กันแน่!